วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน แผ่เมตตา - 01 ช่วงเกริ่นนำ

สวัสดีครับทุกท่าน พบกับรายการปฏิบัติธรรมที่บ้านนะครับ คืนวันเสาร์ 3 ทุ่ม

 

สำหรับคืนนี้ก็ตามนัด วันนี้นะครับ เราจะได้มาแผ่เมตตาร่วมกัน

 

ถ้าหากว่าใครเคยแผ่เมตตามาอยู่แล้ว ก็อาจจะมีประสบการณ์แตกต่างกันมา แต่คืนนี้ เราจะแผ่เมตตา แบบที่เอาความสุขมาแผ่ให้กัน

ไม่ใช่แค่ท่อง สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ นะครับ

แต่ว่าจะมีสองช่วง จะแผ่เมตตาสองช่วง

 

ช่วงแรกคือ แผ่เมตตาหลังจากสวดมนต์เสร็จ ซึ่งหลายๆท่านก็คงจะคุ้นเคยแล้วก็ช่วงที่สอง จะมีการแผ่เมตตาหลังจากได้นั่งสมาธิร่วมกัน โดยอาศัย ))เสียงสติ((  มาเป็นสื่อกลางประสานจิตของพวกเราเข้าด้วยกัน ให้รู้จักความสุขแบบเดียวกัน

 

อย่างน้อยที่สุดนะ สงัดเงียบจากความคิดในหัวแล้วก็มีความรู้สึกปลอดโปร่งนะครับ ทั้งสภาพร่างกาย ทั้งสภาพจิตใจแบบที่สำนวนพระพุทธเจ้า ก็คือว่า สงบระงับ กายใจไม่แกว่งนะครับ

 

ถ้าหากว่า เรารู้จักภาวะที่ เป็นเหมือนกับ

สื่อกลางอันเดียวกัน 

มีความสงบระงับ

มีความไม่อยากจะกระสับกระส่าย

ไม่อยากจะวิ่งวุ่นไปโน่นไปนี่

ไม่อยากจะเอาอะไรเข้าตัว

แล้วก็มาแชร์ความสุขกัน

นั่นแหละที่เป็นเป้าหมายของคืนนี้ นะครับ 

 

ก่อนอื่นขอพูดถึงตัว ))เสียงสติ(( นิดเดียวนะ สักนาทีหนึ่ง

 

คือหลายท่านคงเห็นนะครับว่า ))เสียงสติ(( ตัวที่ผมเปิดให้ดาวน์โหลดเวอร์ชั่นเต็ม ซึ่ง(ไฟล์) มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร หลายร้อยเม็ก (Megabyte) นี่นะครับ มีความแตกต่างจากตอนฟังไลฟ์นะ หรือว่าฟังในยูทูป ฟังใน .. แม้แต่ vimeo นะ

 

คือ ))เสียงสติ(( ซีรีส์สอง นี่มีเรื่องจุกจิกอยู่นิดหนึ่ง ถ้าหากว่าไฟล์ไม่มีคุณภาพสูงพอ ก็จะออกฤทธิ์ไม่เต็มที่นะครับ

 

คืออย่างถ้าประสบการณ์การฟัง จะรู้สึกเลยว่าเสียงนี่มัวลงนิดหนึ่ง เสียงดรอปลงนิดหนึ่ง

 

ผมทดลองที่จะบีบอัดด้วยวิธีต่างๆ แม้แต่แบบที่เขาบอกว่า เทียบเท่ากับไฟล์เวฟ (wave) เลย .. คือ ไม่เท่านะ ไฟล์แฟล็ก (flac) นี่ที่หลายๆ คนบอกว่า น่าจะไม่มีอะไรแตกต่างจากไฟล์เวฟ .. แตกต่างนะ

 

ถ้าลองเอาไฟล์เวฟ ไปบีบอัดเป็นไฟล์แฟล็กนะ ถ้าคนทำเป็นนี่ ก็จะทราบนะครับว่า ฟังออกมาแล้วไม่เหมือนกัน

 

