ดังตฤณ : เราเป็นฆราวาส เสพไปเถอะความบันเทิง ที่ผมบอกว่าอย่าไปหมกมุ่น คือหมกมุ่นทั้งวันทั้งคืน แต่ถ้าจะต้องเสพบ้าง จะต้องเข้าสังคมบ้าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดาของฆราวาส ไม่อย่างนั้นก็ไปบวชกันเถอะ
ผมเองผมก็เสพความบันเทิงอยู่ แต่ว่าไม่ได้ติด แล้วดูได้ว่าตอนทำสมาธินี่
ใจจะห่างออกมา ไม่ไปวอกแวก ไม่ไปวอแว ไม่ไปพะวงถึง เอาให้ได้แค่นั้นนะครับ
คือถ้าเสพอย่างมีสติ ถ้าเสพอย่างมีขอบเขตของศีล
5 กั้น แล้วก็มีการบันยะบันยัง ไม่ถลำลึกลงไปถึงขั้นที่เพ้อเจ้อตามเขา หรือว่าออกอ่าวตามเขา
มีสติของเรารู้ไว้แค่นี้ถึงลิมิตแล้ว แล้วเราก็หยุด แล้วเราก็ปลีกตัวออกมา
ตรงนี้ก็จะเป็นการเสพความบันเทิงที่ไม่เป็นอันตรายกับสมาธินะครับ
ในระยะยาวนะ
ระยะแรกๆ นี่อาจจะมีผลอยู่ว่า เราออกจากสมาธิ และไปเสพความบันเทิง
กลับมาจะรู้สึกว่า จิตมั่วไปหมดเลย หาทางกลับไม่เจอ
แต่พอสมาธิเริ่มเข้าที่เข้าทาง แล้วก็รู้ลิมิตของตัวเองว่า
ถ้าเสพความบันเทิงประมาณนี้ยังไม่เป็นไร ยังกลับมาได้ อันนี้ก็จะเกิดความเข้าใจนะครับว่า
อยู่อย่างโลกโดยไม่ทิ้งธรรม อยู่อย่างฆราวาสโดยไม่เสียชาติไปชาติหนึ่งเปล่าๆ แบบไม่สะสมอะไร
ไม่เจริญสติเลยนะ เป็นอย่างไรนะครับ
คือเป็นฆราวาสแล้ว อย่างน้อยสะสมไปนะ แล้วก็ตั้งเป้า
รู้ว่าเป็นฆราวาสนี้ไปได้ถึงไหน
อย่างสมัยพุทธกาล พระโสดาบัน พระสกทาคามี
เป็นฆราวาสมีเยอะแยะเลย ไม่เป็นเรื่องแปลกใจไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ไม่เป็นเรื่องรู้สึกสูงส่งเกินเอื้อม
พระพุทธเจ้าตรัสรับรองด้วยว่า คนนั้นคนนี้ได้โสดาบันแล้ว ได้สกทาคามีแล้ว
แต่ยุคปัจจุบันเรา เราต้องรับรองตัวเองให้ได้ก่อนว่า
จิตของเรานี่ออกห่างมาจากความรู้สึกแบบโลกๆ ได้แค่ไหน มีความพร้อมที่จะเห็นกายใจโดยความเป็นรูปเป็นนามได้เท่าใด
อันนี้ก็จะเป็นความรู้เฉพาะตนนะครับ ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ต้องออกจากเพศฆราวาส
เราก็สามารถเจริญสติได้ แต่ไม่ใช่ถึงขนาดต้องทิ้งทุกอย่างที่เป็นฆราวาสไป ทั้งๆที่ยังอยู่ใน
ชุดกระโปรงอยู่ อยู่ในเสื้อผ้าแบบฆราวาสอยู่ในฟอร์มของฆราวาสอยู่
__________________________
ถ้าเราพอใจที่จะออกห่างจากความบันเทิง
แต่ในทางเข้าสังคม เราอาจดูแปลก หรือไม่เข้าใจในวงสนทนากับเพื่อนๆ
เราควรจะวางใจวางตัวอย่างไรคะ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
ก้าวไกลไม่ลืมก้าวแรก
ช่วงถาม-ตอบ
วันที่ 29 สิงหาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=wzW2injWM4Q
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น