วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Q03จิตสว่างวาบ นั่งสมาธิได้ยาวขึ้นหลายชั่วโมง คือดีหรือไม่

ดังตฤณ : สำหรับคนที่ทำสมาธิได้ นี่ต้องเน้นย้ำนะ สำหรับคนที่ทำสมาธิได้ คุณสามารถที่จะคาดหวัง หรือสำรวจตรวจสอบสมาธิจิตได้จากความสว่าง

 

สำหรับคนที่ยังไม่มีความสว่าง ผมไม่ได้สนับสนุนให้คุณมาคาดคั้นตัวเองว่าจะต้องเอาความสว่างให้ได้นะ นี่พูดถึงคนที่ได้โดยที่เขาไม่ได้มาฝืน มาเค้นอะไรกับตัวเองนะครับ

 

สำหรับท่านที่อยู่กลุ่มแรกๆ ที่บอกว่าลมหายใจมีความสว่าง คุณสามารถใช้ความสว่าง เป็นตัวบอกคุณภาพของสมาธิได้

 

สมาธิที่มีความสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลมหายใจที่ปรากฏสว่างชัด จะเป็นเครื่องหมายของการเห็นชัด คือนิมิตที่เป็นทุน นิมิตที่พร้อมจะแสดงความไม่เที่ยง พร้อมจะแสดงความไม่ใช่ตัวเดิม ให้คุณเห็นอย่างกระจ่างชัด

 

ทีนี้ กลับมาคำถาม บอกว่า ลมมา .. สว่างวาบ .. เข้าใจนะ คือช่วงแรกๆ จะมาแบบกระปริบกระปรอยก่อน สว่างแบบแวบขึ้นมา ราวกับว่าฟ้าผ่า หรือราวกับว่า เราเห็นแสงสว่างวิ่งไล่ตามลมหายใจเข้ามา

 

ต้องมีชีวิตที่ปราศจากนิวรณ์ ไม่มีอะไรห่อหุ้มให้เกิดความร้อยรัด หรือว่ายุ่งยากใจ ยุ่งเหยิงใจ ถึงจะมีความพร้อมที่ความสว่าง จะบ่มเพาะ เข้มข้นขึ้นมา

 

บอกว่า ครั้งนี้ออกจากสมาธิ เบ็ดเสร็จ เข้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง โดยแบบมีความเพลิดเพลินอยู่ในสมาธิ แล้วสามารถรู้สึกได้ว่า ความสว่างนี้ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไขขึ้น ให้แรงขึ้นๆ ตัวนี้ก็จริงๆ อยากอ้างอิงพระพุทธเจ้านะ

 

พระพุทธเจ้าท่านส่งเสริมนะ เรื่องสมาธิแบบที่มีแสงสว่าง เพราะอะไร เพราะท่านเห็นประโยชน์นะครับว่า สามารถที่จะทะลุทะลวง เข้ามาเห็นสภาพภายในของร่างกายได้แบบหมดจด

 

มาเจริญธาตุสี่ เห็นกายโดยความเป็นธาตุสี่ เห็นกายใจโดยความเป็นธาตุหก หรือเห็นกายโดยความเป็นอสุภะ ไม่ได้น่าเอา ไม่ได้น่ายินดี หรือเห็นสภาพทางกาย โดยความเป็นธรรมชาติ ธรรมดาของมัน ที่ต้องเน่าเปื่อยผุพังไป

 

จะเริ่มต้นเห็นมาจากแสงสว่างนี้แหละ แสงสว่างนี้ไม่ใช่โอภาส ที่สว่างจ้าแบบสปอตไลท์ขึ้นมาเฉยๆ นะ โอภาสแบบนั้น ทำให้มักพาคนออกข้างนอก

 

แต่ว่าแสงสว่างที่มาจากภายใน ที่บอกว่า ลมสว่าง จะสว่างวาบเดียว หรือสว่างคงเส้นคงวาก็ตาม อย่างนี้ จะพาเราเข้ามาข้างใน

 

ต้องทำความเข้าใจดีๆ ให้ชัดๆ แยกให้ออกอย่างนี้เลย

 

ถ้าเป็นโอภาสเฉยๆ สว่างเหมือนสปอตไลท์ส่องหน้า อันนั้นมักจะพาเราออกข้างนอก

แต่ถ้าลมหายใจสว่าง อย่างนี้ จะพาเข้าไปข้างในแน่นอน แล้วคุณจะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าลมหายใจที่สว่าง พาเราไปดูอะไร

 

เวลาคุณเห็นเครื่องในตัวเอง คุณจะไม่กลัว ไม่เกิดความรู้สึกว่าน่าขยะแขยง จะอ้วกอะไรแบบนั้น

 

แต่จะเห็นด้วยอุเบกขา เห็นออกมาจากจุดยืน เหมือนอยู่ในห้องเย็น เหมือนอยู่ในห้องที่สะอาด ที่สว่างนะครับ แล้วก็เห็นนอกหน้าต่างออกไป เต็มไปด้วยความสกปรกเน่าเหม็น เป็นปฏิกูลที่เละเทะยิ่งกว่าส้วม

 

ก็จะสรุปว่า ต่างคนต่างอยู่ จิตก็อยู่ส่วนหนึ่ง กายก็อยู่ส่วนหนึ่ง และจิตที่เห็นกายเป็นของสกปรก เป็นของของโสโครก จะแยกตัวออกมาตั้งอยู่เป็นเอกเทศของมัน

 

ตรงนี้ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า การมีอานาปานสติ ตามอสุภกรรมฐาน ดีตรงนี้ คือว่าเรามีที่มั่น เป็นชัยภูมิที่เซฟ ที่รู้สึกว่า สว่าง อบอุ่น ปลอดภัยนะครับ แล้วก็เราจะไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับกาย ในแง่ของการเสพความบันเทิง หรือว่า เสพกามหรืออะไรแบบนั้น

 

ซึ่งเป็นเหตุให้จิตมีความตั้งมั่น เป็นฌานได้ง่าย

 

นี่คือจุดประสงค์จริงๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงนะครับว่า มีความสว่างไปทำไม มีความสุขจากอานาปานสติไปทำไม จะพิจารณากายโดยความเป็นอสุภกรรมฐานไปทำไมนะครับ

 

________________________

ครั้งล่าสุดลมมาสว่างวาบ ครั้งนี้ออกสมาธิเบ็ดเสร็จ ปาไปเกือบ ๒ชม. ปกติไม่เกิน ๒๐-๓๐ นาที แบบนี้คือดีใช่ไหมครับ?

 

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน จากสมถะสู่วิปัสสนา

- ช่วงตอบคำถาม

วันที่ 22 สิงหาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=2fyXL6qx7B8&t=1s

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น