วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2563

นั่งสมาธิเห็นความฟุ้งซ่านจนรู้ว่าไม่ใช่เรามันผุดขึ้นมาเอง แล้วให้ทำอย่างไรต่อจึงจะก้าวหน้าคะ ตอนนี้ภาวนาหายใจเข้า หายใจออกอยู่ เห็นภวังค์เกิดขึ้น งุนงงคล้ายฝัน สักพักรู้ลมหายใจ ให้ดูการเกิดดับของภวังค์ต่อไป หรือดูอะไรต่อคะ?


ดังตฤณ :  อันนี้อนุโมทนาเลยนะครับ อนุโมทนามากๆเลย เพราะว่าถ้าคุณทำอานาปานสติเป็น แล้วเห็นมาถึงตรงนี้ได้เนี่ย มันจะเห็นได้อีกเรื่อยๆ โดยไม่ต้องไปคาดคั้น โดยไม่ต้องไปสมมติ ไม่ต้องไปเลียนแบบของเก่า ไม่ต้องไปก๊อปปี้ของที่มันเคยทำได้แล้วมานะครับ

เพราะว่าการที่คุณสามารถหายใจยาวได้เรื่อยๆ มีความสุขได้เรื่อยๆ ความคิดมันจะปรากฏเป็นสภาวะที่มันผ่านมาผ่านไปเรื่อยๆเช่นกันให้สติรับรู้

แล้วมันไม่น่าแปลกใจหรอก พอเราเล็งถูกจุดมันก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาเอง มันอ๋อขึ้นมาเอง จิตมันฉลาดขึ้นมาเองนะครับว่า มันไม่ใช่เรา มันเป็นของที่ผุดขึ้นแล้วเดี๋ยวก็หายไปนะครับความฟุ้งซ่านเนี่ย

ทีนี้โจทย์ (คุณดังตฤณทวนคำถาม) ทำยังไงให้ก้าวหน้าตอนนี้ภาวนาหายใจเข้าออกอยู่เห็นภวังค์เกิดขึ้น งุงงงคล้ายฝันสักพักก็กลับมารู้ลมหายใจใหม่ ให้ดูการเกิดดับของภวังค์ต่อไป หรือดูอะไรต่อ?

ดูทั้งหมดนั่นแหละ อะไรเด่นให้ดูอันนั้น อะไรเด่นก่อนให้ดูอันนั้นก่อน อย่าไปพยายามที่จะหาคำตอบว่า เราควรทำอะไรต่อแล้วมันจะก้าวหน้าขึ้น ผมรู้ผมเข้าใจนะครับว่า พอมาถึงตรงนี้เนี่ยหลายคนจะเกิดกำลังใจ จะมีความรู้สึกใจชื้น เนี่ยได้ละได้ละเดี๋ยวมันจะต้องไปต่อแน่ๆ ความรู้สึกกระหยิ่มใจ หรือแม้กระทั่งกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเอาต่อให้ได้ อยากจะก้าวหน้าให้ได้เนี่ย บางทีมันกลายเป็นเข้าพวกกับตัณหาเข้าโดยไม่รู้ตัว ภวตัณหาคือ การอยากได้ภาวะที่เรานึกว่าดี

พอเราไปตั้งสเปคไว้ว่า ภาวะไหนเรียกว่าดีเนี่ย ตรงนั้นมันมีการไขว่ขว้าแล้ว มันมีการสมมติเอาแล้ว มันมีการสร้างเอาแล้ว มันมีการปั้นขึ้นมาแล้วนะว่า จะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามใจ แทนที่เราจะมีสติเห็นตามจริงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เราไปอยากโดยไม่รู้ตัว แล้วตรงนั้นมันไม่ใช่สติแล้ว

คำว่าสติเนี่ย จำไว้เลยนะครับ ของจริงของสติคือ การมีความสามารถรู้ตามจริงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่ถ้าหากว่า มันมีความอยากให้สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นมันมาถึงเราเดี๋ยวนี้เลย นี่เรียกว่าตัณหาไม่ใช่ปัญญานะครับ

