วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กรรมอะไรที่ทำให้ได้เกิดเป็นหมอ?

ถาม : อาจารย์ครับ แสดงว่าเราเกิดมาเป็นหมอเป็นพยาบาลนี้ ส่วนใหญ่ก็อาจจะเคยเป็นมาก่อนอย่างนี้ใช่มั้ยครับ
(คำถามต่อเนื่องจากคำถามก่อน  จะทราบได้อย่างไรว่าเราถนัดกับอาชีพไหน?
http://dungtrinanswer.blogspot.com/2015/05/blog-post.html)

รับฟังทางยูทูป : https://youtu.be/A2DAGPjXdqU

ดังตฤณ:  คือที่ผมดูนะ ส่วนใหญ่หมอมีอยู่สองประเภท
นี่พูดถึงหมอเลยนะครับ เอาของจริงๆ เลย 
ความอยากจะรักษาคน
ความอยากจะให้คนหายจากโรคจากภัยเนี่ย
มันมีอยู่ในใจแค่ไหน มันต่างกันนะ

หมอบางคนเรียนเพราะว่าพ่อแม่บอกให้เรียนก็มี  
หมอบางคน... นี่อันนี้มีน้อยแต่ว่ามีจริง
เพื่อนรักเรียนหมอ ก็เลยตามเพื่อนมาเรียน อย่างนี้มีนะ  
แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็คือรู้สึกว่าเป็นหมอแล้วรวย
เป็นหมอแล้วมีหน้ามีตาในสังคม

คือหมอเนี่ยจำแนกออกด้วยใจ เป็นต่างๆได้หลายแบบ
ขึ้นต้นมาเนี่ยพูดให้กระชับที่สุดเลยก็คือว่า
เป็นหมอด้วยความรู้สึกอยากให้คนหายป่วย
หรือว่าเป็นหมอเหตุผลอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ถ้าคุณเป็นหมอด้วยใจที่อยากรักษาให้คนจากโรคภัยนะ
สันนิษฐานได้ว่า..
อันนี้เป็นการสันนิษฐานเฉยๆ ไม่ใช่เป๊ะๆนะ
..ในอดีตเนี่ย คุณอาจจะไม่ได้เป็นหมอล่ะ 


รากของกรรมมันอาจจะเริ่มต้นขึ้นมา
จากการที่ว่าคุณมีความเอาใจใส่พระภิกษุบางรูปที่นับถือกันอยู่
แล้วก็คอยใส่ใจ ไถ่ถามว่าท่านเป็นโรคอะไร
มีอาการไม่ปกติตรงไหนอะไรยังไง
แล้วก็เกิดมีแก่ใจ ที่จะหาหยูกหายา
หาหมอที่ตรงกับโรคมารักษาท่านให้หาย
แค่นี้น่ะ มันเป็นปัจจัยแล้ว
ที่เราให้คุณมีความรู้สึกติดตัวข้ามภพข้ามชาติได้
ก็คือ อยากให้คนหายป่วย



.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ที่นี้ความอยากตรงนี้
ถ้าหากมันไปบวกกับความรู้สึกว่า
อยากหายาอะไรที่มันดีที่สุด ที่มันเวิร์กกับโรคนี้ที่สุด 
แล้วสามารถรักษาท่านหายด้วย
 
เกิดความภูมิใจ เกิดความปลื้มใจด้วย
 
ตรงนี้มันจะเป็นต้นเหตุ ให้เป็นคนที่
..พูดง่ายๆว่า อยากเป็นหมอเลย
อยากเป็นคนคิดค้นผลิตยา
อยากเป็นคนที่มีความสามารถที่จะทำให้คนหายป่วยได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมอเนี่ย มีโอกาสกันเยอะนะ 
หมอที่ในโรงพยาบาลมีส่วนของรักษาพระอาพาธ
 
ถ้าอยากรู้ว่าหมอใหญ่ระดับโลกเขาเริ่มต้นจากตรงไหน
 


เริ่มต้นจากตรงนี้แหละ คือทำแบบไม่มีประมาณ 
ทำกับสงฆ์แบบไม่เลือกหน้าแล้วว่า
จะเป็นสงฆ์ที่รู้จักหรือไม่รู้จัก น่านับถือหรือไม่น่านับถือ
 
แต่ว่าเป็นสงฆ์
 
เป็นตัวแทนของผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา มีใจอยู่แค่นี้
 
แล้วคิดว่าเราจะเข้าไปทำ โดยที่ไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น
 
