ดังตฤณ : ขึ้นอยู่กับคนนะ ถ้าเข้าข่ายที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เป็นบุคคลผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีผงในดวงตาน้อย มีปัญญาที่เจิดจ้า พวกนี้ บางทีไม่เคยฝึกสมาธิเลย แต่ฟังธรรมะ แล้วเกิดสมาธิอย่างใหญ่ เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา มรรคผลนี้ก็คือ ฌานนั่นเอง
คือถ้าหากว่า รู้สึกว่าตัวเองจิตรวมลงเป็นฌานได้
แล้วทิ้งอุปาทานได้ แบบนี้ก็อาจไม่ต้องเคยมีปีติสุขก็ได้
วิธีสำรวจดูง่ายๆ นะ
เรามีธุลีในดวงตาน้อยหรือเปล่า อย่างเวลาฟังธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่า
รูป เที่ยงหรือไม่เที่ยง
เวทนา เที่ยงหรือไม่เที่ยง
สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง
สังขาร เที่ยงหรือไม่เที่ยง
วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง
แล้วใจเราตอบไปทีละเปลาะว่า ไม่เที่ยง
ไม่มีอะไรเลยในกายใจที่เที่ยง แล้วพอถามว่า สิ่งใดที่ไม่เที่ยง
สิ่งนั้นควรเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นตัวเดิมหรือเปล่า เป็นตนของเราหรือเปล่า
ถ้าใจเราตอบว่าไม่สมควรเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน
นี่เรียกว่าเป็นผู้มีธุลีในดวงตาน้อยได้ มีสิทธิ์ได้มรรคผลเหมือนกัน
แต่ว่าโอกาสคือ หนึ่งในล้าน พูดกันตรงๆ นะ
ที่จะมีบุญเก่าขนาดที่ฟังธรรมอย่างเดียวแล้วบรรลุมรรคผลได้ ส่วนใหญ่ต้องมีสมาธิ
ถึงจะมีกำลังหนุนให้เกิดมุมมองให้ตรงกับสิ่งที่ใช่ คือไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน
นี่ก็พูดแบบพยายามให้ครอบคลุมในเวลาที่จำกัดนะครับ
ถ้านั่งสมาธิ
แต่ไม่เคยเกิดปิติ สุข เลย จะมีโอกาสได้มรรคผลไหมครับ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน ชนวนสมาธิ
ช่วง
คำถาม - คำตอบ
วันที่
4 กันยายน 2564
ถอดคำ
: เอ้
รับชมคลิป
: https://www.youtube.com/watch?v=-pWYvj4JBSQ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น