วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Q04 นึกพุทโธที่ท้องได้ไหม

ดังตฤณ : ทำไมต้องที่ท้องด้วยล่ะครับ พุทโธไม่ได้อยู่ในใจหรือ

เสียงสติ ถ้าเอาจริงๆ ออกแบบมาเพื่อที่จะให้ดูลมหายใจ ถ้ารู้สึกถึงลมหายใจได้ จะรู้สึกคลิกกับเสียงสติได้ไว แต่ถ้าหากว่าคิด บริกรรมคำอื่นไปด้วย จะเป็นคำในหัวนะ ซึ่งจะแย่งพื้นที่กันกับเสียงสติ เป็นขั้วกัน

 

เสียงสติ ไปสมองส่วนหลัง แต่คิดคำบริกรรม จะอยู่สมองส่วนหน้า นี่ก็อธิบายสั้นๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของศรัทธานะ แต่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของเสียงสติ ว่าทำงานอย่างไร เป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ นะ

__________________________

 

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=wqibtmqt_94

 

Q03 ดูคลิปย้อนหลังและปฏิบัติตามบ่อยๆ ได้ไหม อานิสงส์เท่าตอนไลฟ์ไหม

ดังตฤณ : ขึ้นอยู่กับความปรุงแต่งทางจิตของเราเองนะ

ถ้าใจเราอินมากๆ บางทีอาจจะได้มากกว่าเดิมอีก 

 

คือทั้งหลายทั้งปวงนี่เป็นเหตุปัจจัย ปรุงประกอบกัน 

ไม่ใช่ฝั่งเราอย่างเดียวนะ ฝั่งที่กระทบเราด้วย 

 

สำหรับคืนนี้นี่ อย่างของผมเอง ต้องแก้ปัญหาหลายจุดนะ บอกจริงๆ  แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆแล้ว นี่ก็คือองค์พระ ที่นำมาให้ทุกคนได้รับรู้นะ

 

องค์พระ .. ผมเรียกท่านง่ายๆว่า องค์พระบูรณพุทธ เพราะว่าท่านเป็นศูนย์กลางของใจผมเอง ที่ทำมูลนิธิบูรณพุทธ เพื่อที่จะถวายเป็นพุทธบูชา แล้วองค์พระ สร้างมาจากวัตถุที่ใกล้เคียงที่สุดแก่การเป็นพยาน ของการตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ศาสดาเรานะครับ

 

อันนี้ก็เหมือนกัได้พลังขององค์ท่าน มาเป็นจุดศูนย์กลางอย่างใหญ่ของไลฟ์คืนนี้ ถึงแม้ว่าฝั่งของผมเอง จะมีปัญหาติดๆ ขัดๆ อะไร แต่เมื่อไปถึงพวกท่านได้ ผมก็ดีใจมากนะ 

 

ทุกคนได้มีความสุขแบบเดียวกัน ยิ่งใหญ่เหมือนกัน แล้วก็ได้เข้าใจธรรมะในเชิงลึก ในเชิงที่เข้ามาในภาวะการปรุงแต่งของใจมากขึ้นกว่าเดิม

 

อันนี้ก็คือเข้าเป้าแล้ว ก็เป็นบารมีของท่านจริงๆ นะ 

 

ถ้าใครมีตาทิพย์ ก็จะรู้ได้นะ ว่าวันนี้ ไม่ได้แค่พวกเราที่เป็นมนุษย์ที่ชุมนุมกัน แต่มีการอนุโมทนาอย่างยิ่งใหญ่ จากสิ่งที่อยู่เหนือพื้นดิน หรือโลกมนุษย์นะครับ 

 

ความจริงนี้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าเรากลับมาดูในภายหลัง 

หากว่าใจเรา มีความรู้สึก มีสติ มีความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่า ได้กลับมาร่วมไลฟ์อีกครั้งในคืนนี้ ผลก็ได้เท่าเดิม

ความรู้สึกแบบเดิม ความปรุงแต่งจิตแบบเดิม แล้วก็ความกว้างไกล ความไม่มีประมาณของจิตที่แผ่ออกไป .. อาจจะได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าจิตของเราพัฒนาขึ้น เพราะคนเรานี่พอทำสมาธิเจริญสติไป ทุกวันก็มีความก้าวหน้า

 

ความต่อเนื่อง คือความก้าวหน้า

 

หากว่าเรามาดูซ้ำอีกครั้ง ด้วยสภาพการปรุงแต่งของจิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม 

ก็มีคุณภาพมากกว่าเดิมเป็นธรรมดานะครับ 

 

ก็มีหลายคนถามมาบ่อยเหมือนกันนะว่า ดูซ้ำนี่ อานิสงส์เท่าเดิมหรือเปล่า  

____________________

คำถามเต็ม : เราสามารถมาย้อนฟังและปฏิบัติตามทีหลังบ่อยๆได้หรือไม่คะ อานิสงส์จะเท่ากับทำสดหรือไม่คะ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=mRGedSIHTlY