แค่อยากให้ท่านหาย มีใจเป็นบุญน่ะ เป็นกุศล
 
ตัวนี้แหละ เป็นรากของกรรม ของความเป็นหมอใหญ่

เกิดชาติไหนนะครับ คือคุณจะมีความสามารถ
:  ทั้งในเรื่องของสติปัญญาที่จะเรียนจบหมอได้ง่ายๆ 
:  ทั้งในเรื่องความสามารถ 
:  ทั้งในเรื่องของไอเดียริเริ่มสร้างสรรค์
สามารถทำงานวิจัยอะไรในแบบที่คนอื่นเขาคิดกันไม่ถึง
คิดกันไม่ได้ คิดกันไม่ออก 

____________________

พิธีกร : ครับ ถ้าใครอยากเป็นหมอที่ยิ่งใหญ่ ก็คงจะต้องตั้งจิตอย่างที่อาจารย์ได้แนะนำไว้สักครู่นะครับ

ดังตฤณ: 
คือความเป็นสงฆ์เนี่ย
เป็นส่วนขยายผลของกรรมที่ยิ่งใหญ่ 

ทำอะไรกับสงฆ์เนี่ย มันจะได้ผลขยายที่ใหญ่
แล้วก็ถ้าใจเราใหญ่จริงเนี่ย
มันก็คือเกินกว่าคนอื่น มีกำลังใจเกินกว่าคนอื่น
ได้ทำกับบุคคลอันเป็นนาบุญที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้ทำ
มันก็คือระดับโลก ระดับประเทศนั่นเอง


วิธีค้นพบตัวเองว่าถนัดทำอาชีพไหน

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเกิดมาเพื่อที่จะทำงานอะไร มีสิ่งใดพอเป็นไกด์ไลน์ได้บ้าง

รับฟังทางยูทูป
 : http://bit.ly/1RjvOKO


ดังตฤณ:  จริงๆแล้ว คุณลองดูชีวิตคนนะ 
มันเกิดขึ้นมาพร้อมกับความไม่รู้ ไม่รู้ไปหมดเลย
 
ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองคือใคร เป็นใคร ชอบอะไร อยากทำอะไร
อย่างผม จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนา
ไม่ใช่เพราะว่าเคารพนับถือพุทธศาสนานะ
ไม่ใช่เพราะว่าใครมาบอกว่าพุทธศาสนาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วเชื่อนะ
แต่เป็นเพราะว่ามันหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ตอนอายุ ๑๖-๑๗
 
ว่าตัวเองจะทำอะไรดี
ด้วยความอยากจะได้คำตอบ ก็อ่านหนังสือไปทั่ว
แต่มันไม่มีหนังสือเล่มไหนให้คำตอบได้ดีมากไปกว่าพุทธศาสนา
ผมก็เลยนับถือพุทธศาสนา มีความผูกพันกับพุทธศาสนา

นี่แสดงให้เห็นนะว่าถ้าผมใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ
สงสัยชีวิตก็ปล่อยให้มันถูกกลบ ถูกลบ ถูกลืมไปตามวันเวลา
ผมก็คงไม่เจอพุทธศาสนา

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

เหมือนกัน เด็กหลายๆ คนโตขึ้นมาเป็นอัจฉริยะ
สอบได้ที่หนึ่งของประเทศหรืออะไรก็แล้วแต่
คุณสืบเข้าไปเถอะ
 
พวกนี้มักจะมีงานอดิเรกหรือความสนใจอะไรบางอย่าง
..ตั้งแต่เด็กๆ!
โชคดีที่เจอเรื่องที่ทำให้ตนเองสนใจได้
 
แล้วก็ยอมอุทิศเวลาให้กับมันได้

ยิ่งคุณทำงานอดิเรกมากขึ้นเท่าไหร่
ยิ่งคุณทำแบบที่ไม่ต้องถูกบังคับให้ทำ
 
ไม่มีใครบังคับให้ทำ

คุณจะยิ่งมีโอกาสค้นพบตัวเองมากขึ้นเท่านั้น!





.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

แต่คนส่วนใหญ่เป็นยังไงครับ 
ยิ่งเด็กสมัยนี้ โตขึ้นมากับอินเตอร์เน็ต
แล้วก็..

