วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

11 จากสมถะสู่วิปัสสนา : แอนิเมชัน การทำสมาธิร่วมกัน (ท่าที่ ๒)

ดังตฤณ : สำหรับท่านที่ชำนาญแล้วก็ทำท่าที่ 2 ต่อไปเลย แต่ถ้าหากยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับท่าที่ 2 นะ วันนี้ผมจะมาแยกเป็นขั้นๆ ให้นะครับ

 

เริ่มแรกเลย เราจะมาฝึกแบบใช้มือก่อน .. ใช้มืออย่างเดียว



ให้คุณเอาฝ่ามือทั้งสองมาชนกันที่ระดับสะดือ แล้วยกขึ้นมาเฉยๆ ยังไม่ต้องให้ท้องพองก็ได้

เป็นการซักซ้อมเพื่อให้เกิดความรู้สึกชิน ว่าฝ่ามือเคลื่อนไหวอย่างไรก่อนในจุดเริ่มต้นนะครับ ยกขึ้นยกลง ให้รู้ว่าเริ่มต้นขึ้นมา จะต้องทำแบบนี้



จากนั้น พอเริ่มเกิดความรู้สึกชินแล้ว ก็ให้มาฝึกหายใจเข้า โดยป่องท้องออกมา เหมือนกับว่า ฝ่ามือที่รูดขึ้นมาถึงแนวระดับอก เป็นตัวช่วยให้ท้องป่องขึ้น เหมือนกับสูบลมเข้าท้อง 

การรูดขึ้น เป็นการสูบลมเข้าท้อง ให้ท้องป่องขึ้นมา คล้ายกับท้องเราเป็นลูกโป่ง .. ซ้อมแค่นี้ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่เพิ่งมาใหม่นะ

 

เมื่อเกิดความรู้สึกว่า เราสามารถจะให้มัน sync กัน มีความสอดคล้องกัน ฝ่ามือรูดขึ้นมาแล้วท้องป่องขึ้นมาได้ โดยที่ไม่มีความอึดอัด โดยที่ไม่มีความเกร็งหน้าท้อง โดยที่ไม่มีความเกร็งมือ ไม่มีความเกร็งส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ค่อยไปต่อ

 

ขั้นต่อไปก็คือ พอรูดฝ่ามือขึ้นมาถึงระดับอก ท้องป่องขึ้นมาแล้ว ก็ให้ทิ้งมือ วาดแขนออกไปจนสุดเลย แล้วก็ลากขึ้นมาเป็นครึ่งวงกลม มาบรรจบกันที่เหนือศีรษะ ค้างนิ่งไว้นิดหนึ่ง

 

คุณจะรู้สึกว่า ลมถูกท่ายกครึ่งวงกลมนี้ ลากเข้าสู่ปอดระลอกสุดท้าย เต็มอิ่ม

 

คือระลอกแรก เราหายใจด้วยท้อง เสร็จแล้วระลอกที่สอง เราใช้การวาดแขน วาดมือครึ่งวงกลม ในการช่วยซ้ำให้ลมระลอกที่สองเข้าสู่ปอดอย่างเต็มอิ่มนะครับ

 

ให้ดูจังหวะของตัวคุณเองด้วย ถ้าวาดแบบที่ช้าๆ สบายๆ จับจังหวะของตัวเองนะ ที่จะรู้สึกดีที่สุด สบายที่สุดที่ลมจากท้อง จะยกขึ้นสู่ปอดได้แบบรู้สึกมีความสุข รู้สึกสบาย รู้สึกผ่อนคลายทั้งตัว

 

ในที่สุดแล้ว คุณจะได้ความรู้สึกเบิกบาน จะเริ่มจากที่เนื้อตัวผ่อนคลาย ไม่เกิดความเกร็ง ไม่เกิดความฝืนที่จุดใดจุดหนึ่ง

 

จากนั้น ก็จะทำให้จิตของคุณถูกปรุงแต่ง ให้เกิดความรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นเรื่อยๆ จะค่อยๆ มีพัฒนาการจากความผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ให้กลายเป็นความรู้สึกเบิกบานที่ใจ 


อย่างตอนที่คุณทิ้งแขนวาดออกไป ก็จะเกิดความรู้สึกรับรู้ถึงอากาศว่างรอบข้างได้

 

ปกติ จิตของเราจะอุดอู้ อยู่กับความคับแคบตรงหน้า หรือในตัวนะครับ แต่พอเราได้ทอดแขน เหวี่ยงแขนออกไปข้างตัว คุณจะรับรู้ถึงอากาศว่างภายนอก แล้วก็รู้สึกถึงรัศมีของจิต ที่แผ่ออกไป

