วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

คุณดังตฤณเล่านิทานอธิบายเรื่องกรรมวิบาก

ระหว่างคำคมกับคำจริง

หากปราชญ์เมธีทั้งหลายตระหนักว่าเบื้องหลังการเกิดตาย มีกรรมวิบากเป็นเหตุเป็นผล วาทะ คำคม โวหาร และภาษิตของพวกเขาคงเปลี่ยนแปลงบ้างไม่มากก็น้อย อย่างน้อยผมก็เชื่อว่าพวกเขาต้องทิ้งคำสวยๆไปหลายคำทีเดียว ทั้งนี้เพราะคำสวยๆบางคำไม่เป็นสัจจะ ในขณะที่คำอันเป็นสัจจะจำนวนมากฟังไม่เพราะ ไม่เท่ ไม่กินใจเท่าใดนัก

ปราชญ์เมธีผู้ยิ่งใหญ่นั้น โดยมากจะมีวาทะเกี่ยวกับมนุษย์ด้วยกัน และขอบเขตของการมองก็จะมองเพียงชีวิตเดียว ชีวิตเป็นอย่างนั้น ชีวิตเป็นอย่างนี้

ขอเพียงเขารู้ความจริงเพิ่มขึ้นอีกสักนิด เช่นหลังความตาย กรรมดำหลายประการจะนำมนุษย์ไปสู่ความเป็นสัตว์สี่เท้า สัตว์หน้าขน สัตว์ที่พวกตนอาจจะเคยดูถูกเหยียดหยาม สัตว์ที่ตนอาจจะเคยกินศพของพวกมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วาทะของพวกเขาจะเปิดกว้างขึ้น ไม่จำกัดขอบเขตด้วยการเริ่มต้นด้วยคำพูดตายตัวเช่น ‘ชีวิตคือ...’ แต่จะตั้งต้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล เช่น ‘เพราะกรรมอย่างนั้น ชีวิตอย่างนี้จึงปรากฏ’

เนื่องจากไม่รู้ จึงทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่แบ่งชั้นวรรณะกับสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายอย่างชัดเจน เห็นพวกมันไร้ค่า ไร้ความหมาย ไม่มีใครเอาอิฐปาหัวหมาแล้วโดนจับฐานทำร้ายร่างกาย ไม่มีใครถูกฟ้องหมิ่นประมาทเพียงเพราะด่าแมวให้คอตกเสียใจ อย่างมากก็ห้ามฆ่าสัตว์อนุรักษ์หรือสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง (ขอตั้งข้อชวนสังเกตด้วยว่าทำไมกฎหมายไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่เป็นฝนที่ตกทั่วฟ้า สัตว์หลายหมู่เหล่าถูกฆ่าได้โดยถูกกฎหมาย แถมมีการสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้งเสียด้วย)

เหล่ามนุษย์คงตกใจ หากรู้ว่ามนุษย์กับสัตว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากกว่าที่คิด สัตว์เดรัจฉานไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง และไม่ใช่แค่อาหารยังชีพของมนุษย์ แต่อาจเป็นเป้าล่อให้เราทำกรรมอันจะนำไปสู่ความเป็นพวกมันก็ได้ เช่นการเอาอะไรปาหัวหมาเล่น มีผลในที่เกิดครั้งต่อไป คือจะถูกรังแกโดยไม่มีทางสู้ และนั่นก็แปลว่าถ้าเราเห็นสัตว์สักตัวกำลังถูกรังแกอย่างไร้เหตุผล เราอาจจะกำลังมองผ่านความจริงในปัจจุบัน เข้าไปเห็นอดีตกรรมของมันเมื่อครั้งเป็นมนุษย์อยู่ก็ได้

และต่อให้ไม่ต้องไปทำอะไรสัตว์ ขอเพียงมีพฤติกรรมอันสมควรต่อการไปเป็นสัตว์ ก็ต้องไปเป็นสัตว์กันแล้ว และเหตุอันสมควรแก่การเป็นสัตว์ก็ไม่ต้องชั่วร้ายมากอย่างที่หลายคนคิด อบายภูมิใกล้ชิดเราเกินกว่าจะคาดถูก

แม้เชื่อเรื่องภพภูมิและการเวียนว่ายตายเกิด แต่หากขาดความรู้เรื่องเหตุผลที่มาที่ไปของการจำแนกสัตว์ออกเป็นต่างๆ คนทั่วไปจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งตนเองอาจพลัดหล่นไปสู่ความเป็นเดรัจฉานอันเป็นหนึ่งในอบายภูมิ