** IG **

Q02 ยังไม่ถึงฌาน แต่ขนลุก รู้สึกเย็น ร่างกายแผ่ไปไม่มีขอบเขต

ดังตฤณ : นี่ไม่ใช่ฌานนะครับแต่ว่า ความโปร่ง ความเบานี่ เกิดขึ้นได้ 

 

คือ อย่างที่ท่านแบ่งออกเป็น ขณิกสมาธิก็ตาม หรืออุปจารสมาธิก็ตามเพื่อที่จะอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นได้

 

พอถึงฌาน เราจะไม่มีความรับรู้อย่างอื่น นอกจากอารมณ์เดียว

 

อย่างเช่นถ้าขึ้นต้นขึ้นมา ใจเราโฟกัสอยู่กับท่านั่ง ที่มีลมหายใจผ่านเข้าผ่านออกอยู่ พอถึงฌาน จะไม่เห็นอะไรอย่างอื่น จะไม่ได้ยินอะไร จะมีแต่การเห็นลมหายใจเข้าออก แล้วภาวะสว่างโพลงทั่วทั้งกาย

 

ลมหายใจ อาจจะยืดยาวแล้วก็มีความสุข ประมาณไม่ได้แผ่ออกไปไพศาล

 

ความไพศาลนั้น ไพศาลอย่างไร คือจะคงตัวอยู่เท่าเดิมเป๊ะเลย ถ้าความไพศาลเราคือขอบฟ้า ขอบฟ้านั้นจะไม่หดตัว ไม่ลดขนาดลงเลย ตราบเท่าที่ฌานยังตั้งอยู่ เหมือนกับเวลาหยุด 

 

แต่สิ่งที่ทำให้รู้ได้ว่าเวลาไม่ได้หยุดจริง ก็คือลมหายใจยังเข้าออกอยู่ปรากฏอยู่ อย่างชัดเจน 

 

ถ้าเราทำมาในแนวอานาปานสติ ลมหายใจจะยังอยู่ในฌาน แต่ถ้าแนวอื่นบางทีนี่ เหมือนลมหายใจไม่อยู่แล้วอะไรต่างๆนะครับ ก็จะเป็นความแตกต่างที่พิสดารไปของของฌานในแต่ละคน

____________________

คำถามเต็ม : ช่วงเริ่มต้น ขนลุกเย็นทั้งตัว ต่อมาความสุขหายไปเป็นความเฉยๆ เห็นแสงส่องออกจากกาย รู้สึกตัวข้างในว่างเด่น แต่ไม่ได้โล่ง โปร่ง เบาขนาดนั้น ตั้งแต่ช่วงอกลงไป เหมือนแผ่ขยายจนไม่มีขอบเขตของร่างกาย ทำไมสภาวะแบบนี้ถึงเกิดขึ้นทั้งที่ยังเข้าไม่ถึงฌานเลย เพราะยังได้ยินเสียงภายนอกอยู่?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=2n3PPpgLGOA

 

Q01 ตอนแรกง่วงมาก เริ่มตื่นตอนสวดมนต์ ฟังเสียงสติแล้วขนลุก

ดังตฤณ : (ทวนคำถาม) ตอนแรกที่ฟังอาจารย์สอนรู้สึกง่วงมาก จะหลับให้ได้ ..

อ้าวนี่ คือเสียงเริ่มแตกแล้วนะ ไม่ใช่เสียงแก้ปวดหัว ไม่ใช่เสียงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่เสียงนี้ทำให้ง่วงจะหลับให้ได้นะ

 

พอเริ่มสวดมนต์ จิตตื่น ฟังเสียงสติขนลุกเลยทั้งตัว แล้วก็ทั้งหัว ตลอดเวลา อันนี้เป็นเพราะว่า ..

 

คือเวลามีข้อสงสัยแบบนี้ ผมมักจะให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกัน

 

ถ้าขืนผมมาจาระไนถึงเหตุและผลไปเรื่อยๆ นะ จับจุดไม่ถูกหรอก ผมให้คำตอบไป เดี๋ยวคุณก็ลืม

แต่ผมให้หลักสังเกตที่ถูกต้อง ที่ดีงามไว้อย่างนี้ดีกว่าว่า รายละเอียดของการนั่งสมาธิ หรือการเจริญสติแต่ละครั้ง จะต่างไปเรื่อยๆ .. แค่เราเห็น 

แค่เรารับรู้ว่า ครั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยหนึ่ง จะเป็นอย่างนี้

 

นี่เรานั่งไปอย่างนี้นะ เริ่มต้นขึ้นมา เราอาจจะง่วง หรือมีเหตุปัจจัยทำให้ง่วงก็แล้วแต่ แล้วพอสวดมนต์ จิตตื่นขึ้น พอฟังเสียงสติ ขนลุกอะไรแบบนี้

