หมอบี : จริงๆ ก็ค่อนข้างเป็นคำถามที่กว้างเหมือนกัน เลยไม่แน่ใจว่า โล่งโปร่งของแต่ละคน ความหมายจะตรงกันหรือเปล่า หรืออย่างความเฉย จะตรงกันหรือเปล่า
แต่ถ้าโดยธรรมชาติทั่วไป
เวลาตอนที่ช่วงแรกเราฝึกกันว่า เราเอามือจับความรู้สึกไปตรงไหน
แล้วเกิดความรู้สึกโล่ง ไม่มีประมาณ อันนั้น ถือว่าโอเค มีประโยชน์
สามารถทำให้เรารู้สึกว่า ไม่มีตัว ไม่มีตน อัตตาหายไปบ้าง แม้จะเป็นชั่วคราวก็ตาม
แบบนี้ถือว่าเป็นความโล่งโปร่งที่เป็น
สัมมาทิฏฐิ
ส่วนความเฉย
ถ้าเป็นการเฉยแบบมีอะไรมากระทบ ก็ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้กระทบอะไรเลย ส่วนหนึ่ง
จะเป็นการที่เราไปกดบังคับโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะโดยธรรมชาติแล้ว จิต
หรือความคิดเรา รู้อยู่แล้ว แต่เราเอาตัวเราไปใส่ หรือจับมันมาใส่เราหรือเปล่า
นี่อีกเรื่องหนึ่ง
มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่รู้สึก
หรือไม่คิดอะไรเลย เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ดังตฤณ : ไปกดโดยไม่รู้ตัว โอ้โหอันนี้คีย์เวิร์ด
เจ๋งมากเลย
คือจะมีสองคำที่เหมือนกับจะใกล้เคียงกัน
แต่จริงๆ แล้วตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คือคำว่า ปล่อยวาง กับคำว่า ดูดาย
ดูดาย คือถ้าฉันไม่สนอะไร ฉันก็ไม่สน พูดง่ายๆ ว่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางความเห็นแก่ตัว
ว่าใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง หรือแม้แต่ว่าสิ่งที่อยู่รอบข้างชีวิตตัวเอง
บางคนห้องรกเหมือนรังหนูจริงๆ คือเต็มไปด้วยขยะ ด้วยของสกปรก
เกิดมาไม่เคยทำความสะอาด แล้วจะต้องมาอยู่คนเดียวที่หอพัก ก็กลายเป็นโลกใบที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงนะ
คือโลกของการดูดาย ไม่จัดการกับความสกปรก
ตรงนี้
คำว่าดูดายนี่ก็คือว่า จิตมีความเป็นอกุศล จิตมีความทอดหุ่ย ไม่เอาอะไร ไม่สนใจใคร
ไม่สนใจแม้กระทั่งคุณภาพชีวิตของตัวเอง
แต่คำว่า
ปล่อยวาง อาจเป็นคนเจ้าระเบียบ รักความสะอาด ทุกซอกทุกมุมไม่มีฝุ่นละออง
รกหูรกตาเมื่อไหร่ จัดการให้เรียบ จัดการให้สะอาด
จัดการให้ไม่มีหยากเยื่ออะไรทั้งสิ้น แต่ว่า ใจไม่ยึดมั่นถือมั่นในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ยกตัวอย่างเช่น
ใครเขามาว่าอะไร ปกติคนทั่วไปจะต้องเอาเรื่อง ปล่อยไม่ได้ แต่คนนี้
ถึงแม้ว่าจะเจ้าระเบียบ ถึงแม้จะรักความสะอาด แต่สามารถปล่อยวาง คือปล่อยไว้ในที่ๆ
เกิดเสียงด่า หรือว่าเสียงติติงอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล รู้แล้วว่าเขาด่า
แต่ไม่รับมาติดตัว ไม่เอามาอยู่กับใจ แบบนี้เรียกว่า ปล่อยวาง ไม่ใช่ ดูดาย
น่าจะเป็นคำตอบได้นะ
ความโปร่งโล่ง ความเฉย ต่างกันตรงที่มีสติรู้ตัวกับความไม่ใส่ใจใช่ไหม (ทวนคำถาม)
.. ก็คือว่าโปร่งโล่งนี่ ยังไม่แน่นะ ว่าคุณมีสติหรือเปล่า
บางทีคุณตื่นเช้าขึ้นมาเคลียร์ๆ
หัว ก็เป็นเรียกว่าโปร่งโล่งได้ เห็นไหม ไม่จำเป็นต้องมีสติ
หรืออย่างความเฉย
ถึงแม้ว่าคุณจะมีสติอยู่แล้วก็ตาม แต่ถ้าหากรู้สึกเฉยๆ ไม่อินังขังขอบ
หรือว่าไม่ยินดียินร้าย เพราะว่าเป็นกระทบที่ไม่ได้มีค่า
ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณ แบบนี้เรียกว่าความเฉยนะครับ
ตรงนี้จริงๆ
แล้ว ถ้าเราสนใจในแง่แค่ที่ว่า เป็น อุเบกขา หรือไม่เป็นอุเบกขา
ถ้าเป็นอุเบกขา อย่างหมอบีพูดบ่อยๆ ก็คือใจ ไม่มีการยินดียินร้าย
ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ไม่เอียงไปทางอารมณ์แต่มีสติตั้งตรงอยู่ ตัวนี้
ถ้าแผ่เมตาก็จะแผ่ได้อย่างมีพลัง ที่หมอบีเคยบอกนี่ใช่เลยนะ ความเป็นอุเบกขา
ความเฉย แบบนี้น่าสนใจมากกว่าความโปร่งโล่ง หรือความรู้สึกไม่ยินดียินร้ายนะครับ
___________________
ความโล่งโปร่ง
กับความเฉย ต่างกันตรง การมีสติรู้ตัว กับความไม่ใส่ใจ ใช่ไหม?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน คลายเครียดใน ๓ นาที
-
คุยกับหมอบี
วันที่
24 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ
: เอ้
รับชมคลิป:
https://www.youtube.com/watch?v=mN684Ku5kJk
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น