ตอนที่ฟังแค่ 5 วินาที อาจจะไม่มีความแตกต่าง แต่ถ้าหากว่าฟังโดยรวมนะ จะรู้สึกเลยถึงความต่างกันของคุณภาพจิต

 

ถึงได้ (เป็นเหตุผลว่า) ทำไมถึงต้องให้ลำบากลำบน โหลดกันเป็นไฟล์เวฟนะครับ 

 

สำหรับแอนดรอยด์นะ ก็เพิ่งทราบมาจากท่านที่ใช้แอนดรอยด์โดยตรงนะครับว่า ถ้าใช้ซัมซุงบราวเซอร์ อาจจะมีเรื่องของการป้องกันโน่น ป้องกันนี่ จนกระทั่งไม่สามารถที่จะดาวน์โหลดได้ ต้องใช้กูเกิ้ลโครมนะครับ สำหรับมือถือแอนดรอยด์

 

แล้วก็ตอนนี้ ผมกำลังพยายามหาหนทาง แบบที่เป็นคำตอบได้จริงๆ อยู่ ว่าทำอย่างไร ถึงจะให้ทุกท่านนะครับ ได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน แชร์โอกาสเดียวกันนะครับ

เรื่องไฟล์เวฟนี่ ก็ทราบว่าหลายๆ ท่านอาจจะไม่สะดวก ด้วยเหตุผลต่างๆ นะครับ

 

หลายท่านไม่เข้าใจวิธีใช้ เกี่ยวกับการว่า ดาวน์โหลดอย่างไร เอาไปเซฟที่ไหน บอกอย่างไรก็บอกกันไม่หมดนะครับ เพราะว่าจำนวนคนที่ต้องการ มากขึ้นเรื่อยๆ 

 

นั่นก็คือเหตุผลหนึ่ง .. หนึ่ง ในเหตุผล .. ไม่ใช่แค่เหตุผลเดียวนะ

เป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ไม่ส่งตัว ))เสียงสติ(( ทั้งซีรีส์ให้พร้อมกันทั้งหมด

หรือแม้กระทั่งให้โหลดแค่ไฟล์เดียว บางทีก็แย่งแบนด์วิธกันนะ

 

วันนี้ เรามาคุยเรื่องแผ่เมตตากัน แผ่เมตตานี่ เอาโดยคอนเซปต์ก่อน 

 

ก่อนที่จะไปถึงประสบการณ์ตรง ขอพูดอย่างนี้ว่า 

เมตตามีอยู่ สองแบบหลักๆ

คือ เมตตาแบบมีตัวตน 

กับ เมตตาแบบไม่มีตัวตน 

แตกต่างกันมากนะ 

 

เมตตาแบบไม่มีตัวตน คือ เมตตาแบบพุทธที่แท้ 

 

เพราะว่า พุทธเรา ใจความที่เป็นแก่นคำสอนก็คือว่า 

อย่ามองว่าอะไรๆ ภายในขอบเขตกายใจนี้ เป็นตัว เป็นตน เป็นของใคร 

 

เมตตาแบบมีตัวตนนี่ ก็คือเมตตาแบบฤาษี

เมตตาแบบที่จะได้ไปเป็นพระพรหม ไปเป็นสหายแห่งพรหมนะ 

 

ส่วนเมตตาแบบพุทธ คือเมตตาในแบบที่พระอรหันต์ท่าน แผ่ความสุขแบบของท่าน ให้กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นพระอรหันต์ด้วยกัน หรือว่าเป็นคน เป็นเวไนยสัตว์ หรือว่าเป็นสัตว์ทั้งหลาย สังสารสัตว์นี่ 

 

ท่านแผ่ให้ ด้วยอาการ ด้วยความรู้สึก จากประสบการณ์ภายใน ว่าสิ่งที่แผ่ออกไปนี่ เป็นความสุขที่ไม่มีตัวตน เป็นความสุขที่ไม่ใช่ของใคร 

 

เมตตาแบบมีตัวตน มักจะมาในรูปของการที่ ฉันมีความสุขมากกว่าเธอ เพราะฉะนั้น ฉันแผ่เมตตาให้เธอ 