 

ดูไปว่า ครั้งนี้เป็นแบบนี้ แล้วครั้งต่อไปเป็นอย่างไร ต่างไปอย่างไร สังเกตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจิต เลิกสงสัยว่า เอ๊ะนี่คืออะไรกัน แต่มีสติรับรู้ว่า นี่ผลลัพธ์จะต่างไปเรื่อยๆ เป็นครั้งๆ

 

แล้วสติที่มีกำลังมากขึ้นๆ ของคุณ จะเห็นย้อนกลับไปที่สาเหตุได้ด้วยตัวเองนะว่า แต่ละครั้งนี่ที่ต่างกันไป เพราะอะไร 

 

สรุปก็คือ รายละเอียดของการนั่งสมาธิ และการเจริญสติแต่ละครั้ง จะไม่เหมือนเดิม แต่ต่างไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรายังเข้าไม่ถึงฌาน

 

ถ้าถึงฌาน จะเหมือนกันหมด แต่ก่อนที่จะเข้าถึงฌาน จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปเรื่อยๆ ตามการปรุงแต่งของจิตแต่ละคน 

 

การเห็นว่าต่างไปเรื่อยๆ แล้วไม่ยึดมั่นถือมั่น จะได้ประโยชน์ทั้งในแง่ที่เห็นความไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวเดิม แล้วก็จะได้ความรู้ด้วยตัวเองในที่สุดว่า เหตุปัจจัยของความต่างในแต่ละครั้งนี่ มาจากอะไรนะครับ 

____________________

คำถามเต็ม : ตอนแรกที่ฟังอาจารย์สอน รู้สึกง่วงมาก จะหลับให้ได้ พอเริ่มสวดมนต์จิตตื่น นั่งฟังเสียงสติขนลุกทั้งตัวตลอดเวลาเลยค่ะ เป็นเพราะอะไรคะ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ 

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=EaInRbldogU 

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564

05 รวมฟีดแบคหลังนั่งสมาธิ

- มององค์พระ แล้วเกิดปีติ ร้องไห้น้ำตาไหลอย่างแรงค่ะ

 

- ตอนที่เห็นรูปองค์พระ ก็รู้สึกน้อมไหว้ขึ้นมาก่อนที่อาจารย์จะบอกเสียอีก และสักพักก็รู้สึกใจยิ้ม สบายๆ ค่ะ

 

- นึกถึงเลยไปถึงกลางป่า หมู่สาวกนั่งพนมมือกันอยู่เต็มพันคน สว่างเรืองๆ

 

- ความรู้สึกเหมือนเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อหน้าพระพักตร์เลยค่ะ และรู้สึกยิ้มบางๆ รู้ลมหายใจดีค่ะ และมีความสุขมากค่ะ พบทางสว่าง จะขออยู่ในเส้นทางนี้ตลอดไป ขอบคุณอาจารย์ที่คอยชี้แนะค่ะ

 

- สาธุ ขอน้อมใจไว้กับพระพุทธองค์ค่ะ วันนี้รู้สึกเข้าถึงสมาธิได้ไวขึ้นมากตั้งแต่เริ่มเสียงสติค่ะ มีความปีติสุข เหมือนรอบตัวเป็นแสงสว่าง ตลอดการนั่ง และรู้สึกถึงคำว่า แผ่ไปแบบไม่มีประมาณจริงๆ คือวันนี้ค่ะ น้ำตาไหลด้วยความปีติสุข ตอนลืมตามององค์พระค่ะ ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านนคะ

 

- คืนนี้มีความสุข สงบ สว่าง รู้สึกถึงลมหายใจตลอดค่ะ ขออนุโมทนาบุญ สาธุค่ะ

 

- พออาจารย์บอกให้ลืมตาแล้วมององค์พระพักตร์ท่าน พระพักตร์พระองค์มองแล้วเมตตาหาประมาณไม่ได้ค่ะ น้ำตาไหลเลยค่ะ น้อมสาธุ ขอบพระคุณคุณดังตฤณ และ ทีมงานค่ะ

 

- รับรู้ถึงพลังเมตตาที่ไม่มีประมาณสำหรับทุกคน ความอบอุ่น ความวางใจ ความสุขใจในกระแสแห่งธรรม

 

- ตอนลืมตาขึ้นมา เหมือนพระพุทธรูปท่านงามขึ้น

 

- ตอนให้พนมมือไหว้ท่าน มือสองข้างที่พนม รู้สึกมีพลังที่มือกำลังพนมมือไหว้ จิตสงบตั้งมั่นค่ะ

 

- ครั้งนี้รู้สึกถึงใจที่นิ่งขึ้น และได้ยินเสียงลมหายใจชัดเจนค่ะ

 

