ดังตฤณ : นี่ไม่ใช่ฌานนะครับแต่ว่า ความโปร่ง ความเบานี่ เกิดขึ้นได้
คือ
อย่างที่ท่านแบ่งออกเป็น ขณิกสมาธิก็ตาม หรืออุปจารสมาธิก็ตามเพื่อที่จะอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้
เกิดขึ้นได้
พอถึงฌาน
เราจะไม่มีความรับรู้อย่างอื่น นอกจากอารมณ์เดียว
อย่างเช่นถ้าขึ้นต้นขึ้นมา
ใจเราโฟกัสอยู่กับท่านั่ง ที่มีลมหายใจผ่านเข้าผ่านออกอยู่ พอถึงฌาน จะไม่เห็นอะไรอย่างอื่น
จะไม่ได้ยินอะไร จะมีแต่การเห็นลมหายใจเข้าออก แล้วภาวะสว่างโพลงทั่วทั้งกาย
ลมหายใจ
อาจจะยืดยาวแล้วก็มีความสุข ประมาณไม่ได้แผ่ออกไปไพศาล
ความไพศาลนั้น
ไพศาลอย่างไร คือจะคงตัวอยู่เท่าเดิมเป๊ะเลย ถ้าความไพศาลเราคือขอบฟ้า ขอบฟ้านั้นจะไม่หดตัว
ไม่ลดขนาดลงเลย ตราบเท่าที่ฌานยังตั้งอยู่
เหมือนกับเวลาหยุด
แต่สิ่งที่ทำให้รู้ได้ว่าเวลาไม่ได้หยุดจริง
ก็คือลมหายใจยังเข้าออกอยู่ปรากฏอยู่ อย่างชัดเจน
ถ้าเราทำมาในแนวอานาปานสติ
ลมหายใจจะยังอยู่ในฌาน แต่ถ้าแนวอื่นบางทีนี่ เหมือนลมหายใจไม่อยู่แล้วอะไรต่างๆนะครับ
ก็จะเป็นความแตกต่างที่พิสดารไปของของฌานในแต่ละคน
____________________
คำถามเต็ม : ช่วงเริ่มต้น
ขนลุกเย็นทั้งตัว ต่อมาความสุขหายไปเป็นความเฉยๆ เห็นแสงส่องออกจากกาย
รู้สึกตัวข้างในว่างเด่น แต่ไม่ได้โล่ง โปร่ง เบาขนาดนั้น ตั้งแต่ช่วงอกลงไป
เหมือนแผ่ขยายจนไม่มีขอบเขตของร่างกาย
ทำไมสภาวะแบบนี้ถึงเกิดขึ้นทั้งที่ยังเข้าไม่ถึงฌานเลย
เพราะยังได้ยินเสียงภายนอกอยู่?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ
วันที่ ๒๖ มิถุนายน
๒๕๖๔
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=2n3PPpgLGOA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น