ยิ่งหากกำลังเสวยยศศักดิ์สูงส่ง เป็นคนมีหน้ามีตามีฐานะร่ำรวย เดินเหินด้วยมาดสำรวยหรู ก็จะยิ่งไม่มีทางเชื่อเลยว่าตนเองจะไถลลงต่ำไปครองอัตภาพของสัตว์หน้าขนในวันหนึ่ง

ผมจะเล่านิทานให้ฟังสักเรื่อง ขอให้ฟังประกอบหลักกรรมวิบากก็แล้วกัน อย่าไปค้นหาว่ามีที่มาจากไหน หรือเอาหลักฐานยืนยันจากใคร เพราะมันคือนิทาน

ครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว หญิงคนหนึ่งมีโอกาสทำบุญกับพระพุทธเจ้าและเหล่าอริยสาวกด้วยความเลื่อมใส ยิ่งวันนางยิ่งเห็นผลดีที่เกิดขึ้นกับจิตใจ เมื่อเป็นกุศลสว่างไสว ทั้งโลกก็เหมือนอบอุ่นปลอดภัย และตนเองดูสูงส่ง มีสง่าราศีมากขึ้นทุกที

ด้วยความเชื่อมั่นในบุญญาธิการของตน นางปักใจทีเดียวว่าตายไปจะต้องเกิดในที่สูง และความสูงส่งนั้นจะคงอยู่เรื่อยๆไม่สิ้นสุด ซึ่งหลังจากตายเพราะกายแตก นางก็ได้ไปเสวยสุขบนสรวงสวรรค์ตามที่เชื่อจริงๆ เนื่องจากชาตินั้นไม่ได้ก่อกรรมอันเป็นเหตุขัดขวางทางขึ้นสูงเอาไว้

หมดบุญบนสวรรค์ นางกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติถัดมา ความติดใจในจริตของหญิงส่งให้ได้ครองอัตภาพหญิงอีก บุญเก่าคือทานที่ทำด้วยความเลื่อมใสกับศีลที่รักษาไว้ดี ตกแต่งให้นางเป็นหญิงรูปงามหมดจด บุญเก่าคือการถ่ายทอดธรรมะให้ญาติฟังด้วยความปรารถนาดีบริสุทธิ์ใจตกแต่งให้นางฉลาดจัด และบุญเก่าคือความอ่อนน้อมต่ออริยเจ้านำนางไปสู่ตระกูลใหญ่ระดับราชนิกูล พูดง่ายๆว่าบุญเก่าส่งให้นางกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่มีความเพียบพร้อมยิ่ง เลอเลิศยิ่ง ไปที่ไหนไม่ต้องเป็นรองใครเลย

แต่ด้วยเพราะไม่อาจจำบุญเก่าได้ และชาติใหม่หาบุคคลอันเป็นที่ตั้งของความนอบน้อมไม่เจอ นางจึงเย่อหยิ่งถือตัว และเอาแต่ใจ ถ้าโมโหก็อาละวาดกราดเกรี้ยว โดยเฉพาะกับผู้น้อยที่อยู่ในฐานะต่ำกว่าตน ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น ก็ยิ่งไร้เหตุผล เอาแต่ใจ และปากร้าย ด่าทอไม่เลือกจนสุดที่ใครจะห้ามปราม เข้าสูตรดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายเหลือแสน

เมื่อถึงอายุขัยแห่งความเป็นมนุษย์ บาปทางปากส่งให้ไปเกิดในชาติพันธุ์ของสุนัขมีเสียงเห่าเป็นเครื่องสะท้อนอาการที่จิตติดยึดคำด่าทอหยาบคาย แต่บุญเก่าซึ่งมีหน้าที่ตกแต่งให้สูงส่งและสะสวยยังไม่หมด จึงไปเกิดเป็นสุนัขน่ารัก และสุนัขน่ารักที่ฉลาดเหมาะกับความเป็นนาง ก็คือพันธุ์ที่โลกปัจจุบันเรียกกันว่า ‘พุดเดิ้ล’

นางในอัตภาพสุนัขยังคงความรู้สึกเดิมๆ เพราะอัตภาพที่ได้มายังดูสูงส่ง แม้จะเป็นความสูงส่งในอบายภูมิ ประกอบกับที่นางมีเจ้าของเป็นคนร่ำรวย ประคบประหงมอย่างดีและเล่นกับนางอย่างเพื่อน (เพราะเคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาจริงๆในอดีตชาติ) จึงหล่อเลี้ยงความเย่อหยิ่ง ดื้อรั้นเอาแต่ใจไว้ไม่หายไปไหน ยิ่งนายตามใจก็ยิ่งเหลิง ซึ่งก็ทำความแปลกใจให้แก่เจ้านายของนางบ้าง เพราะนิสัยค่อนข้างผิดแผกแตกต่างจากพันธุ์พุดเดิ้ลด้วยกัน (โดยทั่วไปนิสัยเย่อหยิ่งถือดีจะเป็นพวกพันธุ์เทอเรียเสียมากกว่า)

