วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564

04 ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ - ช่วงบรรยายหลังนั่งสมาธิ

ดังตฤณ : ที่ผ่านไปคือการที่ เราทำจิตให้เกิดสมาธิ 

 

การที่เราฟังเสียงสติไป แล้วก็รู้ลมหายใจ 

รู้สึกถึงอิริยาบถนั่ง อันเป็นที่ตั้งของลมหายใจ 

จะทำให้เกิดการมีสติ ขึ้นมาแบบหนึ่ง 

 

มีความรู้ตัวว่า.. กำลังนั่ง 

แล้วนั่ง ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ

แต่นั่งดูว่า ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกอยู่ 

 

ถ้าหากว่ามีความเข้าใจอานาปานสติดี 

แล้วมีสมาธิขึ้นมา ทั้งที่เห็นลมหายใจเข้าออกอยู่

ก็จะทราบว่าลมหายใจนี้ ไม่ได้ยาวอยู่ตลอดเวลา

บางทีก็มีสั้นลงบ้าง 

 

การที่เราเห็นว่าลมหายใจ

เข้าบ้าง ออกบ้าง สั้นบ้าง ยาวบ้าง 

จะมีสติขึ้นมาแบบหนึ่ง 

 

มีสติขึ้นมารู้ว่า ลมหายใจไม่เที่ยง 

อิริยาบถนั่ง อันเป็นที่ตั้งของลมหายใจที่ไม่เที่ยงนี้ 

ก็คงรูป ยกตั้งขึ้นด้วย โครงกระดูก

ฉาบทาด้วยเลือดเนื้อ แป๊บหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนท่า

 

เมื่อมีสติ เห็นอยู่ว่าความเป็นกายนี้ ความเป็นท่านั่งนี้

ความเป็นลมหายใจนี้ .. ไม่เที่ยง 

เริ่มมีประตูของการเห็นว่า

อะไรๆ ในกายใจ ไม่ใช่ตัวตนขึ้นมา 

 

คราวนี้ เราจะมาอาศัยสติ อาศัยสมาธิ ที่เกิดขึ้น 

ในการถวายความนอบน้อม แด่พระศาสดา

ผู้ที่ตรัสทางให้เรามองลมหายใจใหม่

มองสภาพทางกายใหม่ มองสภาพทางใจใหม่

ว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรที่คงเดิม 

เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน 

.

.

.



 

ขอให้ทุกคนลืมตาขึ้นมา แล้วมองดู องค์พระ ที่ตั้งอยู่นะครับ 

 

มองดูด้วยความระลึกว่า 

ถึงแม้ว่า นี่ไม่ใช่พระศาสดาองค์จริง 

แต่ก็ เป็นองค์พระ ที่แกะสลักขึ้นมาจากไม้

ที่พระศาสดาของเรา อาศัยประทับนั่ง

ในคืนตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ 

สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง 

 

ดูใจที่อ่อนน้อม 

ดูใจที่มีความรู้สึกถึง พระคุณของพระพุทธเจ้า

ว่าอยากมีอาการอย่างไร

 

จะอยากมีอาการพนมมือ เพื่อที่จะขอบคุณ 

แต่ไม่ใช่การขอบคุณธรรมดา

 

เป็นการที่ใจของเรานี้ มีความนอบน้อม

มีความเป็นสมาธิ มีความพร้อมที่จะทำสิ่งที่เรียกว่า 

ถวายกายถวายใจเป็นพุทธบูชา 

 

ขอให้พนมมือขึ้นมา แล้วระลึกว่า

อาการที่มือพนมขึ้นมานี้ เหมือนกับดอกบัวบูชา 

ที่เราพร้อมจะน้อมถวายพระองค์ท่าน ด้วยใจเต็มๆ

 

และใจของเราถ้าหากว่ามีสมาธิอยู่ มีความอ่อนน้อมอยู่ 

เราจะรู้สึกถึงความเป็นฝั่งเรา ที่พร้อมถวายอาการบูชา

แด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

แล้วก็รู้สึกถึงความเป็นองค์พระ ที่อยู่ตรงหน้า 

 

ถ้าเราเพียงระลึก ลองหลับตาลงนะครับ

ระลึกว่ามือที่พนมอยู่นี้ พนมด้วยอาการของใจที่นอบน้อม 

อยากจะขอบพระคุณพระองค์ท่าน 

 

แล้วระลึกได้ว่า ยังมีมือที่พนมแบบนี้

รู้สึกถึงสัมผัสฝ่ามือ ที่ประกบกันอย่างนี้

รู้สึกถึงอาการของใจที่นอบน้อม

อยากที่จะเคารพ ปรารถนาที่จะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ด้วยกัน ประมาณพันคน 

 

เราจะรู้สึกถึง พลังความนอบน้อมที่ใหญ่กว่าตัวเรา 

รู้สึกถึง ความเป็นจิตแบบพุทธ

ที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของเรา เพียงคนเดียวลำพัง 

แล้วถ้าหากว่า โดยอาการทางใจที่มีความนอบน้อม

ที่มีความรู้สึกอยากจะบูชาเช่นนั้น 

ได้นึกถึงองค์พระ .. นึกด้วยใจนะ ไม่ใช่ลืมตาขึ้นมาเห็น

 

นึกด้วยใจว่า เรากำลังพนมมือกราบไหว้พระองค์ท่าน

นั่นแหละ ลักษณะของใจนั้น

ที่มีความเป็นสมาธิ ที่มีความนอบน้อม

ที่มีพลังของความรู้สึกอยากบูชาอยู่

นั่นคือพลังที่จะบรรจุลงในองค์พระ 

 

อาการที่เรากราบไหว้ ด้วยความนอบน้อม 

เวลาที่เราไหว้พระปฏิมาในบ้าน ในห้องพระ

นั่นก็คือการประจุพลังชนิดหนึ่ง 

 

แต่นี่ ..

