วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

นั่งสมาธิดูลมหายใจ แต่กลายเป็นบังคับจนอึดอัด


ถาม : ทำอย่างไรจึงจะดูลมหายใจได้โดยที่ไม่ต้องไปบังคับลมหายใจครับ? เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นั่งสมาธิจนรู้สึกอึดอึด ต้องเปลี่ยนไปดูความรู้สึกที่กายแทน

รับฟังทางยูทูบ https://youtu.be/_7kQpUvkHf8

ดังตฤณ :
ลมหายใจเนี่ยนะ ถ้าเราบอกตัวเองง่ายๆเลยว่า ตอนที่ไม่ได้ตั้งใจดู ตอนที่ไม่ได้อยากจะเห็นให้มันเกิดอะไรขึ้นมานะ ไม่ได้คิดจะให้มันเป็นสมาธิ ไม่ได้คิดจะดับความฟุ้งซ่าน ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเอ่อ...ฉันจะทำสมาธิ ฉันจะทำวิปัสสนาอะไรต่างๆ ลมหายใจที่เกิดขึ้นตามปกติก็ไม่ได้รบกวนให้เราเกิดความรู้สึกอึดอัดอะไร แต่เมื่อไหร่ที่เราตั้งใจว่าฉันจะทำสมาธิ ฉันจะดูลมหายใจ ฉันจะใช้ลมหายใจปราบความฟุ้งซ่านขึ้นมา มันเกิดความอึดอัด นี่แสดงว่าตัวลมหายใจเนี่ย ไม่ได้สร้างความอึดอัดนะ แต่ตัวความตั้งใจที่จะทำสมาธิต่างหากที่มันเป็นตัวก่อเรื่อง เป็นตัวก่อเหตุขึ้นมาว่า จะให้มันเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ตัวนี้ต่างหากที่ทำให้เกิดความทุกข์ เกิดความอึดอัด

พอเราทำความเข้าใจอย่างนี้ แล้วก็เล็งเห็นไว้อย่างนี้เนี่ย มันมีความหมายละ เราจะเริ่มสังเกตการตั้งใจทำสมาธิมากขึ้นว่า อาการของมันหน้าตาเป็นยังไง หน้าตาความตั้งใจให้เป็นสมาธินะ ประกอบด้วยความอยากได้สมาธิแค่ไหน แล้วความอยากนั้นมันผิดปกติไปจากใจที่หายใจอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งวันอย่างไร

คนเราเวลาหายใจโดยไม่อยากนะ มันจะหายใจแบบไม่รู้ตัว มันจะหายใจพอดีกับที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้
..แต่ไม่ได้บอกนะว่า ที่พอดีกับที่จะมีชีวิตเนี่ย มันดีพอแล้วหรือยัง แต่อย่างน้อยมันไม่อึดอัด ......นานๆทีถึงจะหายใจลึกๆ พอร่างกายมันขาดลมหายใจ มันรู้สึกว่ามีออกซิเจนไม่พอ มันก็จะพยายามลากลมหายใจลึกขึ้น แล้วก็ปล่อยทอดหุ่ยตามสบายต่อ ใจตระเวนไปโน่นไปนี่ แล้วก็ไม่ได้มากังวลว่าจะต้องมารู้ลม จะต้องมาปราบความฟุ้งซ่าน มันก็เลยไม่เป็นทุกข์ มันก็เลยไม่เกิดความอึดอัด เพราะทุกอย่างเป็นไปตามอัตโนมัติที่พอดีจะให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อได้ ไม่ใช่พอดีกับที่มันจะปราบความฟุ้งซ่าน หรือว่ากำจัดกิเลสส่วนเกินอะไรต่างๆที่เราคาดหวังขึ้นมา