 

ตรงนั้นก็จะมีส่วนที่ทำให้จิตมีความเบิกบานมากขึ้น แล้วพอมีความเบิกบานมากขึ้น ในที่สุดก็เข้าสู่ภาวะที่ไม่ดิ้นรน ไม่กระสับกระส่าย

 

ภาวะที่จิตไม่ดิ้นรน ไม่กระสับกระส่าย ไม่อยากเอาอะไรนั่นแหละ คือภาวะที่ใจเข้าสู่ความวิเวก

 

และเมื่อมีความวิเวก มีความพร้อมที่จะรับรู้ลมหายใจอย่างเดียว อยู่ในท่านั่งคอตั้งหลังตรงนี้ ในที่สุด ปีติก็เกิด

 

ปีตินี่นะ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส เป็นปีติอันเกิดแต่วิเวก เพราะว่าตัวความวิเวกนี่แหละ ที่จะทำให้เกิดรสชาติของจิตมาอีกแบบหนึ่ง ไม่มีความฟุ้งซ่าน หรือถึงแม้ความฟุ้งซ่านจะจรเข้ามาในหัว เราก็รู้สึกว่าความมีปีติ สามารถขจัดกลุ่มความฟุ้งซ่านนั่นออกไปได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรมชาติธรรมดา เป็นกลไกของจิต

 

เดี๋ยวเราจะทำท่าที่ 2 นี้เป็นเวลา 10 นาที เพื่อที่จะให้ปีติเกิดเต็มนะครับ ถ้าใจของเราไม่วอกแวกไปไหน อยู่กับการเคลื่อนไหวของฝ่ามือ ช่วยไกด์ให้รู้ลมหายใจเข้า และออก อย่างช้า และนิ่มนวล ในที่สุดแล้ว ภายในสิบนาทีนี้ เรามาดูกันว่า จะไปต่ออย่างไร

 

(ทำสมาธิร่วมกันโดยใช้ฝ่ามือช่วยไกด์ ท่าที่ 2)

 

มาถึงตรงนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่นะครับ ก็น่าจะเริ่มรู้สึกถึงความผ่อนคลาย

 

ปีตินี่ เวลาคนสังเกต ก็มักจะสงสัยว่า เอ๊ะ หน้าตาความปีติเป็นอย่างไร

 

สังเกตง่ายๆ จากสัญญาณแรกคือ ทั้งตัวของคุณ กล้ามเนื้อผ่อนคลาย สบาย .. สบายทั่ว ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกร็ง ไม่ว่าจะในขณะหายใจเข้า หรือหายใจออกนะครับ

 

จากนั้น ธรรมชาติ ธรรมดาของจิตที่ถูกปรุงแต่ง ด้วยสภาพร่างกายที่ผ่อนคลาย ก็จะมีความสบาย จะพร้อมที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่เป็นความเคลื่อนไหวในตัวเอง ว่าร่างกายไปถึงไหน มีสภาวะอย่างไรอยู่

 

ตรงที่เรามีความพึงพอใจ ที่จะสังเกตภาวะภายใน ไม่กระสับกระส่าย ไม่มีความดิ้นรนออกไปข้างนอก นั่นแหละ ตัวนี้แหละ ที่จะเริ่มเกิดสิ่งที่เรียกว่า วิเวก

 

และวิเวกนี้ ถ้าหากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด จะมีความชุ่มฉ่ำ ชุ่มชื่น สดชื่น เหมือนกับดอกไม้สดที่บานออกมา เหมือนกับดอกไม้ที่ได้น้ำฝน เหมือนกับดอกไม้ที่ถึงเวลาเบ่งบาน จะคล้ายๆ แบบนั้นนะ ลักษณะของจิตที่มีปีติฉีดพุ่ง

 

ซึ่งแรกๆ อาจมาแบบอ่อนๆ แต่พอทำไปๆ ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านรบกวน ไม่มีอาการกระสับกระส่ายทางกายมาเบียดเบียน ในที่สุดแล้วความชุ่มชื่น ความมีปีตินั้นก็จะฉีดเต็ม แล้วเกิดความรู้สึกสว่างไสว ราวกับว่า เราไปจุดไฟอยู่ข้างในนะ

 

________________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน จากสมถะสู่วิปัสสนา

- การทำสมาธิร่วมกัน แอนิเมชัน (ท่าที่ ๒)

วันที่ 22 สิงหาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป :https://www.youtube.com/watch?v=Df6AbyZ4eZI




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น