- วันนี้สุขภาพไม่ค่อยอำนวย ไอค่ะ นั่งวันนี้ก็ฟุ้ง ไอไปด้วย ไม่เกิดสมาธิอะไรควบกับการรู้ลมหายใจและรูปท่านั่ง แต่เหมือนวันนี้ใจจะตั้งหลักได้ฟุ้งก็ฟุ้งไป จะเกิดอะไรก็เกิด ไม่ได้อยากได้อะไร ช่วงเวลาของการนั่งก็ผ่านไปเร็วมาก ไม่ได้อยากรู้สึกขยับร่างกายค่ะ (ความอยากช่วยสัตว์เล็กสัตว์น้อยมีมากขึ้นค่ะ)

 

- รู้สึกศรัทธามากขึ้น เมื่อลืมตาค่ะ

 

- นั่งสมาธิรู้สึกเย็นและตัวเบา จิตสงบ รู้ลมหายใจ บางครั้งลมหายใจหาย แต่ก็มีสติค่ะ ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

 

- กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ นั่งสมาธิสว่างและเห็นองค์พระตลอดการนั่งค่ะ ตอนอาจารย์ให้น้อมระลึกถึงองค์พระ จะรู้สึกปีติ และเย็นใจมากค่ะ

 

- มีพลังงานมหาศาลเต็มไปหมด นิ่ง สงบ

 

- ตอนที่แผ่เมตตารับกระแสจนขนลุกซ่านทั้งตัว สักพักรู้สึกสุขสงบค่ะ

 

- รู้สึกถึงฝืนป่า โดยมีองค์พระเป็นประธาน รัศมีส่องสว่างไสวมากครับ

 

- รู้สึกถึงความสว่างที่กว้างขวางออกนอกกายออกไปไกลๆ จิตเป็นอุเบกขา ไม่รู้สึกถึงทุกข์หรือสุขใดๆ

 

- ระหว่างนั่งสมาธิ ความคิดและความรู้สึกกลัว และเคว้งๆ ผุดขึ้นมาหน่อยๆ ค่ะ ตอนลืมตาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นก้อนอะไรสักอย่าง ที่แผ่ไปจรดกับก้อนอีกก้อน ที่ใหญ่มากๆ ที่แผ่ออกมาเช่นกัน ค่อยๆ เป็นเนื้อเดียวกัน

 

- เห็นองค์พระครั้งแรก รู้สึกถึงความปีติสุข รู้สึกอยากจะพนมมือไหว้ พอเริ่มฟังเสียงสติ มีความรู้สึกอยากแผ่เมตตา จนต้องท่องบทแผ่เมตตาในใจ จากนั้น เกิดภาพสัตว์ที่ปกติเรารู้สึกกลัว จำพวก งู คางคก แมลงสาบ และอื่นๆ ที่ปกติเราจะรู้สึกกลัวหรือรังเกียจ แต่ตอนที่เห็นคือ รู้สึกสงสาร ไม่กลัวหรือรังเกียจ รู้สึกอยากให้สัตว์เหล่านี้พ้นทุกข์ค่ะ จากนั้นเกิดความสงบ และปีติสุขค่ะ กราบขอบพระคุณคุณดังตฤณ และทีมงานทุกท่านค่ะ

 

- วันนี้รู้สึกถึงความสงบมากๆ เลยค่ะ พอลืมตาเห็นองค์พระ ใจก็รู้สึกถึงความนอบน้อมพระพุทธองค์เลยค่ะ

 

- คืนนี้ก่อนนั่งปวดหลังมากๆ สักพักอาการปวดหายไป แล้วโล่ง โปร่ง เบา ดูลมหายใจชัดขึ้น รู้สึกสว่าง กว้างออกไป เหมือนคลื่นเป็นระลอกยาวนานมากค่ะ

 

- สาธุ ขอบพระคุณค่ะ วันนี้ขณะนั่งสมาธิรู้สึกดีกว่าทุกครั้งค่ะ และเมื่อลืมตามองพระพุทธรูป แล้วหลับตาเหมือนมีแสงสว่างอยู่ตรงหน้า และรู้สึกโล่ง สบายใจอย่างประมาณไม่ได้ค่ะ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ

 

- วันนี้ก็ยังมีเหมือนหลับนิดหน่อย แต่รู้สึกสว่างจ้ามาก และเวลาฟังเสียงสติเอง ไม่รู้สึกละเอียดสว่างเท่ากับในไลฟ์แม้แต่ครั้งเดียวค่ะ ขอให้มีฟังเสียงสติร่วมกันต่อเนื่องนะคะ

 

- ขณะรวมจิตอธิษฐานที่องค์พระ เห็นเส้นสำแสงรวมกันสว่างสงบ เย็น อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

 

