วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564

กรรมอะไรทำให้โดนทำร้ายร่างกาย แก้ไขได้อย่างไร

ดังตฤณ : การทำร้าย หรือการกระทบกระทั่งกัน จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องปกติของจักรวาลนี้

 

ต้องพูดว่าเป็นเรื่องปกติของจักรวาลทีเดียว เพราะว่า ตั้งแต่ระดับกาแลคซี ดวงดาว มาจนกระทั่งถึงระดับอนุภาค มีการกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา

 

ทีนี้ การกระทบกระทั่งจนถึงระดับเจ็บปวด หรือเสียชีวิต ก็มีเป็นเรื่องปกติอีกเหมือนกัน เพียงแต่ว่า พวกเราอยู่ในโซนที่ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เข้าใจ เพราะเป็นโซนปลอดภัย

 

ถือว่าเป็นโซนปลอดภัยนะ แต่ละคนอาจโดนทำร้ายร่างกายมา ชีวิตหนึ่ง ครั้ง หรือสองครั้ง หรือบางคนไม่มีเลย ไม่โดนเลย อันนี้ก็เพราะว่ากรรม เหวี่ยงเรามาอยู่ในโซนปลอดภัย ถือว่าห่างจากการกระทบกระทั่ง ถึงเนื้อถึงตัว หรือถึงชีวิตกันมากแล้ว

 

คนอื่นๆ ที่อยู่ในโซนอันตราย ถูกทุบตี ถูกทำร้าย หรือว่ามีอันตรายถึงชีวิตเป็นเรื่องปกติกัน

 

ทีนี้ ถ้ามองเห็นภาพรวมอย่างนี้ก่อนแล้ว เราก็จะเริ่มตั้งคำถามใหม่ ตั้งโจทย์ใหม่ ว่า ที่เราโดนทำร้าย .. นานๆ โดนทำร้ายที เกิดจากอะไร

 

ถ้านานๆ ครั้ง ถึงจะโดนทำร้าย ส่วนใหญ่นะครับ ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นคู่กรณีนั่นแหละ คือเป็นโจทย์เก่ากันมา เคยทำร้ายกันมา แล้วก็โดนทำร้ายกลับ

 

แต่ถ้าโดนทำร้ายเป็นปกติ คือมีเรื่องให้ต้องระวังตัว มีเรื่องที่น่าหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาทั้งชีวิต หรือไม่ก็เกิดมาเพื่อที่จะถูกฆ่าเลยทีเดียว อันนี้ก็คือ ไปทำคนเขาไว้เยอะ หรือไปทำสัตว์ไว้เยอะ ทำแบบเดียวกันนั่นแหละ ศีลข้อ ปาณาติบาตไม่ดี อาจมีอาชีพฆ่าฟันโดยเฉพาะ ทำอาชีพโรงฆ่าสัตว์ หรือเป็นเพชฌฆาต หรือเป็นทหารที่มีความสนุกในการฆ่าฟัน หรือเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง อะไรต่างๆ พวกนี้

 

ปาณาติบาต บอกว่าเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่จริงๆ แล้วมีหลายประเภทแยกย่อยออกไปอีก .. ฆ่าด้วยความสนุก ฆ่าด้วยความจำใจ ฝืนใจฆ่า หรือฆ่าด้วยหน้าที่ ฆ่าจนเกิดความเคยชิน เช่น เพชฌฆาต จริงๆ ไม่ได้ผูกใจเจ็บกับใครเขาเลย แต่มีหน้าที่ต้องยิงเป้าเขา หรือตัดคอเขา

 

เอาล่ะ เราทราบแล้วว่าเหตุแห่งการทำร้ายกัน ก็คือการที่เคยประทุษร้ายกันมา แล้วก็ถ้าใคร .. นานๆ โดนที ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการผูกเวรกันมา ตัวต่อตัว แบบตัวต่อตัวนะครับ

 

เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าเราเห็นว่า ส่วนของเรา เป็นเรื่องของปาณาติบาต ทำร้ายกันยังไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก หรือถึงขั้นเลือดตกยางออกแล้ว แต่ยังไม่ถึงตาย นี่ก็เข้าข่าย ปาณาติบาตอ่อนๆ

 

คำถามคือว่า จะแก้อย่างไร ..