เนี่ยพิจารณาแบบนี้นะ มันมีความสำคัญมากที่เราจะหายใจได้โดยไม่อึดอัด หายใจได้อย่างมีสติโดยไม่อึดอัด พอเห็นว่าตัวแปรที่ทำให้เกิดความอึดอัดจริงๆ อยู่ที่ใจที่ผิด ไม่ใช่การหายใจที่ผิด เราเริ่มต้นขึ้นมาเลย พอตั้งใจว่าจะเจริญสติเนี่ยนะ เราจะเห็นสิ่งแปลกปลอมขึ้นมาตัวนึง คือความอยากจะสงบ อยากจะหายฟุ้งซ่าน หรืออยากจะเป็นสมาธิ อาการที่ลมหายใจเข้ามาแบบผิดปกติ และอาการที่ลมหายใจออกไปอย่างผิดปกติ มันเริ่มต้นขึ้นมาตอนที่เราตั้งใจให้เกิดสมาธิ ตัวเนี้ยถ้าสังเกตเห็นตั้งแต่เริ่มต้น มันจะผิดแค่ช่วงเริ่ม แล้วไม่ผิดต่อ มันจะผิดแค่ครั้งเดียว แล้วครั้งต่อมามันจะเริ่มถูกต้อง

สิ่งที่เราเห็นคืออะไร? สิ่งที่เราเห็นคือความรู้สึกว่ามันมืด เพราะตอนที่อยาก ตอนที่มีความคาดหวังอย่างแรงว่าฉันจะเอาสมาธิให้ได้ มันมีอาการเร่ง มันมีแรงเร่ง มันมีแรงกดดันทางความรู้สึก นี้พอเราเห็นเนี่ยว่ามันมีแรงบีบคั้น มันมีแรงเร่งอยู่ มันมีความเกร็งเนื้อเกร็งตัวตามมาเป็นผล มันก็ได้เห็นตั้งแต่เริ่มแรกเลยที่ก้าวแรกเนี่ยว่าผิดแล้ว ผิดที่ความอยาก พอความอยากความคาดหวังที่รุนแรงเนี่ยมันถูกจับได้ไล่ทัน หายใจครั้งต่อไปความอยากมันจะลดระดับลงเอง โดยที่ไม่ต้องไปตั้งเสปกอ่ะว่า เอ๊ะ แล้วแค่ไหนมันถึงจะไม่อยาก เอ๊ะ แล้วแค่ไหนจิตมันถึงจะไม่มืด เอ๊ะ แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าเนี่ยตั้งใจไว้ถูก ตั้งใจไว้ชอบ

คือพอเราจับได้ไล่ทันถึงตัวความอยากอันเป็นกิเลส ความอยากนั้นมันจะลดระดับลงเองในการเห็นลมหายใจครั้งต่อไป มันจะรู้สึกว่า เออ ลมหายใจที่เข้ามาครั้งต่อไปจะยาวหรือจะสั้น..เราไม่สน มันจะทำให้สมาธิเกิดขึ้นหรือเปล่า..เราไม่แคร์ ความฟุ้งซ่านในหัวมันหายไปหรือยัง..เราก็ไม่ได้ไปใส่ใจ เราใส่ใจแค่ว่าเราสามารถที่จะรู้สึก อันนี้นะคีย์เวิร์ด

เราสามารถที่จะรู้สึกว่าลมหายใจมันกำลังผ่านเข้ามา ลมหายใจมันกำลังผ่านออกไป ตัวความรู้สึกที่มันเพียว ที่มันบริสุทธิ์ ที่มันไม่มีความอยากมาเกาะกุมจิตใจ ทำให้ใจมีความปลอดโปร่ง มีความสบาย มีความรู้สึกว่าเราไม่เกร็งเนื้อเกร็งตัว ถ้าเห็นตั้งแต่เริ่มแรกเลย มันจะมีก้าวที่สอง ก้าวที่สาม ในลำดับต่อมา คือไม่ใช่ว่าสบายอยู่ตลอดเวลานะ ก้าวที่สองก้าวที่สามต่อมา เราจะสังเกตได้อีกว่า ลมหายใจไหนมันประกอบอยู่ด้วยความอยาก อยากสงบ อยากเพ่งเล็ง หรือว่าลมหายใจใดมันมีความปลอดโปร่ง มันมีความสบายทางใจ มันมีความไม่เกร็งเนื้อเกร็งตัว มันมีความผ่อนคลาย เห็นเปรียบเทียบได้อย่างนั้นเรื่อยๆ มันจะกลายเป็นสมาธิที่เกิดจากการเห็นตามจริงขึ้นมาเองนะ

