วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำงานไปด้วย เจริญสติไปด้วยได้ไหม?

ถาม :  ทำงานไปด้วย เจริญสติไปด้วยได้ไหม? ต้องทำอย่างไร? ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับครีเอทีฟ ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และศิลปะ

รับฟังทางยูทูป : http://youtu.be/G4CTbTAPu-8

ดังตฤณ:  ก่อนอื่นต้องตั้งมุมมองที่ถูกต้องไว้เสียก่อนว่า
ขณะทำงาน ไม่ใช่ว่าเราจะเจริญสติได้ตลอดเวลา
อันนี้ข้อแรกนะ

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า
เราทำงานไปด้วยแล้วก็มีการเจริญสติไปด้วยได้
ไม่ใช่นะครับ
มันเป็นความคิดและมุมมองที่ผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะ
!

เมื่อเรามีความจงใจทำงานอยู่
ขณะนั้นมีการปรุงแต่งขึ้นในหัว
ในแบบที่เรียกว่าเราคิดในเรื่องงาน
มันไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่ในภาวะฟุ้งซ่าน
อยู่ในภาวะขยับ อยู่ในภาวะหยุดนิ่งอะไรต่างๆ
เพราะว่าโหมดของการปรุงแต่ง
มันปรุงจิตไปแล้วให้ยึดอยู่กับตัวงาน
ไม่สามารถที่จะมาจับเข้ากับภาวะทางกายทางใจอันเกิดขึ้นในปัจจุบันนะ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

พอตั้งมุมมองไว้อย่างนี้ถูกต้องแล้วนะ ขั้นต่อไปก็คือว่า
เราสามารถที่จะ  สอดแทรกสติ’  ให้มันเจริญขึ้นระหว่างทำงานได้อย่างไรบ้าง ?
อันนี้คือคำถามที่ถูกต้อง
!

สรุปคือ คีย์เวิร์ดสั้นๆ นะ


ข้อแรก อย่าเข้าใจว่าคุณจะเจริญสติไปด้วยได้ตลอดเวลาที่ทำงาน

ข้อสอง  คือถามตัวเองว่า ในช่วงที่ความคิดไม่ต้องแล่นไปในงาน
มีจังหวะไหนบ้างที่เราสามารถเจริญสติได้

ข้อสองนี่แหละที่เป็นประเด็นสำคัญ !

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

เวลาที่ทำงาน อย่างของคุณทำงานเกี่ยวกับครีเอทีฟ
มันจะมีจังหวะที่ตัน และจังหวะที่รู้สึกปลอดโปร่ง

ตอนที่ปลอดโปร่ง
ก็คือจังหวะที่คิดออก และมันมีจุดยืนอยู่แล้ว
ว่า เออ นี่มันมีเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ว่าเราจะเริ่มต้นจากจุดนี้
และก็ขยายแตกกิ่งก้านสาขาออกไป
เป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก
พอมีเซ็นเตอร์ปุ๊บ มีจุดยืนอยู่ในใจปุ๊บ
คุณจะรู้สึกเลยว่าปลอดโปร่ง ใจคุณปลอดโปร่ง

แต่ถ้าเมื่อไหร่รู้สึกว่าคิดไม่ออก ตัน
หรือว่าไปติดอยู่กับจุดใดจุดหนึ่ง
แล้วไม่สามารถที่จะหลุดออกจากจุดนั้นได้
ใจมันจะปิด ใจมันจะรู้สึกแข็งๆ ใจมันจะรู้สึกทึบๆนะ

เห็นแค่นั้นน่ะ เห็นแค่ตรงนั้น
แล้วเปรียบเทียบว่าใจกำลังปลอดโปร่งอยู่ หรือว่ากำลังทึบอยู่
นั่นก็เรียกว่ามีสติแล้ว มีสติในขณะที่กำลังทำงานอยู่นั่นแหละ
เห็นไหมคุณไม่ได้ไปเบียดเบียนเวลาการทำงาน
คุณคิดตามปกติ
แต่สังเกตผลทางใจที่มันเกิดขึ้นจากการทำงานในแต่ละขณะ

เราเริ่มเห็นว่า
บางทีจิตมันก็ปลอดโปร่ง บางทีจิตมันก็ทึบนะ


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ตอนที่ทึบนี่ พูดง่ายๆเกิดความรู้สึกอึดอัด
เกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า
จะเอาอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี แล้วมันคิดวนอยู่

หากอยู่ในอาการแบบนั้นนะ
ลองไปเปิดหัว ลองไปดูเรื่องอื่น ไปคิดถึงเรื่องอื่น
พอมันออกจากอาการจงใจว่าจะต้องเอาคำตอบให้ได้เดี๋ยวนั้น
ใจมันจะเกิดความรู้สึกโล่งขึ้น นึกออกไหม

นี่กำลังทำงานอยู่นะ
แต่เราก็สามารถดูลักษณะทางใจของตัวเองไปได้ด้วย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


เทคนิคหรืออุบายของพวกนักคิด พวกครีเอทีฟ
มันก็จะง่ายๆแบบนี้
กำลังติดอยู่กับอะไร
อย่าพยายามไปเพ่ง อย่าพยายามไปเล็ง
อย่าไปพยายามเอาคำตอบให้ได้เดี๋ยวนั้น
แต่ให้เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ หรือว่าเปลี่ยนมุมมองให้มันไหลลื่นซะ

นั่นก็คือว่า ถ้ามองมาเป็นการเจริญสติ ดูจิตเนี่ย
ก็คือเปลี่ยนจิตที่มันทึบให้เป็นจิตที่โล่งนั่นเอง !