ของคุณเมื่อเห็นความคิดไม่ใช่ตัวเราได้แล้ว ขั้นต่อไปบอกตัวเองว่า ให้ทำเหตุแบบเดิมซ้ำๆ แล้วมันจะเห็นชัดขึ้น 

การที่คุณสามารถเห็นลมหายใจเข้าออกว่าเดี๋ยวมันก็สั้นเดี๋ยวมันก็ยาวได้ ตรงนี้มันก็มีสิทธิ์ที่จะเห็น แล้วก็ทะลุออกไปจากความยึดมั่นถือมั่นลมหายใจได้แล้ว 

เห็นไหมลมหายใจไม่ใช่แค่เบสิคนะ ลมหายในเนี่ยมันอาจจะเป็นตัวตัดเชือกเลยก็ได้ แต่ถ้าจะให้เป็นการเห็นที่มันละเอียดประณีตจริงๆเนี่ย มันก็คือเห็นความรู้สึก ความรู้สึกเนี่ยเป็นต้นตอเป็นโครตเหง้าของพฤติกรรมทั้งปวงของมนุษย์นะครับ

ถ้าหากว่า เรากำลังมีความสุขอยู่เราจะเห็นเลยพฤติกรรมเนี่ยมันพร้อมจะดี ถ้าเรากำลังมีความทุกข์กำลังมีความอึดอัด มีความรู้สึกว่าโกรธโลก อยากจะเผาโลกทิ้ง ความคิดมันจะไม่ดี เนี่ยตัวนี้เราเห็นเหตุเห็นผลไปเรื่อยๆ เอาที่มันกำลังเป็นอยู่ ณ ขณะนี้แหละ แม้กระทั่งว่ารู้สึกเฉยๆ มันก็จะเห็นว่า เออมันผลิตความคิดแบบเฉยๆแบบไม่ดีไม่ร้าย หรือมีความโน้มเอียงจะฟุ้งซ่านขึ้นมา 

พอเห็นเหตุเห็นผล คือเห็นเข้าไปในปัจจุบันขณะ จนกระทั่งเข้าใจเหตุเข้าใจผลดีเนี่ย มันจะไม่มีความอยากก้าวหน้า เพราะเห็นเลยว่าการเห็นตามจริงอย่างต่อเนื่อง อันนั้นแหละคือความก้าวหน้า ความอยากที่จะได้อะไรที่มันยังมาไม่ถึงนี่จะหายไปเลยนะครับ 

ความก้าวหน้ามันอยู่ตรงนี้แหละ ที่ทำซ้ำๆๆๆจนกระทั่งมันเห็นชัดขึ้น จนกระทั่งสติมันมีความอิ่ม มันมีความเต็มมากขึ้น 

แล้วก็เกิดความรู้ว่า ณ ขณะนี้มันมีกลไกการทำงานของจิตยังไง เรากำลังรู้สึกยังไงหายไปเมื่อไหร่ จิตที่มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สติที่มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันให้คำตอบกับตัวเองเลยนะว่า ยิ่งทำซ้ำเนี่ยมันยิ่งก้าวหน้า

--------------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         นั่งสมาธิเห็นความฟุ้งซ่านจนรู้ว่าไม่ใช่เรามันผุดขึ้นมาเอง 
                              แล้วให้ทำอย่างไรต่อจึงจะก้าวหน้าคะ 
                              ตอนนี้ภาวนาหายใจเข้า หายใจออกอยู่ เห็นภวังค์เกิดขึ้น 
                              งุนงงคล้ายฝัน สักพักรู้ลมหายใจ ให้ดู
                             การเกิดดับของภวังค์ต่อไป หรือดูอะไรต่อคะ?
ระยะเวลาคลิป           ๕.๒๕ นาที
รับชมทางยูทูบ          https://www.youtube.com/watch?v=fudkN8yoKDk&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=16

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น