ด้วยใจ ที่เป็นสมาธิ 

ด้วยใจ ที่มีเมตตาร่วมกัน 

ด้วยใจ ที่แผ่ออกไป

 

รู้ว่ายังมีเพื่อนของเราอีกนับพัน ที่มีพลังความนอบน้อม

พลังความคิด ที่จะบูชาแบบเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้น

ประจักษ์อยู่ในตัวเรา ในกายของเรา ในใจของเราอยู่นี้

 

ก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกถึง

พลัง ที่ยิ่งใหญ่กว่าการน้อมกราบของเรา

เพียงคนเดียวตามลำพัง 

 

ความรู้สึกของการได้ถวายความเคารพ ได้ถวายการบูชา

แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

เป็นลักษณะหนึ่งของเมตตา ที่แผ่ออกไป 

 

ลักษณะของใจ ที่มีเมตตา

ลักษณะของใจ ที่อยากให้คนทั้งโลกมีความสุข 

เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กับใจที่ถวายความเคารพ 

ความบูชา ความมีใจนอบน้อม 

 

เห็นไหม

มีลักษณะของ การแผ่ออกไปของความสุข 

มีลักษณะของ การแผ่ออกไปของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว

ที่เคารพบูชาพระพุทธเจ้า

มีความเคารพรักในพระองค์ท่าน แบบไม่มีประมาณ

แบบที่ใจแผ่กว้างไพศาล

แบบที่ใจรู้สึกถึง ความเป็นองค์ท่านที่ ..

มีจิตซึ่งไม่ดิ้นรนแล้ว 

มีจิตที่ไม่เอาอะไรแล้ว 

มีจิตที่ไม่เป็นทุกข์แล้ว 

 

ถ้ารู้สึกถึงจิตของพระองค์ท่านได้ 

พระหฤทัยของพระองค์นั้น ก็จะราวกับ

มาประดิษฐานในใจเราเอง 

 

มีความไม่ดิ้นรน 

มีความไม่ซัดส่าย 

มีความตื่นรู้ 

มีความไม่เป็นทุกข์ 

ไม่เป็นที่ตั้งของทุกข์ 

 

นี่คือการทำความรู้จักกับ พระพุทธเจ้า 

ผ่านจิต ที่ยังมีกิเลสอยู่

แต่ สามารถสัมผัสได้

ถึงความไม่ดิ้นรน ของจิตพระองค์ท่าน 

 

คราวนี้ลองลืมตาขึ้นดู

คุณจะเห็นนะว่า เวลาที่เรามององค์พระอีกครั้งหนึ่ง 

จะมีความรู้สึกว่า เรามีส่วนร่วมอยู่ในกระแสความศักดิ์สิทธิ์นี้

คือไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับ 

 

อาการที่เรากราบ หรือว่านบไหว้

ด้วยความนอบน้อมอย่างมีสมาธิ

คือการประจุพลังของเราเข้าไปในองค์ท่าน 

 

พอเปิดตาดูภาพ เราก็จะสามารถสัมผัสรู้สึกได้

ว่ามีส่วนของเรา มีส่วนของการบูชา มีส่วนของความสุข

มีส่วนของความเมตตาไม่มีประมาณ ของเราเอง

ที่ประกอบอยู่ในองค์ท่านด้วย 

 

ภายหลัง เมื่อเราเห็นองค์ท่านอีก 

ก็จะรู้สึกถึง ความเป็นมหาสมุทร ของความสุข

ที่ย้อนกลับมา ทำความชุ่มเย็นให้ได้ง่ายๆ

ความรู้สึกไม่มีตัวตน ในขณะที่เราพิจารณาธรรม

ระหว่างอยู่ต่อหน้าองค์ท่านก็ตาม 

หรือจะเป็นการที่เราแผ่เมตตาไปก็ตาม

เปลี่ยนฐานะ จากผู้รับความคุ้มครอง เป็นผู้ปกป้อง

แล้วก็สืบสานพระศาสนา

 

ยกระดับจากผู้ที่ต้องเอาแต่เชื่อตาม

กลายเป็นพยานบุคคล ที่รู้ว่า

ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีจริง 

ประดิษฐานอยู่ในใจของเราได้จริง 

_____________________

 

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ร่วมบรรจุมหาสมุทรเมตตาถวายแด่องค์พระ - ช่วงทำสมาธิร่วมกัน

วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=3iheGIlc6c0&t=966s

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น