- ทำสมาธิพร้อมกับเริ่มฟังเสียงสตินี้ ครั้งแรกเลยค่ะ ได้ยินเสียงสัตว์สองชนิดเพียงไม่นาน รู้สึกยิ้มขึ้นมา รู้สึกได้ที่ริมฝีปาก แล้วก็ยิ้มอยู่นาน จนยิ้มสุดๆ จนแบบยิ้มเห็นฟัน แล้วรู้สึกดิ่งมาก ออกมาจากกลางกาย แล้วก็รู้สึกสะอื้นขึ้นมา กายเคลื่อนไหวจากแรงกลางกาย ที่คล้ายกับปะทุจากกลางกาย น้ำตาไหล น้ำมูกไหล ขณะที่กายนิ่งดิ่ง พักหนึ่งแล้วสงบ ภาวนาต่อขณะที่คลื่นเสียงเปลี่ยนด้วยค่ะ

 

- ตั้งแต่นั่งสมาธิเสร็จ รู้สึกเย็น เหมือนมีไอเย็นๆ อยู่รอบตัวเลยค่ะ ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเย็นอยู่

 

- คืนนี้มีอาการขนลุกซู่นาน และเกิดขึ้นไม่ว่าจะมององค์พระ ฟังเสียงสติ  ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ สงบ เห็นลมหายใจชัดเจน ไม่ว่าสั้นหรือยาว อึดอัด หรือ โล่งสบาย ช่วงใกล้จะจบเสียงสติ รู้สึกถึงข้อศอกข้างช้ายร้อนระยะหนึ่ง แล้วหายไป เวลาพนมมือ มีความรู้สึกชัดเจน กระแสที่เชื่อมถึงกันชัดกว่าที่ผ่านมา และเสียงสติที่ฟังวันนี้ไม่เหมือนที่เคยฟังมา เห็นเสียงที่แถวข้างบนของหูใกล้ขมับ ตึก ตึก ตึก... รู้สึกอ่อนน้อมสว่าง คือการนั่งคืนนี้ บรรยายไม่ถูกค่ะ ขอขอบคุณ และ อนุโมทนากับอาจารย์ และ ทุกๆคนค่ะ

 

- ฟังเสี่ยงสติจบ ตอนนั่งสมาธิพนมมือนึกถึงองค์พระ จิตมีคิดเห็นมนุษย์ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยากให้คนที่เจ็บป่วยจากโควิดในไทย อินเดีย หายป่วย น้ำตาไหลด้วยปีติ จิตนอบน้อมในพระมหากรุณาธิคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

- ก่อนนั้งปวดหัวตึงๆ แต่พอหลังนั่ง อาการดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ในขณะนั่งทำตนเป็นแค่ผู้ดูภายในตัวเองอย่างเดียว มีความรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดไปในพลังงานบางอย่าง โดยพลังงานนั้นค่อยๆ ขยายจนสว่างโดยทั่วหมด และมีการสร้างนิมิตรูปพระพุทธรูปให้มาเห็นในความคิด และมีความคิดจากประสบการณ์แวบๆ เข้ามาบ้าง แต่แค่เฝ้าดู มันก็ผ่านไปค่ะ รู้สึกเบาสบาย ก็เลยแผ่เมตตา ความปรารถนาดี ส่งไปให้คนที่เรารัก ให้สรรพสัตว์ ว่าอยากให้เขาได้มีพลังงานที่ดี ว่าเราขอส่งพลังงานให้นะ การนั่งครั้งนี้นั่งได้นาน มีความนิ่ง สงบ มีความสุข อยากให้ทุกคนได้สุขเหมือนกันค่ะ

 

- วันนี้ฟังเสียงสติรู้สึกเหมือนหลายๆ ท่าน คือเหมือนนั่งในหมู่ผู้ที่กำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเหมือนกันค่ะ และทุกวันที่ไหว้พระสวดมนต์ ฟังเสียงสติที่ห้องพระ รู้สึกสงบนิ่งมาก บางวันก็นั่งต่อไปอีกแม้เสียงสติจบแล้ว รู้สึกแผ่เมตตาแล้วใจเป็นสุขมากค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ

 

- เสียงสติ รอบนี้ เห็นกาย ใจแยกกันค่ะ

 

- เมื่อได้แผ่เมตตา รู้สึกว่าจิตว่างสว่างโล่ง

 

- ระหว่างนั่ง รู้สึกเหมือนตัวลอยอยู่จักรวาล เหมือนเรานั่งอยู่ในลูกกลมๆลอยเอียงไปมา คล้ายๆตัวเราไม่มีน้ำหนักค่ะ

 