 

คือ อาจเป็นคำแนะนำที่ทำให้รู้สึกว่า กลายเป็นความหน่อมแน้มของคนเชื่อศาสนาหรือเปล่า แต่เรามองอย่างนี้จริงๆ ว่า ถ้าอยากจะตัดเวรตัดภัย ถ้าอยากจะไม่ต้องมาเบียดเบียนกัน แล้วๆ เล่าๆ อีก ก็ต้องอภัย แล้วไม่คิดจองเวรต่อ

 

คือ หลายคนที่โดนทำร้ายร่างกายมา ฟังอย่างนี้แล้วอึ้ง แล้วก็บอกว่าไม่อยากนับถือศาสนาเลย เพราะฟังแล้วไม่ make sense คือโดนทำร้ายมา ทำไมถึงจะต้องให้อภัย

 

คำว่าให้อภัย ไม่ได้หมายความว่า เรางอมืองอเท้า ปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำท่าเดียวไปเรื่อยๆ นะ

 

การให้อภัย หมายความว่าไม่ผูกใจเจ็บ และไม่คิดทำร้ายกลับ แต่ป้องกันตัวได้ หรือแม้กระทั่งขอความช่วยเหลือ ขอพึ่งพามือกฎหมายได้ หรือกระทั่งว่า จะต้องฟ้องร้อง เพื่อที่จะไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ อะไรก็แล้วแต่ ที่จะทำให้ไม่ต้องเบียดเบียนกันเพิ่มเติม เราสามารถที่จะคิดได้ ทำได้ แต่ไม่ใช่ทำด้วยความผูกใจเจ็บ

 

หลักฐานของความผูกใจเจ็บเป็นอย่างไร?

 

อยากให้เขาเจ็บบ้าง อยากจะ .. เดี๋ยวนี้ ก็ง่ายนะ คือมีคนรับจ้างอยู่เยอะ ประเภทที่จะไปเอาคืน ง่ายนิดเดียว ใช้เงินไม่กี่บาท จะเอาแบบไหนก็ได้ จะเอาระดับแค่ เลือดตกยางออก หรือว่าจะเอาถึงขั้นที่ ไม่ต้องอยู่ร่วมโลกกันอีกเลย ทำได้ทุกอย่าง ใช้เงินไม่กี่บาท

 

แต่ถ้าถามตัวเองว่า เกิดใหม่ แล้วก็ต้องเป็นคนที่ลืมว่าเคยไปจองเวรกับใครเขาไว้ เคยไปเอาคืนกันมากี่รอบแล้ว อย่างนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ก็น่าเบื่อนะ

 

ถ้าเป็นฝรั่ง ที่ไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ก็คงจะพูดกันง่ายๆ ว่า ยอมไม่ได้หรอก แต่ถ้าเราเกิดในประเทศที่เป็นพุทธ เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด แล้วเชื่อแบบมีเหตุผลนะ ว่า ทำไมเราถึงมาเกิดในแบบที่จะต้องทำร้ายร่างกายกัน หรือว่ามีความผูกใจเจ็บกันกับใครบางคน แบบไม่สมเหตุสมผล

 

อันนี้ ถ้าจะเอาตามหลักของพุทธศาสนา เชื่อผู้รู้ ที่ท่านมีอภิญญา ที่ท่านมีตาทิพย์นะครับ ก็ต้องบอกว่า อยากตัดเวรตัดภัยกับเขา ก็คืออย่าไปผูกใจเจ็บกับเขานะ อย่าคิดเอาเรื่องให้เขาเจ็บปวดเท่ากับเรา เพราะถือว่าเรานี่ ชดใช้ความเจ็บปวด หนี้ความเจ็บปวดเดิมที่เคยไปทำเขาไว้แล้ว ก็ขอให้จบกันแค่นี้

 

ก็ต้องมีฝ่ายที่ตัดสินใจจบ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เวรจะระงับได้ด้วยการไม่จองเวรเท่านั้น ไม่ใช่บอกว่า เราอดเจ็บใจไม่ได้ ขอเอาคืนอีกชาติหนึ่ง แล้วให้แล้วๆ กันไป .. ไม่ใช่แบบนั้นนะ

 

คือโดยธรรมชาติ โดยกลไกของการจองเวรกัน ถ้าเอาคืนกัน ถ้ายังผูกใจเจ็บอยู่ อยากเอาคืนอยู่ หรือว่าไม่อยากให้เขามีความสุข ตรงนี้ ก็จะเป็นการต่อปฏิกิริยาลูกโซ่

 

พอเคยเกิดมาชาติหนึ่ง มาเกิดในชาตินี้อีก แล้วแต่ละชาติก็เป็นเชื้อให้เกิดเรื่องใหม่ในกาลต่อๆ ไป อย่างนี้ก็ไม่จบ

 

ถ้าจะให้จบ คือ ถามใจตัวเองว่า อยากให้เกิดขึ้นอีกไหม

 

คือถ้าให้เขาเจ็บแบบเรา ทำได้ไม่ยากนะ แต่ที่จะไม่ต้องไปเจ็บเพราะเขาอีกนี่ อันนี้ยาก แล้วสัตว์ในสังสารวัฏ หรือในคน ตอนนี้ในโลก 7 พันกว่าล้านคนนี่ ไม่รู้หรอก ไม่รู้ความจริงนี้ แล้วก็ต่อเวรต่อกรรมกันไป ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ถ้าจะเอาอย่างนั้น ถ้าจะเอาแบบคนไม่รู้ เราก็ต้องผูกเวรกัน แต่ถ้าหากว่า จะเอาแบบคนที่ รู้ครึ่งๆ กลางๆ คือรู้แบบเชื่อตามพระผู้รู้มา ท่านบอกว่า .. เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร .. ก็อย่าต่อเวรกับเขาอีก เราก็จะได้ไม่เป็นผู้มีจิตใจเหี้ยมเกรียม