พูดง่ายๆ ว่า เป็นเมตตาแบบ ฉันเหนือกว่าเธอ เธอรับไปจากฉัน

 

ส่วนเมตตาแบบพระอรหันต์ หรือผู้ที่เลียนแบบพระอรหันต์นะครับ

คือก้าวตามพระพุทธเจ้าไป

คือ เมตตาแบบฉันกับเธอ ก็เป็นสุขไปด้วยกัน 

มีความเสมอภาคกัน

ไม่ได้มีใครเป็นฝ่ายให้ ไม่มีใครเป็นฝ่ายรับ

ขอให้เหมือนกับ แหวกว่ายไปในมหาสมุทรแห่งความสุข

อันเป็นทิศเดียวกัน

 

ใครได้ความสุขก่อน ก็เอาความสุขนั้น

มาทำให้เหมือนกับ เป็นบ่อน้ำ หรือว่าเป็นความชื่นบาน

ที่มีสภาพอันเป็นทิพย์

 

ใครจะเข้ามา ก็ถือว่าเป็นกองกลาง เป็นของสาธารณะ

ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ได้มีใครเป็นผู้ให้

มีแต่ผู้ที่แชร์กัน 

มีแต่ธรรมชาติของความสุข

ที่แชร์ตัวเอง ให้ธรรมชาติความสุขอื่นนะครับ

 

คือจิตของผู้รู้สึกว่า มีความสุขแบบพระอรหันต์นี่

เป็นจิตที่ไม่มีความรู้สึก เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ความสุขอันเป็นทิพย์นั้น 

 

อย่างพระอรหันต์ จิตท่านแผ่ไม่มีประมาณ

ท่านเปิดกว้าง ไม่มีประมาณ ไม่มีอะไรห่อหุ้ม 

เหมือนว่าความสุขทั้งจักรวาล ที่กองอยู่ตรงหน้านี่

ท่านพร้อมจะแชร์ให้คนอื่น แบบไม่หวงไว้ 

 

วันนี้ เราจะมาเลียนแบบความสุขแบบนั้นกัน หลังนั่งสมาธิ 

 

แต่ช่วงแรกนี่ หลังสวดมนต์เสร็จ เราแผ่เมตตากันแบบชาวบ้านก่อน 

คือมีความสุขแล้ว แล้วก็เอาความสุขนั้น ไปแผ่ให้คนอื่น แบบฉันให้เธอนะ 

 

ที่บอกว่า แผ่เมตตาแบบฉันให้เธอ ฉันให้ความสุขแก่เธอนี่ ยังเป็นเมตตาที่ดีแล้วนะ มีเกรดแล้วนะ มีระดับแล้วนะ

 

แผ่เมตตาแบบที่ผิดนี่ ยังไม่ได้พูดถึงนะ ยังไม่นับนะ

 

แผ่เมตตาแบบที่ผิด แผ่อย่างไร?

 

บางคนมีความรู้สึก โกรธแค้นใครอยู่ แล้วก็บอกว่า

ฉันจะแผ่เมตตาให้แกแล้ว 

หรือหนักกว่านั้น กูจะแผ่เมตตาให้มึงแล้ว

ด้วยด้วยลักษณะของจิต ที่ยังหยาบๆ อยู่

มีความแค้น มีความอาฆาต พยาบาท ที่เกาะกุมจิตอยู่

 

ของจริงๆ พูดง่ายๆ ว่า ยังไม่มีความสุข ยังไม่มีเมตตา 

แต่ว่าจะมาทำทีว่า 

ฉันจะแผ่เมตตาให้แก  กูจะแผ่เมตตาให้มึง  

 

ลักษณะของ จิตที่ตั้งไว้ผิด 

ไม่ว่าจะหลังสวดมนต์ หรือหลังนั่งสมาธิ ตามแบบที่ผิดๆนี่

จะมีความคุกรุ่น จะมีความรู้สึกฝืนใจ

 

คาแรคเตอร์สำคัญของจิตที่แผ่เมตตาผิด

จะมีลักษณะของความฝืนใจ 

มีลักษณะที่ ไม่เป็นสุขจริง แต่แกล้งแผ่เมตตาให้ผ่านคำพูด

เช่นฉันอโหสิให้เธอนะ 

ฉันจะกล่าวคำว่า สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ 

ฉันจะไม่ขอจองเวรกับเธอ

 