- ผลของการนั่งวันนี้ คือ พอมีเสียงสติ ทำให้ไม่ฟุ้งมาก ถึงฟุ้งก็มีเสียง

นำกลับมารู้ตัว มีเสียงสติแล้ว ทำให้สงบนิ่งยาวนานกว่าไม่มี (ดีจริงๆ) เลยทำให้นั่งได้นิ่ง ลึกขึ้น หนูไม่รู้เขาวัดความนิ่งลึกอย่างไร แต่หนูวัดจาก เวลาอยากจะออก จะนิ่งมาก จนออกมาไม่ได้ ต้องรอคลายตัวนาน (วัดจากความนานของอาการถอนจากสมาธิเอา) แต่หนูฟุ้งซ่านเลยไม่ได้มีสติจดจ่อทุกลมหายใจ เลยได้เท่านี้

 

- ตอนที่นั่งฟังเสียงสติ รู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก มีคิดไปเรื่องอื่นบ้าง แต่ก็ดึงจิตมาอยู่ลมหายใจเข้าออกใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้รู้สึกเริ่มสว่างกว้างออกไป เริ่มปีติ รู้สึกเหมือนอมยิ้ม อยากแผ่เมตตาและหน้าพ่อก็ลอยมา ซักพักก็รู้สึกร้องไห้ มีเสียงสะอื้นน้ำตาซึม ซักพักตัวเริ่มเบาสบายขึ้นค่ะ พอลืมตามององค์พระพนม มือก้มหัวไหว้ เห็นองค์พระยิ้มค่ะ

 

- วันนี้ฟังเสียงสติ รู้สึกไม่เหมือนที่โหลดฟังทุกวันค่ะ วันนี้เสียงดีกว่าจริงๆค่ะ มีคนอื่นรู้สึกด้วยนึกว่ารู้สึกคนเดียวค่ะ

 

- วันนี้ตอนได้เห็นองค์พระ และทราบว่าองค์พระ แกะมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ รู้สึกน้อมกราบสักการะ ทำให้นึกถึงตอนไปที่พุทธคยา ตอนนั่งก็รู้สึกเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระพุทธเจ้าที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เลยค่ะ เหมือนได้ไปปฏิบัติพร้อมกันกับผู้คนจำนวนมาก วันนี้เข้าสมาธิได้ดีเช่นเคย รู้สึกเย็นสบาย สว่างมากค่ะ เบามาก เหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้า

และมีความสว่างมาก รู้ลมหายใจ รู้สึกถึงหัวใจเต้น แต่รับรู้ว่าลมหายใจ กับ การเต้นหัวใจ ไม่ได้พร้อมกัน แยกกันออกเป็นคนละส่วนชัดเจน ความคิดวิ่งเข้ามาเป็นระยะๆ ก็คิดว่าปรุงแต่ง ไม่เที่ยง รู้สึกสว่างเย็นมาก แต่ไม่ได้ซาบซ่านขนลุก เหมือนเกิดปีติในครั้งก่อนๆ แต่สงบร่มเย็นสว่างมากค่ะ ขอบคุณคุณดั่งตฤณและ ทีมงานทุกคนนะคะ อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยค่ะ

 

- วันนี้ปวดหัวไมเกรนมากค่ะ ต้องกินยาให้หลับก่อนคุณดังตฤณ live ตื่น

มายังปวดหัว แต่พอฟังคุณดังตฤณพูดไปเรื่อยๆ อาการค่อยๆ ดีขึ้น กำลังจะถามเรื่องเสียงสติวันนี้ ว่าเสียงไม่เหมือนเดิม เสียงละเอียดรู้สึกเหมือนเสียงสวรรค์ บางช่วงบางตอน เหมือนทะลวงเข้าไปในศรีษะข้างที่ปวด บางช่วงเหมือนเสียงนวดจุดที่ปวด แปลกมากๆ ค่ะ คิดว่าสงสัยคุณดังตฤณ

ออกเสียงมาใหม่ ดีเลย ต่อไปจะได้เปิดฟังตอนปวดไมเกรน พอดีคุณดังตฤณตอบคำถามของท่านอื่นพอดีค่ะ หนูอึ้งไปว่าเสียงคือชุดเดิม ขอกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 

- ใจมันเห็นภาพในอดีตตลอด เป็นเรื่องๆ กลับมาที่กายไม่ได้เลยค่ะ

____________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ – ช่วงรวมฟีดแบคหลังนั่งสมาธิร่วมกัน

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=BliEIrUYJGc

 

04 ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ - ช่วงบรรยายหลังนั่งสมาธิ

ดังตฤณ : ที่ผ่านไปคือการที่ เราทำจิตให้เกิดสมาธิ 

 

การที่เราฟังเสียงสติไป แล้วก็รู้ลมหายใจ 

รู้สึกถึงอิริยาบถนั่ง อันเป็นที่ตั้งของลมหายใจ 

จะทำให้เกิดการมีสติ ขึ้นมาแบบหนึ่ง 

 

มีความรู้ตัวว่า.. กำลังนั่ง 

แล้วนั่ง ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ

แต่นั่งดูว่า ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกอยู่ 

 