เห็นตามจริงว่าอะไร
? บางทีเนี่ยมันก็เกร็งเนื้อเกร็งตัว บางทีมันก็อยากมาก บางทีมันก็อยากน้อย บางทีไม่อยากเลย เห็นเฉยๆ เห็นแบบสบายๆ ราวกับไม่มีตัวตนผู้เห็นนะ ตัวความสบาย ตัวความผ่อนคลายแล้วรู้สึกอยู่เรื่อยๆว่าลมหายใจไม่เที่ยงแหละ ตัวนี้แหละที่ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่ามันไม่มีผู้ดู มันไม่มีผู้คาดหวัง มันไม่มีผู้ตั้งใจจะเอาอะไรอย่างหนึ่งให้ได้ มันมีแต่ผู้รู้ ผู้ดู ผู้สังเกตการณ์อยู่ว่า นี่ลมหายใจเข้าอยู่หรือว่าออกอยู่ แล้วที่มันออกที่มันเข้านะ มันสั้นหรือว่ามันยาว ถ้ามันยาวมันจะรู้สึกหายใจสุดปอด แล้วไม่มีผู้หายใจ หรือถ้ามันสั้นเรารู้สึกมันไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ มันมีความอึดอัด มันมีความรู้สึกไม่สบาย ความไม่สบายนั่นแหละ เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกว่าเราไม่สบาย เราฟุ้งซ่าน เราอึดอัดอยู่ เราเป็นทุกข์อยู่

พอเห็นแม้ ณ ขณะที่กำลังเป็นทุกข์ ที่กำลังอึดอัด มันก็เกิดความพอใจที่ได้เห็น ตัวความพอใจที่ได้เห็นเนี่ยสำคัญมากนะ คนเนี่ยถ้าฟุ้งซ่านแล้วเป็นทุกข์ มันเพราะว่าไม่พอใจที่ได้เห็นกลุ่มก้อนความฟุ้งซ่านเนี่ย มันยังแผ่ลามอยู่ราวกับเป็นมะเร็ง มันยังมีความมืด มันยังมีความอับทึบ มันยังไม่เป็นสมาธิ เนี่ยคนที่เกิดอาการเห็นว่าไม่เป็นสมาธิสักทีเนี่ย ส่วนใหญ่มันจะเดือดร้อน มันจะเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ความเดือนเนื้อร้อนใจนั่นแหละเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน

จำไว้ว่าถ้าจิตยังดิ้นรนอยู่กับความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายใน แม้แต่เพียงความรู้สึกว่าเครียดๆ หรือแม้แต่ความรู้สึกว่าฟุ้งๆนะ ตัวนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของความมีตัวตน แต่เมื่อไหร่มันมีความพอใจที่แม้กระทั่งว่าได้เห็นนะ ความรู้สึกทึบๆ ความรู้สึกแปรปรวน ว่าอย่างน้อยเราได้เห็นความทึบ ความมืด ความฟุ้งซ่าน กำลังแสดงความไม่เที่ยงอยู่เนี่ย ตัวที่มันพอใจเนี่ยนะมันจะค่อยๆคลี่คลาย มันจะค่อยๆผ่อนคลายลงสู่ความรู้สึกไม่มีตัวตนของผู้ดู มีแต่จิตผู้รู้ผู้เห็นว่า แม้ทุกข์ก็ไม่เที่ยง แม้สุขก็ไม่เที่ยงนะ

คีย์เวิร์ด คือ อย่าพยายามทำให้มันหายทุกข์ แต่ให้เห็นทุกข์มันกำลังแสดงความไม่เที่ยงนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น