วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีเจริญสติ - หงุดหงิดแล้วอยากพูด อยากด่า

ถาม :  ถามเรื่องการดำเนินชีวิต ปกติเรื่องของอารมณ์นี่ คือเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดง่ายมาก อารมณ์ปรี้ดขึ้นเร็ว ขี้โมโหแล้วก็วีนง่ายๆเลย อย่างคนเดินตัดหน้า คนเดินเบียด เดินแทรก รถตัดหน้า อ้นนี้จะมีวิธีแก้ไขยังไงคะ

รับฟังทางยูทูป : http://www.youtube.com/watch?v=OUJRiQ-sZ0Q

ดังตฤณ:  โอ้โหอย่างนี้ถ้าโดนแย่งคิวนี่ ยิ่ง... คงจะ... บางคน ผู้หญิงนะ ไปกระชากคอเสื้อเขาออกจากแถวเลย บางที เรื่องของอารมณ์หุนหันพลันแล่นหรืออารมณ์หงุดหงิดนี่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะต้องติดตัวเราไปตลอดนะ แต่มันเป็นความเคยชินที่สะสมมาด้วยใจ

อาการหงุดหงิดของคนนี่ ผมอยากจะบอกเป็นสามระดับ :
๑.หงุดหงิดในแบบที่ทำให้ ‘กระวนกระวายอยู่ข้างใน’ คิดมาก รู้สึกรำคาญอยู่ข้างใน 
๒. หงุดหงิดในแบบที่ ‘อยากพูด อยากด่า
๓. หงุดหงิดในแบบที่ ‘อยากจะลงมือ’ ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเลยเป็นการโต้ตอบ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ถ้าสำรวจตัวเองแล้วพบว่า
สำหรับคนโดยมากมันจะอยู่วนเวียนอยู่ 2 ระดับ คือ
หงุดหงิดแล้วรำคาญใจตัวเอง กับ
หงุดหงิดแล้วอยากที่จะพูดให้คนรู้สึกตัว หรือให้เขารู้สึกว่าละอายเสียบ้าง

ถ้าวนเวียนอยู่ในสองข้อนี้ ยังแก้ไขได้

เพราะว่าถ้าไปถึงขั้นที่สาม
หงุดหงิดแล้วอยากลงมือตุ้บตั้บ อยากลงมือลงไม้นี่นะ
อันนี้แก้ไขยาก เพราะมันจะเป็นสันดาน !

คืออย่างที่คุณคงเคยได้ยินมาบ้างนะ ถ้าหากว่าแต่งงานแล้วอยู่บ้านเดียวกันแล้ว เป็นผัวเป็นเมียกันแล้ว ฝ่ายชายไม่ยับยั้งชั่งใจ ลงมือซ้อมเมียแค่ครั้งแรก มันจะหยุดไม่ได้เลย มันจะเป็นสันดานติดตัวไป เอะอะขึ้นมาจะต้องลงไม้ลงมือ ห้ามมือห้ามเท้าไม่อยู่ แล้วกลายเป็นคนเลวไป ทั้งที่จุดเริ่มต้นมา แค่ทนเสียงบ่นไม่ได้เท่านั้นเอง !

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

ถ้าหากว่าเราอยู่ในขั้นที่หงุดหงิด เจ้าโทสะ แล้วมีความรำคาญใจหรือว่าชอบพูด ของคุณนี่คือไม่พูดแว้ดๆออกมาหรอก แต่จะพูดในแบบที่เลือกคำในแบบที่จะทำให้เขาละอาย หรือว่า พูดหนักๆให้เขารู้สึกตัว จับตรงนี้ก่อน ถ้ามีความอยากคือถ้ามีโทสะใน ระดับที่อยากพูด’ :

คุณ ‘ดูแรงดัน มันมากจนเราอยากจะขยับปาก
มันจะมีมโนภาพขึ้นอย่างหนึ่ง ก่อนหน้าที่คุณจะด่าเขา
คือนึกออกว่าจะพูดอะไร
ตรงที่เราสามารถนึกออกว่ากำลังจะพูดอะไร
ตรงนั้นคำพูดจะไม่ออกมา !