อินเตอร์เน็ตนี่ดาบสองคมจริงๆ
คือคมที่มันร้าย ก็คือว่า จะทำให้คนไม่รู้จักตัวเอง
รู้แต่ว่าคนอื่นๆ เขาคุยกันยังไง พูดกันยังไง ชอบกันยังไง
เราก็ควรจะพูดอย่างนั้น ชอบอย่างนั้น คุยตามเขาไปแบบนั้น
 
มันเหมือนกันหมดทั่วโลก
มันแย่งเวลาที่จะไปให้ความสนใจกับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่เรามีความสามารถ มีความถนัดเป็นพิเศษ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


เรื่องของเรื่องนะ 
ถ้าหากว่าเราใช้ชีวิตในแบบที่จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ

สงสัยอะไร อยากรู้อะไร 
พยายามขุดคำตอบออกมาให้ได้ด้วยตัวเอง
หรือว่ามีความสนใจในการละเล่นไหนก็ตาม
 
ในการเอาสนุกด้านใดด้านหนึ่งก็ตาม
เอาให้มันจริง
 

พอเอาให้จริงหลายงานเข้า 
ในที่สุดคุณจะรู้สึกว่านี่จริงที่สุดมันอยู่ตรงนี้


แล้วสิ่งที่คุณให้เวลากับมันที่สุด 
สนใจกับมันมากที่สุดนั่นแหละ
 
เหมาะกับตัวคุณที่สุด!

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

พูดโดยสรุปคำตอบ ก็คือว่า
อย่ารอให้การเอ็นทรานซ์
หรือว่าการทำงานตามสาขาอาชีพ
มันมาบีบให้คุณรู้สึกว่า
คุณจะต้องเป็นอย่างนี้ คุณจะต้องเป็นตัวนี้ สวมหัวโขนแบบนี้

เวลาที่ยังมีเวลาอยู่นะ ตอนที่ยังมีเวลาอยู่นี่
พยายามที่จะหาอะไรทำ แบบที่ใจของคุณ..
 รู้สึกตรงกับมัน
 รู้สึกสอดคล้องกับมัน 
 แล้วก็รู้สึกว่าอยากทุ่มเวลาให้กับมัน

อันนี้จะสอดคล้องกับหลักที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในอิทธิบาท ๔
มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

ก็คือถ้าหากคุณมีความสนใจเรื่องไหน
 
อย่าปล่อย กัดไม่ปล่อยเลย!
ตรงนั้นแหละที่เขาเรียกกันว่า 'พรสวรรค์
ชาวโลกเขาเรียกกันพรสวรรค์
แต่มันจะฟ้องว่าคุณ 'เคยทำบุญประเภทไหนมา'!


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

อย่างบางคน ในอดีตชาตินะ
เคยทำขนมให้พระเป็นประจำ
ด้วยการออกหัวคิดเอง ปรุงแต่งให้มันมีรสชาติอร่อย
ปรุงแต่งให้มันมีความแปลกใหม่
 
คิดชื่อขนมขึ้นมาเองอะไรแบบนี้ ทำอยู่ทั้งชีวิต
บุญที่สั่งสมมามันจะทำให้ตั้งแต่เด็กๆ มีความสนใจชอบทำขนม
แล้วพอโตขึ้น ทำขนมออกขาย
มันกลายเป็นอะไรที่เป็นที่ติดใจ รสชาติถูกปากคนมาก
แล้วรัศมีบุญเก่ามันก็จะไปดึงดูดมหาชนให้จำได้
 
แล้วก็อยากจะช่วยกันบอกต่อ
นี่อันนี้ตัวอย่าง ยกตัวอย่าง
 

ถ้าคุณจะมองเป็นในเรื่องของบุญของกรรม
มันจะมีอะไรบางอย่างที่คุณเคยทำ ทำให้คนอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้สมณะชีพราหมณ์
 
ทำให้บุคคลที่เป็นผู้ทรงศีล
ถ้าหากว่าทำอะไรแบบนั้นบ่อยๆแล้ว
มันจะไปกระตุ้นในชาติถัดมาให้เกิดความสนใจ
 
ให้เกิดความสนใจมากๆ

ตรงนั้นคนส่วนใหญ่เรียกกันว่าพรสวรรค์
แต่พรสวรรค์มันมีให้แค่จุดเริ่มต้น
คือความสนใจและความคุ้นเคย


ส่วนของความวิริยะมันเป็นบุญใหม่ที่ต้องไปสั่งสมเอาเองนะครับ

อ่านคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับคนเลือกอาชีพหมอ 
>> http://dungtrinanswer.blogspot.com/2015/05/blog-post_7.html