ถ้าหากว่ามีความเข้าใจอานาปานสติดี 

แล้วมีสมาธิขึ้นมา ทั้งที่เห็นลมหายใจเข้าออกอยู่

ก็จะทราบว่าลมหายใจนี้ ไม่ได้ยาวอยู่ตลอดเวลา

บางทีก็มีสั้นลงบ้าง 

 

การที่เราเห็นว่าลมหายใจ

เข้าบ้าง ออกบ้าง สั้นบ้าง ยาวบ้าง 

จะมีสติขึ้นมาแบบหนึ่ง 

 

มีสติขึ้นมารู้ว่า ลมหายใจไม่เที่ยง 

อิริยาบถนั่ง อันเป็นที่ตั้งของลมหายใจที่ไม่เที่ยงนี้ 

ก็คงรูป ยกตั้งขึ้นด้วย โครงกระดูก

ฉาบทาด้วยเลือดเนื้อ แป๊บหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนท่า

 

เมื่อมีสติ เห็นอยู่ว่าความเป็นกายนี้ ความเป็นท่านั่งนี้

ความเป็นลมหายใจนี้ .. ไม่เที่ยง 

เริ่มมีประตูของการเห็นว่า

อะไรๆ ในกายใจ ไม่ใช่ตัวตนขึ้นมา 

 

คราวนี้ เราจะมาอาศัยสติ อาศัยสมาธิ ที่เกิดขึ้น 

ในการถวายความนอบน้อม แด่พระศาสดา

ผู้ที่ตรัสทางให้เรามองลมหายใจใหม่

มองสภาพทางกายใหม่ มองสภาพทางใจใหม่

ว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรที่คงเดิม 

เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน 

.

.

.



 

ขอให้ทุกคนลืมตาขึ้นมา แล้วมองดู องค์พระ ที่ตั้งอยู่นะครับ 

 

มองดูด้วยความระลึกว่า 

ถึงแม้ว่า นี่ไม่ใช่พระศาสดาองค์จริง 

แต่ก็ เป็นองค์พระ ที่แกะสลักขึ้นมาจากไม้

ที่พระศาสดาของเรา อาศัยประทับนั่ง

ในคืนตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ 

สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง 

 

ดูใจที่อ่อนน้อม 

ดูใจที่มีความรู้สึกถึง พระคุณของพระพุทธเจ้า

ว่าอยากมีอาการอย่างไร

 

จะอยากมีอาการพนมมือ เพื่อที่จะขอบคุณ 

แต่ไม่ใช่การขอบคุณธรรมดา

 

เป็นการที่ใจของเรานี้ มีความนอบน้อม

มีความเป็นสมาธิ มีความพร้อมที่จะทำสิ่งที่เรียกว่า 

ถวายกายถวายใจเป็นพุทธบูชา 

 

ขอให้พนมมือขึ้นมา แล้วระลึกว่า

อาการที่มือพนมขึ้นมานี้ เหมือนกับดอกบัวบูชา 

ที่เราพร้อมจะน้อมถวายพระองค์ท่าน ด้วยใจเต็มๆ

 

และใจของเราถ้าหากว่ามีสมาธิอยู่ มีความอ่อนน้อมอยู่ 

เราจะรู้สึกถึงความเป็นฝั่งเรา ที่พร้อมถวายอาการบูชา

แด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

แล้วก็รู้สึกถึงความเป็นองค์พระ ที่อยู่ตรงหน้า 

 

ถ้าเราเพียงระลึก ลองหลับตาลงนะครับ

ระลึกว่ามือที่พนมอยู่นี้ พนมด้วยอาการของใจที่นอบน้อม 

อยากจะขอบพระคุณพระองค์ท่าน 

 

แล้วระลึกได้ว่า ยังมีมือที่พนมแบบนี้

รู้สึกถึงสัมผัสฝ่ามือ ที่ประกบกันอย่างนี้

รู้สึกถึงอาการของใจที่นอบน้อม

อยากที่จะเคารพ ปรารถนาที่จะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ด้วยกัน ประมาณพันคน 

 

เราจะรู้สึกถึง พลังความนอบน้อมที่ใหญ่กว่าตัวเรา 

รู้สึกถึง ความเป็นจิตแบบพุทธ

ที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของเรา เพียงคนเดียวลำพัง 

แล้วถ้าหากว่า โดยอาการทางใจที่มีความนอบน้อม

ที่มีความรู้สึกอยากจะบูชาเช่นนั้น 

ได้นึกถึงองค์พระ .. นึกด้วยใจนะ ไม่ใช่ลืมตาขึ้นมาเห็น

 

นึกด้วยใจว่า เรากำลังพนมมือกราบไหว้พระองค์ท่าน

นั่นแหละ ลักษณะของใจนั้น

ที่มีความเป็นสมาธิ ที่มีความนอบน้อม

ที่มีพลังของความรู้สึกอยากบูชาอยู่

นั่นคือพลังที่จะบรรจุลงในองค์พระ 

 

อาการที่เรากราบไหว้ ด้วยความนอบน้อม 

เวลาที่เราไหว้พระปฏิมาในบ้าน ในห้องพระ

นั่นก็คือการประจุพลังชนิดหนึ่ง 

 

แต่นี่ ..