แต่เอาเข้าจริงใจจริงๆ ยังเล็งอยู่ เมื่อไหร่ได้ช่อง ก็จัดการล่ะ 

 

ตัวที่ใจไม่เป็นสุขจริงๆ เราไม่นับ คืนนี้เราไม่เอาตรงนั้น

แต่มาพูดทำความเข้าใจว่า ที่แผ่เมตตากัน แล้วยังมีความรู้สึกว่า

ยิ่งแผ่ ทำไมนับวันยิ่งเกลียด ทำไมไม่ได้ผล

ทำไมเจอหน้ากันแล้ว ยังมีความรู้สึกอยากฮึ่มฮั่มอยู่ 

หรือเราสามารถรู้สึกได้เลยว่า ฝ่ายที่เป็นอริ เป็นศัตรูกัน

เขาก็ยังมองเราด้วยสายตาไม่ดี แล้วก็มาบอกว่า

นี่ ... สัพเพ สัตตา อะเวราโหนตุ แล้ว

ทำไม ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทั้งฝั่งเราและฝั่งเขา 

ก็เพราะ ตอนแผ่เมตตา ไม่ได้เป็นเมตตาจริง 

เป็นเรื่องที่ก็ เคยเขียนถึงไปหลายครั้งแล้วนะครับ

 

ส่วนการแผ่เมตตา แบบที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้นจริง

อย่างน้อยที่ฝั่งเรา

คือ เราเริ่มทำบุญอะไรบางอย่าง

หรือมีความสุขจากการสวดมนต์ไหว้พระ เป็นอย่างน้อย 

หรือมีการนั่งสมาธิแล้วจิตเปิดออก

 

เดี๋ยววันนี้จะพาให้ดูเลยนะ

ลักษณะของจิตที่ผ่านกำแพงกั้น แบบคิดๆ นึกๆ ออกไปได้

จิตที่เปิดออกไป สู่พื้นที่ว่างภายนอกได้จริง

เวลาเอามาแผ่เมตตาถึงกันนั้น สัมผัสได้เลย รู้สึกได้

ถึงแม้ว่า เราจะไม่ได้นั่งอยู่ในสถานที่เดียวกัน

แต่ถ้าหากว่าตั้งจิตไว้พร้อมกัน จะสัมผัสกันได้

ซึ่งนี่ก็หวังว่า จะเป็นประสบการณ์อันเดียวกันนะครับ 

 

เริ่มต้น เดี๋ยวเรามาสวดมนต์ด้วยกัน 

การสวดมนต์ร่วมกันของเราครั้งนี้ เราทำไว้ในใจก่อนว่าจะเอาประสบการณ์ ในการที่เหมือนกับ มานั่งอยู่ในโบสถ์วิหาร หรือว่าศาลาที่ปฏิบัติธรรม ที่เดียวกันนะ เพื่อให้ใจของเรา มีความสุขกับการสวดมนต์ไปพร้อมๆกัน

 

แล้วเอาความสุขนั้นมาแผ่ถึงกัน ซึ่งลักษณะที่แผ่นี่ เดี๋ยวจะเป็นการแผ่เมตตาในแบบที่คือ .. อันนี้นะ คุณไม่จำเป็นต้องพยายามตั้งให้เป็นสมาธิ  ตั้งให้มีความสุขอะไรมากมาย

 

เอาแค่ว่า สวดมนต์แล้ว เกิดความรู้สึกสบาย เบา มีความรู้สึกดีแค่ไหน เอาแค่นั้นนะครับ

 

พูดง่ายๆว่า สวดอิติปิโสฯ เพื่อที่จะเอาความสุขจากการสวด เอาความสุขจากการถวายแก้วเสียง เป็นพุทธบูชา

 

มีความสุขแค่ไหนเอาแค่นั้น เอาตามจริงนะ

_____________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน แผ่เมตตา 

ช่วงเกริ่นนำ

วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=R8dcHJq140k

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น