วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

08.3 เหลือแต่ตัวรู้สังขารขันธ์ : รวมฟีดแบค

- เมื่อวันจันทร์ นั่งไปสักพักร่างกายหายไป รู้สึกเป็นแสงสว่างโล่งไปหมดเลยค่ะ สว่างกว้างไกล เหมือนมีแต่แสงสว่าง ทั่วไปทั้งหมดทุกทิศทาง มองตัวเราก็ไม่มีค่ะ มีแต่แสงสว่างนี้เสมอไปหมด แต่ใจก็ถามตัวเองว่านี่คืออะไร เราต้องทำอย่างไร ก็ดูลมหายใจต่อไปค่ะ สักพักถึงจะเห็นร่างเราเห็นลมกลับมา

ดังตฤณ : วันนี้เหมาะเลย เรามาทำความเข้าใจกันใหม่ เห็นไหมคือ ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ ประสบความสำเร็จในทางสมาธิ แต่ก็ไม่ได้เป็นประกันว่า เราจะมาถึงความปลอดภัย

 

ถ้าไม่มีหลัก ไม่มีทุน เป็นความรู้ ความเข้าใจอันเป็นสัมมาทิฏฐิไว้ก่อน ก็จะมาติดอยู่แค่ความสว่าง

 

ความสว่างนี้ให้อะไรบ้าง .. ให้ความสามารถที่เราจะออกไปรู้ ออกไปดูอะไรนอกตัว นอกกายนอกใจนี้

 

ความสว่างให้อะไรกับเราบ้าง .. ความรู้สึกติดใจ ความรู้สึกอยากกลับมาหา ความรู้สึกถวิลหา

 

ความสว่างให้อะไรเราได้อีก .. ถ้าหากว่า มันประกอบกับความรู้ความเข้าใจอันเป็นสัมมาทิฏฐิ ความสว่างจะถูกมองเป็นสังขารขันธ์ชนิดหนึ่ง เป็นการปรุงแต่งไปชั่วคราวของจิตอย่างหนึ่ง แล้วก็ไม่เกิดความรู้สึกรู้สา ว่าสังขารขันธ์นี้ มีคุณค่าที่แท้จริง เหนือกว่าความฟุ้งซ่าน เหนือกว่าความโลภ ความโกรธ ความหลง อื่นๆ อย่างไร สักเท่าไหร่

 

เพราะมาล่อจิตให้หลงยึด ว่าเป็นตัวเป็นตนเหมือนกันๆ มันมาเพื่อที่จะให้เราเขวออกนอกทาง ไปสู่การไขว่คว้าอะไรที่ไม่ใช่ประโยชน์สูงสุด

 

แล้วในที่สุด พอเหตุปัจจัยให้เกิดความสว่างนี้หมดไป ความสว่างก็หายไปด้วย แล้วจะมีสาระแก่นสารที่แตกต่างจากลมหายใจ หรือว่าความคิดฟุ้งซ่าน หรือว่าอารมณ์ต่างๆนานา ชนิดอื่นอย่างไรได้ เหมือนกันหมด เป็นความไม่เที่ยง เป็นภาวะที่มาอยู่กับเราชั่วคราว มาล่อจิตชั่วคราว ไม่ได้มีแก่นสารสาระอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้นเลย

 

การที่เราเห็นได้ ก็คือการที่เราเป็นชาวพุทธ แบบถึงแก่นได้คนหนึ่งจริงๆ นะครับ

 

- กราบขอบพระคุณพี่ตุลย์และทีมงาน อนุโมทนากับทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมกันเจริญอานาปานสติด้วยกันวันนี้ค่ะ ปฏิบัติบ่อยรู้สึกตัวได้ชัดขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ

ดังตฤณ : อนุโมทนาเช่นกันนะครับ

 

- จันทร์-ศุกร์ที่ผ่านมาปฏิบัติได้ไม่ค่อยดี ตอนหายใจเข้า รู้สึกอึดอัดหายใจไม่สุด ทำให้นั่งสมาธิได้ไม่นาน แต่เมื่อสักครู่ทำท่าที่ 2 แบบใหม่ หายใจเข้าได้ลึกจนสุด เห็นลมหายใจชัด แต่มีอาการเรอเมื่อลมเข้าลึกจนสุด แล้วค่อยหายใจออก ทำให้จังหวะหายใจเข้าออกเกิดการสะดุด และเมื่อสังเกตตอนลมหายใจออก รู้สึกได้ถึงความเบาของมือค่ะ

ดังตฤณ : อาการเรอ หรือว่าการปรับทางกายนี่ อาจเกิดขึ้นสักระยะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่มีลมเยอะ มีอะไรที่เป็นความขัดข้องทางกาย

 

แต่พอทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าที่เข้าทาง แล้วก็เกิดความเป็นอัตโนมัติขึ้นมา คุณจะรู้สึกเลยนะว่า ทั้งสภาพทางกาย และสภาพทางใจ จะปรับเข้าสู่โหมดยืดหยุ่น โหมดที่พร้อมจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ เข้ามาเป็นสมาธิ และเป็นอัตโนมัติมากขึ้นเรื่อยๆ

 

คือเหมือนกับของดีตรงนี้ มาแทนที่ มาปัดเป่า มากำจัดของเสียเก่าๆ ออกได้ด้วย นี่เป็นธรรมชาติธรรมดาของสภาวะสมาธินะ เพราะพอเกิดสมาธิ ร่างกาย พูดง่ายๆ ว่า ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมะก็คือ มีความประณีตขึ้นเรื่อยๆ

 

จากเดิมที่หยาบอยู่ สภาพหยาบ จะค่อยๆ ปรับออกมาทางตา ง่ายๆ เลย รู้สึกผ่องใสขึ้น ผิวพรรณละเอียดขึ้น อะไรที่เป็นหยาบๆ จะถูกลบออกไป ทีละนิดๆ แบบที่ไม่กระโตกกระตาก แบบชัดเจนมากนะ

 

แต่จะค่อยๆ หาย ค่อยๆ หายไป รวมทั้งภาวะภายใน จะเรื่องลม จะเรื่องความผิดปกติเกี่ยวกับกาย ที่ขัดขวางการเจริญของสมาธิใดๆ ก็ตาม จะค่อยๆ หายไปทีละชิ้น ทีละอัน หรือบางทีหายไปทั้งยวงเลยก็มีนะ

____________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน เหลือแต่ตัวรู้สังขารขันธ์

- ช่วงรวมฟีดแบค

วันที่ 25 กันยายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป :

https://www.youtube.com/watch?v=hOd8FwH66-U&t=1s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น