แต่ถ้าคำพูดออกมาก่อนแล้วค่อยรู้สึกตัว อ้นนี้เรียกว่าห้ามไม่ทันแล้ว สติไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันพูดออกมาก่อนแล้วสติค่อยเกิดตามมาภายหลัง ให้สังเกตว่าเวลาที่คุณระบายออกไป อาการทางใจมันเป็นยังไง มันจะเหมือนมีอะไรที่เป็นแรงดันเยอะๆแล้วมันโพล่งออกไป นึกออกใช่ไหม

แต่ถ้าหากว่าคุณมีสตินะ
ตอนที่มีความอึดอัด มีความกดดันอยู่ข้างใน
แล้วมันอยากจะพูดแต่ยังไม่ทันพูด
ตรงนั้นคุณจะรู้สึกถึงก้อนอะไรก้อนหนึ่ง
ที่มันแข็งๆ ที่มันแน่นๆ ที่มันมีแรงกดดัน
แล้วถ้าไม่พูด มันเหมือนจะจุกอกตาย
ความรู้สึกมันจะเป็นแบบนั้น

ถ้าคุณเจริญสติจริงๆ
ตรงนั้นเป็นตัวตั้งที่ดีที่สุดเลย
เป็นทรัพยากรในการเจริญสติที่ดีที่สุดเลย !


เพราะแรงดันตรงนั้นนะ มันจะชัดเจนโดยไม่ต้องตั้งใจดู มันรู้สึกอยู่เองว่าอึดอัด เหมือนตอนคุณอยากจะอ้วกออกมาแล้วไม่ได้อ้วกน่ะ มันจะรู้สึกเหมือนอัดอั้น รู้สึกเหมือน ถูกอุดปากอุดจมูก

แต่พ้อยท์ก็คือเมื่อคุณใส่ใจดูจริงๆว่า
หน้าตาความอึดอัดมันเป็นแบบนี้
ยอมรับตามจริงว่าแรงดันของความอึดอัดมันมีประมาณแค่นี้
ในสองสามวินาทีต่อมา มันจะไม่เหมือนอ้วกนะ
คือมันจะค่อยๆหายไป

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

อาการทางใจมันไม่เหมือนอาการทางกาย อาการทางกายนี่ถ้าขืนคุณไปฝืนไว้มันแทบเหมือนจะตายเลยถ้าไม่ยอมอ้วกออกมา แต่อาการทางใจที่มันอยากจะพูด อยากจะระเบิดออกมาเป็นคำพูด ถ้าเราดูไปตอนแรก มันจะอึดอัด เหมือนตอนอยากจะอ้วก แต่เมื่อดูไปมันจะค่อยๆคลายค่อยๆแผ่วลง

พอมันแผ่วลง คุณจะรู้สึก เอ้ะมันหายไปได้นี่ !


มันไม่เหมือนตอนแรกที่คุณรู้สึกว่าจะต้องออกไปให้ได้ มันไม่เหมือนตอนที่คุณรู้สึกว่าฉันจะต้องนับ๑-๑๐ แล้วก็จะต้องไปอดกลั้นไว้ ต้องไปข่มไว้

ยิ่งคุณไปข่มมันไว้ คุณยิ่งอึดอัด
แต่ถ้าคุณแค่ยอมรับตามจริงว่า
มันมีแรงดันแค่นี้ แล้วแรงดันนั้น
ภายในสองสามอึดใจต่อมามันค่อยๆคลายตัวลง
ผลมันจะต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

และครั้งแรกคุณจะยังไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคุณ แต่ถ้าทำไปสัก
10-20ครั้ง อาศัยเวลาพูดง่ายๆแค่ไม่เกินหนึ่งเดือน ที่คุณเกิดประสบการณ์แบบนี้ขึ้นมา

สิ่งที่จะเห็น ภายในเดือนเดียว
ก็คือว่า คุณรู้สึกถึงคำว่า
อนิจจังของโทสะอย่างชัดเจน !

เริ่มต้นขึ้นมาคุณยอมรับว่ามีโทสะ
สองอึดใจต่อมา
คุณรู้สึกว่าโทสะมันคลายลงได้โดยไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน

นี่เขาเรียกว่า คุณค่าของโทสะ
มันทำให้คุณ  เกิดปัญญา
มันทำให้คุณ  เกิดสติอันเป็นไปเอง

พูดง่ายๆว่า สติอันเป็นอัตโนมัติ  ภายในเวลาไม่เกิน ๑ เดือน

ยิ่งกิเลสแรงเท่าไร
ยิ่งสามารถเห็นได้ชัดและได้ผลเร็วมากขึ้นเท่านั้น
!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น