เมื่อได้อัตภาพที่ผูกความเย่อหยิ่งและความเอาแต่ใจไว้ ภพหรือภาวะแห่งความเป็นสุนัขก็ไม่ขาดหาย เมื่อตายไปก็เข้าท้องสุนัขอีก และบาปแห่งการถือดีเอาแต่ใจเริ่มให้ผลเบียดบังบุญเก่า ต้องไปอยู่กับนายที่ไม่เอาใจ ไม่ประคบประหงม กับทั้งชอบดุและตีเมื่อทำผิดเล็กๆน้อยๆ ทำให้นางจ๋อยไป เพราะไม่รู้ว่าจะอวดกำแหงกับใครภายใต้กรอบจำกัดของอัตภาพสุนัขแสนสวย นี่ก็เป็นเยี่ยงอย่างให้เห็นว่าติดนิสัยไม่ดีเพียงอย่างเดียว ก็อาจโดนนิสัยนั้นฉุดลากลงต่ำไปเรื่อยๆเหมือนลงที่ลาดได้ จากต่ำอยู่แล้วก็ยิ่งต่ำลงไปมากกว่าเดิมอีก

โดยมากพวกมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่นั้น ต้องจ๋อยถึงจะดี เช่นในนิทานเรื่องนี้ ความจ๋อยของนางสุนัขได้ขุดเอาความรู้สึกดีๆกลับมาใหม่ เมื่อจิตหลุดจากพันธะคือความปากร้ายเห่าส่งเดชและความเอาแต่ใจตัวอย่างร้ายกาจ ความรู้สึกดีๆที่เป็นบุญก็กลับมา ความสว่างของบุญเก่าก็ได้ช่อง หลังตายจากชาตินั้นก็มีโอกาสเกิดในที่สูงระดับมนุษย์อีก บุญเก่าของนางคอยจ้องจะอุปถัมภ์อยู่แล้ว ขอเพียงไม่มีนิสัยเสียๆมาขวางเท่านั้น

ด้วยความเสงี่ยมหงิมที่ติดตัวมา พอได้เป็นมนุษย์ก็ทำให้กลายเป็นสาวแสนดีได้ใหม่ กับทั้งนิสัยเก่าที่เคยทำบุญกับนักบวชผู้น่าเลื่อมใส ก็กลายเป็นชนวนให้ขวนขวายทำบุญเช่นนั้นอีก และเป็นเหตุให้ได้เสวยสวรรค์อีก วนเวียนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ระดับราชนิกูลอีก

ภาพคร่าวๆของนางแสดงให้เห็นวงเวียนวัฏฏะ ขึ้นสูงแล้วมีเงื่อนไขดึงให้ลงต่ำ ลงต่ำแล้วมีเงื่อนไขฉุดให้ขึ้นสูง ขอเพียงรู้แจ้ง มองย้อนกลับไปว่าเหตุการณ์หรือสถานการณ์ร้ายหนึ่งๆเกิดขึ้นจากกรรมแต่หนหลังท่าไหน เราจะไม่เสียเวลาร้องไห้คร่ำครวญให้กับเรื่องร้ายนั้นๆ หรือถึงแม้กลั้นน้ำตาและอาการสะอึกสะอื้นไม่ได้ เราก็จะไม่นึกเสียใจน้อยใจ หรือกระทั่งปล่อยใจให้หดหู่อยู่กับจังหวะไม่ดีของชีวิตกันเลย แต่จะเร่งเพียรทำดีเพื่อให้พ้นอบาย และสุดท้ายเพียรเพื่อพบทางออกจากความไม่แน่นอนของสังสารวัฏอันจัดเป็นวงจรอุบาทว์นี้เสีย

เราจะใส่ใจกับคำคมน้อยลง หันมาประทับใจกับคำจริงมากขึ้น เช่น

สิ่งมีชีวิตไหลลงต่ำง่าย เราจึงเห็นสัตว์เดรัจฉานมากมายเกินมนุษย์หลายล้านเท่า

หรือ...

ถ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ ความดีอย่างเดียวไม่ได้เป็นประกันความปลอดภัยเพียงพอ ความเห็นโทษในการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กับความเข้าใจในเส้นทางเพื่อการหลุดพ้นอย่างถูกต้องต่างหาก คือใบรับประกันอันจริงแท้

ที่มา เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๕ บทส่งท้าย ระหว่างคำคมกับคำจริง
โดย ดังตฤณ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น