.. .. .. .. .. .. .. .. ..
เห็นไหม เอามาประยุกต์กับงานได้ด้วย
ใช้ประโยชน์กับงานได้ด้วยนะ

ถ้าเห็นว่ามันทึบมากๆ ตันมากๆ
อย่าไปจี้อยู่ตรงนั้น อย่าไปคิดเรื่องเดิมอยู่ตรงนั้น
พอคิดเรื่องอื่นปุ๊บ สังเกตใจตัวเอง
เออมันโล่งขึ้น มันสบายขึ้น
แล้วคุณก็สังเกตต่อได้ด้วยว่า
ใจที่สบายนี่แหละ
อยู่ๆเดี๋ยวความคิด หรือว่าไอเดียมันผุดขึ้นมาได้เอง
เพราะมันไม่มีสิ่งปิดบัง ไม่มีกำแพงขวางกั้นไอเดีย !

เห็นไหม
ตรงนี้มันก็คือธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่กับชีวิตประจำวัน
อยู่กับการทำงานของคุณอยู่แล้ว แต่ว่าเราไม่ได้สังเกต
ถ้าหากว่าเราสังเกตเป็นอาการทางใจแบบนี้
เดี๋ยวมันมีทึบ เดี๋ยวมันมีโปร่ง
เดี๋ยวมันมีสบายพร้อมที่จะเกิดไอเดีย
เดี๋ยวมันมีความฝืด ไม่พร้อมที่จะคิดอะไรต่อทั้งสิ้น

แค่นี้ก็เรียกว่าเป็นการเจริญสติในระหว่างทำงานแบบคุณแล้วนะครับ !

.. .. .. .. .. .. .. .. ..
ต่อมาคุณยังสามารถที่จะเจริญสติด้วยการที่ว่า
เออ งานเราจะต้องไปคุยกับผู้คน
คุยมาบางทีเขาก็พูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วย

พอไม่เห็นด้วยปุ๊บมันจะมีอาการขัดเคือง
มันจะมีอาการจุกแน่นขึ้นมา
ก็แค่ยอมรับตามจริง ว่าตอนนี้มันมีอาการจุกแน่น
มันมีอาการขัดเคือง มันมีอาการไม่พอใจ
มันมีอาการไม่ได้อย่างใจ มันมีอาการอยากเถียงนะ

อาการต่างๆทั้งหลายนี่ มันไม่ได้อยู่ในส่วนของงานแล้ว
แต่มันเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากการทำงานตามปกติ
อันนั้นแหละที่คุณสามารถดูได้
อันนั้นแหละที่คุณสามารถเจริญสติได้

.. .. .. .. .. .. .. .. ..

มันมียิ่งกว่านั้นอีก ระหว่างที่คุณทำงานไป
บางทีมันถึงจังหวะพักนะ
ไม่มีใครหรอกทำงานได้ทุกวินาทีตลอด 24 ชั่วโมง
มันต้องมีช่วงพักบ้าง มันต้องมีช่วงที่ไม่มีคนมาติดต่อกับคุณ
หรือว่ามันต้องมีช่วงที่คุณรู้สึกล้า

คุณนั่งอยู่ คุณก็ เออ ดูตอนนี้มันฟุ้งมากหรือฟุ้งน้อยนะ
สภาวะทางใจเนี่ยมันกระเจิดกระเจิง
กระจัดกระจายออกไปนู่นไปนี่หรือเปล่านะ
ดูลักษณะทางใจไป

อย่างของคุณ เวลาที่ทำงานเกี่ยวกับครีเอทีฟ
มันจะมีลักษณะกระจัดกระจายได้ง่าย
มันจะมีลักษณะกระเจิดกระเจิงได้ง่าย
เพราะว่าเราต้องคิดอะไรหลากหลาย
และถูกเทรนมาไม่ให้ตีกรอบอยู่นิ่งๆ อยู่ในกล่องแคบๆ

ไอ้อาการที่ถูกเทรนมาให้เปิดใจกว้าง
บางทีมันเป็นต้นเหตุของการกระจัดกระจายทางจิตได้
เราก็ดูไป เออ ตอนนี้มันกระจัดกระจายมาก
แค่ยอมรับตามจริงไป
หน้าตาการกระจัดกระจายมาก
มันไม่มีหรอกว่า เป็นสีนั้น สีนี้
หรือว่าเป็นรูปทรงเหมือนพายุอะไร
แต่เรารู้สีกได้ว่ามันกระจัดกระจาย คุมไม่อยู่
เราแค่ยอมรับไปตามจริงตรงนั้นน่ะคือเห็นจิตแล้ว จิตที่กระจัดกระจายนะ
.. .. .. .. .. .. .. .. ..
ต่อมาพอรู้สึกว่าประสบความสำเร็จ หรือว่าได้รับคำชม
เราเกิดความรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมา
มันเกิดความรู้สึกนิ่งๆขึ้นมา
หรือเกิดความรู้สึกสบายใจขึ้นมา
ก็รู้นะ เปรียบเทียบ

ภาวะทางใจมันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในระหว่างการทำงานนะครับ
_______________
คุณดังตฤณ ตอบคำถามในการบรรยายธรรมที่ กฟผ
วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๒