ดังตฤณ : บางที เราต้องย้อนนึกนะ สมมติว่าเราเห็นญาติ เห็นคนสนิทที่ได้ดิบได้ดีทางธรรม ปฏิบัติธรรมได้ มาพูดตอนที่เรายังไม่พร้อมจะฟัง หรือว่าพูดตอนที่เรายังอาจไปไม่ถึงตรงนั้น อย่างเช่นเรื่องตาย อะไรอย่างนี้ เราจะรู้สึกอย่างไร
อย่างสมมติ คนที่เรารัก บอกว่า ฉันจะตาย
ด้วยเหตุที่มีจริงๆ ว่าป่วยตาย หรือว่าติดโควิด หรืออะไรที่ไหนมาก็ตาม
เราจะรู้สึกเสียใจ เศร้าโศก แล้วเป็นความรู้สึกอาลัยอาวรณ์
เป็นความรู้สึกว่าไม่อยากพรากจาก อยากร้องไห้ อยากอะไรอย่างนี้
แต่อย่างถ้ามาสมมติ คือไม่มีเหตุอะไรเลย
แล้วมาสมมตินี่ คนธรรมดาทั่วไป ที่ยังไม่เข้าใจธรรมะ ยังไม่ถึงธรรมะ ก็จะรู้สึกว่า
เรามาสาปแช่งตัวเอง แช่งตัวเอง มาสร้างอัปมงคลให้ตัวเอง
ยกเว้นแต่ว่า ที่ในบ้านคุณมีความเข้าใจธรรมะ
แล้วก็คุยธรรมะกันเป็นปกติอยู่ อันนี้ก็เป็นเรื่องดีนะครับ
จริงๆ แล้วเรื่องความตาย
ถ้าหากว่าเราเห็นเข้ามาจริงๆ ในภาวะทางกายนี้ ว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการแตกดับ
มีนิมิตแตกดับให้เห็นจริงๆ นั่นแหละ
พวกนี้จะเป็นพวกที่เห็นความตายอย่างแท้จริงของร่างกาย
ว่าวันหนึ่งต้องไปถึงจุดนั้นแน่ๆ
รู้ธรรมชาตินี้ของกายอย่างลึกซึ้งออกมาจากนิมิตภายในนะครับ
ซึ่งก็จะเหมือนกับเป็นเรื่องปกติของเรา
เป็นเรื่องที่ทำให้ใจเรา ไม่ออกอาการผิดปกติใดๆ
ทีนี้ตัวคำถามนี่ บอกว่าจะแก้ไขอย่างไร
ผมไม่รู้ว่าจะแก้ตรงจุดไหนนะ เพราะว่าที่คุณพูดมา ก็เป็นบวกทั้งหมด
ในเชิงการปฏิบัติแบบพุทธ ในเชิงการเจริญสตินะ
ได้แต่แนะนำก็แล้วกันว่า เวลาพูดเรื่องความตาย
ต้องดูคนด้วย อย่ามองว่า นี่เป็นธรรมะที่จะไปเป็นประโยชน์
หรือว่าทำให้คนอื่นเกิดความเห็นดีเห็นงาม แล้วก็เห็นอนิจจังตามเราไปนะครับ
เพราะหลายๆ คนไม่พร้อมจะรับฟัง แล้วก็อาจมองว่าเราหลุดโลกไปแล้ว หรือว่าไปไกลแล้ว
กลัวจะกู่ไม่กลับอะไรแบบนั้น
ยกเว้นว่า ถ้าคนที่เราพูดด้วย มีความเข้าใจไล่เลี่ยกับเรา
ใกล้เคียงกับเรา หรือเสมอกับเรา อันนี้เป็นเรื่องดี
การที่จะเตือนให้เกิดมรณสตินะครับ เป็นเรื่องดี
ตัวเราเอง ถ้าหากว่า
รู้สึกถึงความตายของกายนี้ที่จะต้องมาถึงในวันหนึ่งแน่ๆ ก็จะเป็นอนิจจสัญญา
ที่ดีนะครับ
พระพุทธเจ้าส่งเสริมให้มีอนิจจสัญญา
เพราะว่าจะพร้อมอยู่อย่างสบาย และพร้อมจะไปดี ไม่สวรรค์ก็นิพพาน
อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าตอบคำถามหรือเปล่า
เพราะว่าตัวคำถามจริงๆ ผมว่ามีแต่อะไรที่เป็นบวกนะ
วันนี้นั่งท่าที่
๑ ยังไม่นิ่ง ท่าใหม่ที่ ๒ รู้สึกว่าแขนเป็นตัวถ่วง แต่เห็นชัดในการสูบลมเข้าออก
เลยวางมือตามปกติและวางจิตไว้ที่รูปสูบลมเข้าออก เกิดปิติสุขมาก น้ำตาจะไหล
ใช้ความว่างเข้ามาพิจารณาดูว่าปิติสุขเกิดขึ้นมาจากความนิ่งสงบ
เห็นลมและกายคนละอย่างแยกออกมาอย่างเห็นได้ชัด เกิดความสว่างจ้าและว่างเปล่า
จะระลึกและพูดกับคนในครอบครัวถึงความตายทุกวัน รู้ว่ากำลังโกรธและระงับได้ไวขึ้น
แต่การระลึกถึงความตายทำให้ไม่อยากได้อยากดีอะไรเลย จะแก้ไขจุดนี้ได้อย่างไรคะ
ตอบโพลหลังนั่งสมาธิ กลุ่มแรกค่ะ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน เหลือแต่ตัวรู้สังขารขันธ์
-
ช่วงคำถาม คำตอบ
วันที่
25 กันยายน 2564
ถอดคำ
: เอ้
รับชมคลิป
:
https://www.youtube.com/watch?v=ZO142KuYvu0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น