 

ถ้ามีจิตใจเหี้ยมเกรียมอย่างเดียว บางทีไม่ใช่แค่ต่อเวรกับคนๆ เดียว แต่กลายเป็นว่า มีความเผลอ ไปสร้างเวรสร้างกรรม กับใครต่อใครได้อีกไม่รู้เท่าไหร่

 

อย่างพวกที่บ้าสงคราม กระหายสงคราม ถามๆ ดู ตอนแรกก็ไม่ได้บ้าสงคราม แต่มีความรู้สึกว่า ฝ่ายตรงข้าม เป็นเผ่าพันธ์ที่ควรทำลายล้างให้หมดไปจากโลก

 

เห็นไหม แค่ความผูกใจเจ็บอย่างเดียว จะพาเราไปสู่เส้นทางของภัยเวรได้ไม่มีที่สิ้นสุด

 

แต่ถ้าหากว่าเราตัดภัยตัดเวรออกจากใจ กับคู่กรณีได้แค่คนเดียว ก็จะพาเราขึ้นทางใหม่เลย เส้นทางที่ไม่ต้องเบียดเบียนกัน

 

ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการสวนกระแสนะ เป็นการหนีธรรมชาติ อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ทั้งจักรวาลนี้ เป็นจักรวาลแห่งการกระทบกระทั่ง ตั้งแต่ระดับ กาแลคซี่ ระดับดวงดาว มาจนถึงระดับอะตอม ระดับอิเล็คตรอน มีการวิ่งชนกันตลอดเวลา มีการกระทบกระทั่งเบียดเบียนกันตลอดเวลา เป็นจักรวาลแห่งการเบียดเบียน

 

คนที่จะหลุดรอดจากการเบียดเบียนของจักรวาลนี่ น้อยเหลือเกิน เป็นการฝืนธรรมชาติ ทวนกระแสเขา

 

ถ้าเราสามารถที่จะหลบเลี่ยงได้ ถือว่าเป็นผู้มีบุญ เป็นผู้ที่ควรแก่การอยู่ในโซนปลอดภัย ถ้ายังไม่สามารถดับขันธ์เข้านิพพานได้ เกิดใหม่ เราก็อยู่ในโซนปลอดภัย อย่างที่กำลังอยู่กันเดี๋ยวนี้ ที่มานั่งคุย (เสวนาธรรม) กันได้สบายๆ อย่างนี้อยู่ในโซนปลอดภัยนะ

 

ถ้าเคยเดินทางไป ซีเรีย เคยเดินทางไปประเทศที่เขารบราฆ่าฟันกัน หรือแม้กระทั่งว่า ไปเกิดในประเทศเกาหลีเหนืออย่างนี้ ที่ชีวิต แขวนอยู่กับความพอใจของคนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เราจะรู้เลยนะ ว่า หันกลับมามองแล้วรู้เลยว่า โดนทำร้ายแค่ ครั้งสองครั้งในชีวิต จริงๆ แล้วถือเป็นเรื่องโชคดีแล้ว

 

หรือเอาง่ายๆ ถ้าอยากเห็นการเบียดเบียนของจริงนะ ไปดูที่โรงฆ่าสัตว์ ไปดูในที่ๆ เขาอยู่ใน war zone กัน กำลังอยู่ในช่วงของการรบราฆ่าฟันกัน จะเห็นเลยว่า สัตว์โลกส่วนใหญ่ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในโลกนี้เลย ที่จะเป็นมด จะเป็นนก หนู จะเป็นอะไรต่างๆ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายทั้งสิ้น

 

แต่พวกเราอยู่บนพื้นฐานที่ค่อนข้างมีการให้ความคุ้มครอง อย่างที่บอกว่ามีกฏหมายคุ้มครอง อยู่ในบ้านในเมืองที่มีขื่อมีแป อะไรแบบนี้แหละ ที่ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น บอกว่า ถ้ายังต้องเกิดอีกด้วยความไม่รู้ ขอให้อยู่ในโซนปลอดภัย แบบนี้ หรือดีกว่านี้ ได้ไหม

 

แล้ววิธีนะ ถ้าเอาตามความรู้ของพระผู้รู้แจ้งก็คือว่า จะต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น .. ใจ .. เริ่มจากใจ ใจที่ถือศีล ใจที่ไม่อยากเบียนใคร แม้จะโดนเบียดเบียนก่อน เราไม่อยากเบียดเบียนใครตอบ

 

อันนี้แหละ ที่จะเป็นเหตุให้ได้อยู่ในโซนปลอดภัยนะครับ

 

____________________

ถาม : กรรมอะไรทำให้โดนทำร้ายร่างกาย แก้ไขได้อย่างไร

ดังตฤณวิสัชนา Live#22

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=Q_hc59Hwzp0

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น