วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าเป็นชู้แล้ว ผิดประเวณีแล้ว? (ดังตฤณ)

ถาม – จะเอาเกณฑ์อะไรไปตัดสินชัดๆครับว่าเป็นชู้แล้ว ผิดประเวณีแล้ว?

จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๒
 
ดังตฤณ:
ต้องดูกฎแห่งกรรมซึ่งไม่มีใครเป็นผู้ตราไว้ แต่เป็นธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่ชั่วกาลนาน โดยมีผู้รู้แจ้งเห็นจริงคือพระพุทธเจ้าเป็นผู้เปิดเผยว่า กาเมสุมิจฉาจารหรือการประพฤติผิดในกามนั้น หมายถึงการมี ‘เพศสัมพันธ์’ กับหญิงที่มารดาบิดารักษา หญิงที่พี่ชายพี่สาวรักษา หญิงที่ญาติรักษา หญิงที่ยังมีสามีครอบครอง หญิงที่ถูกซื้อตัวไว้ และหญิงที่ถูกจองตัวไว้แล้วด้วยเครื่องหมั้นหมายเช่นแก้วแหวนหรือแม้ด้วยพวงมาลัยตามประเพณีท้องถิ่น

พูดง่ายๆแบบรวบรัดคือถ้าชายใดไปมีเซ็กซ์กับหญิงที่มีผู้ส่งเสียดูแลอยู่ หรือหญิงที่ใช้ร่างเป็นหลักทรัพย์ หรือแม้หญิงที่มีเครื่องหมั้นหมาย ก็เป็นอันว่าผิดบาปเต็มประตู และหญิงที่ให้ความร่วมมือทั้งรู้ว่าตนมีเจ้าของ ก็ย่อมไม่พ้นผิดไปด้วยเช่นกัน

เจ้าของเก่า คือผู้ให้กำเนิด ผู้ปกครอง หรือผู้ส่งเสียเลี้ยงดูเช่นญาติพี่น้อง ถ้าหากยกให้กับใครแม้ด้วยวาจาแล้ว ก็ถือว่าสิทธิ์เปลี่ยนมือทันที อันนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ โดยเฉพาะในยุคที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพกัน วิบากกรรมทำให้มนุษย์ไม่มีอิสระ ไม่มีความเป็นไทแก่ตัวเองตั้งแต่แรกเกิดหรอกครับ

สำหรับเรื่องของการหมั้นหมายนี้น่าพูดถึงเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้เข้าใจภาพรวมได้กระจ่างขึ้น การหมั้นหมายคือการจองตัว หรือการประกาศความเป็นเจ้าของ เพียงด้วยการใช้วัตถุเป็นเครื่องหมายจับจอง อย่างเช่นพวงมาลัยตามประเพณีท้องถิ่นนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องทำกันเล่นๆหลอกตาคนอื่นเท่านั้นนะครับ ในทางธรรมชาติของกฎแห่งกรรมถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มี ‘บ่วงแห่งความเป็นเจ้าของ’ คล้องทั้งกายทั้งใจไว้แล้ว ถ้าให้ผู้มีตาทิพย์มองจะเห็นชัดว่าไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว ถ้าไปยุ่งด้วยก็ได้ชื่อว่าก่อกรรมอันจะเป็นโทษเป็นภัยในภายหลังแล้ว

ผู้หญิงที่เป็นไทจริงๆ ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ จะต้องทำมาหาเลี้ยงตัวเอง หรือตัดสินใจออกมาจากการปกครองเลี้ยงดูของใครๆแล้ว มีความเป็นอยู่ปรากฏชัดว่าไม่พึ่งพาใครแล้ว

ที่ยุคเราเกิดความคลุมเครือเกี่ยวกับความถูกผิดทางกามกันมาก ก็เพราะดูเหมือนเต็มไปด้วยผู้หญิงที่เป็นไทแก่ตนเอง มีสิทธิ์เสรีที่จะตัดสินใจอะไรๆด้วยตนเอง แล้วผู้คนก็เริ่มชาชินกับการมีเซ็กซ์ตามอำเภอใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีเครื่องหมายประกาศความเป็นเจ้าของกัน คิดเพียงว่าแต่งวันไหนค่อยหมั้นกันเช้าวันนั้น หลายคู่คบหากันโดยไม่ตกลงให้ชัดเจนว่าจะเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ ประกาศบอกใครๆแบบแทงกั๊กว่าเป็นแค่เพื่อนบ้าง หรืออยู่ในระหว่างดูใจบ้าง โดยมีวงเล็บว่าระหว่างดูใจก็ขอดูกายให้ละเอียดก่อน

อีกประการหนึ่ง โดยธรรมชาตินั้นนารีมีรูปเป็นทรัพย์ จึงใช้ร่างกายแทนหลักทรัพย์ได้ แม้เป็นไทแก่ตัว แต่หาก ‘ขาย’ ให้กับใครก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของคนนั้น เช่นตกปากรับคำว่าเมื่อรับเงินจำนวนหนึ่งแล้ว จะอยู่กับผู้ซื้อเป็นเวลานานเพียงใด ตราบใดไม่พ้นระยะเวลาหรือเงื่อนไขที่ตกลงกัน ตราบนั้นก็ถือว่าเป็นสมบัติต้องห้าม ข้อนี้จะทำให้เห็นชัดว่าผิดหรือไม่ผิดนี่ขึ้นอยู่กับใครมีสิทธิ์ในหญิงคนนั้น แม้ด้วยการตกลงทำสัญญาแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน

ถ้าเข้าใจตรงนี้ดีๆก็จะตอบข้อสงสัยได้อีกมาก เช่นคิดว่าถ้าหย่ากันโดยพฤตินัยแล้ว คือไม่ได้หลับนอนกันแล้ว รอแต่ใบหย่าตามนิตินัยอยู่ ถือว่าเป็นไทหรือไม่ ต้องตอบว่ายังนะครับ ใจเป็นไทแล้ว แต่กายยังไม่ได้เป็น เพราะข้อตกลงตามสัญญาแรกคือจะผูกมัดจองตัวกันด้วยการจดทะเบียน ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอมสละ ว่ากันโดยกฎแห่งกรรมเขายังมีสิทธิ์อยู่ เว้นแต่จะใช้ข้อกฎหมายมาถอนความเป็นเจ้าของนั้นได้ เช่นฟ้องหย่าด้วยเหตุที่อีกฝ่ายมีความผิด ไม่รับผิดชอบ หรือถือใบทะเบียนไว้ด้วยเจตนาฉ้อฉล เรียกว่าผูกกรรมกันด้วยกฎหมาย ก็ต้องถอนกรรมกันด้วยกฎหมายเสียให้ถูกฝาถูกตัวก่อน มิฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นที่ครหาของชาวโลกได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น