ด้วยใจ ที่เป็นสมาธิ 

ด้วยใจ ที่มีเมตตาร่วมกัน 

ด้วยใจ ที่แผ่ออกไป

 

รู้ว่ายังมีเพื่อนของเราอีกนับพัน ที่มีพลังความนอบน้อม

พลังความคิด ที่จะบูชาแบบเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้น

ประจักษ์อยู่ในตัวเรา ในกายของเรา ในใจของเราอยู่นี้

 

ก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกถึง

พลัง ที่ยิ่งใหญ่กว่าการน้อมกราบของเรา

เพียงคนเดียวตามลำพัง 

 

ความรู้สึกของการได้ถวายความเคารพ ได้ถวายการบูชา

แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

เป็นลักษณะหนึ่งของเมตตา ที่แผ่ออกไป 

 

ลักษณะของใจ ที่มีเมตตา

ลักษณะของใจ ที่อยากให้คนทั้งโลกมีความสุข 

เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กับใจที่ถวายความเคารพ 

ความบูชา ความมีใจนอบน้อม 

 

เห็นไหม

มีลักษณะของ การแผ่ออกไปของความสุข 

มีลักษณะของ การแผ่ออกไปของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว

ที่เคารพบูชาพระพุทธเจ้า

มีความเคารพรักในพระองค์ท่าน แบบไม่มีประมาณ

แบบที่ใจแผ่กว้างไพศาล

แบบที่ใจรู้สึกถึง ความเป็นองค์ท่านที่ ..

มีจิตซึ่งไม่ดิ้นรนแล้ว 

มีจิตที่ไม่เอาอะไรแล้ว 

มีจิตที่ไม่เป็นทุกข์แล้ว 

 

ถ้ารู้สึกถึงจิตของพระองค์ท่านได้ 

พระหฤทัยของพระองค์นั้น ก็จะราวกับ

มาประดิษฐานในใจเราเอง 

 

มีความไม่ดิ้นรน 

มีความไม่ซัดส่าย 

มีความตื่นรู้ 

มีความไม่เป็นทุกข์ 

ไม่เป็นที่ตั้งของทุกข์ 

 

นี่คือการทำความรู้จักกับ พระพุทธเจ้า 

ผ่านจิต ที่ยังมีกิเลสอยู่

แต่ สามารถสัมผัสได้

ถึงความไม่ดิ้นรน ของจิตพระองค์ท่าน 

 

คราวนี้ลองลืมตาขึ้นดู

คุณจะเห็นนะว่า เวลาที่เรามององค์พระอีกครั้งหนึ่ง 

จะมีความรู้สึกว่า เรามีส่วนร่วมอยู่ในกระแสความศักดิ์สิทธิ์นี้

คือไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับ 

 

อาการที่เรากราบ หรือว่านบไหว้

ด้วยความนอบน้อมอย่างมีสมาธิ

คือการประจุพลังของเราเข้าไปในองค์ท่าน 

 

พอเปิดตาดูภาพ เราก็จะสามารถสัมผัสรู้สึกได้

ว่ามีส่วนของเรา มีส่วนของการบูชา มีส่วนของความสุข

มีส่วนของความเมตตาไม่มีประมาณ ของเราเอง

ที่ประกอบอยู่ในองค์ท่านด้วย 

 

ภายหลัง เมื่อเราเห็นองค์ท่านอีก 

ก็จะรู้สึกถึง ความเป็นมหาสมุทร ของความสุข

ที่ย้อนกลับมา ทำความชุ่มเย็นให้ได้ง่ายๆ

ความรู้สึกไม่มีตัวตน ในขณะที่เราพิจารณาธรรม

ระหว่างอยู่ต่อหน้าองค์ท่านก็ตาม 

หรือจะเป็นการที่เราแผ่เมตตาไปก็ตาม

เปลี่ยนฐานะ จากผู้รับความคุ้มครอง เป็นผู้ปกป้อง

แล้วก็สืบสานพระศาสนา

 

ยกระดับจากผู้ที่ต้องเอาแต่เชื่อตาม

กลายเป็นพยานบุคคล ที่รู้ว่า

ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีจริง 

ประดิษฐานอยู่ในใจของเราได้จริง 

_____________________

 

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ - ช่วงทำสมาธิร่วมกัน

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=3iheGIlc6c0&t=966s