ผู้ถาม : พึ่งมาครั้งแรกครับ ก็ได้ศึกษาแล้วก็ฟังซีดีสักพักหนึ่ง
ก็เหมือนเด็กพึ่งจะหัดคลานหรือว่าเด็กประถม อยากจะขอคำแนะนำมากกว่าครับ
รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/wSKXTeRT8iE
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ:
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ:
ระหว่างวันถ้ารู้ตัวว่า ยังปล่อยจิต ปล่อยใจ หลงๆไป
อะไรอย่างนี้นะ คือก็กลับมา
ค่อย ๆ สังเกต เออนี่ ตอนที่รู้สึกหลงๆหายๆไป
เพราะของเราเป็นคนชอบวาดวิมานในอากาศ คือบางทีไม่เกี่ยวกับโลกความเป็นจริงเลยนะ
คือวาดไปส่วนตัว โลกส่วนตัวมากเลยน่ะ
ก็ให้รู้ว่าเนี่ยในอาการแบบนั้นน่ะ กำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก
เพื่อที่จะแบ่ง แบ่งกลับมา
คือไม่ใช่แบ่งกลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่ามาอยู่กับลมหายใจ
แต่เหมือนกับให้มันมีอาการระลึกบ้างว่า ตอนที่กำลังวาดวิมานในอากาศอยู่เนี่ย อาการที่มันลอยๆหลงๆ
เนี่ยนะ มันหายใจเข้าหรือหายใจออก
มันจะรู้สึกมาครึ่งหนึ่ง แต่พอรู้สึกมาครึ่งๆ
หลายครั้งเข้า บ่อยครั้งเข้า มันจะเริ่มรู้สึกขึ้นมา
ว่าเออเนี่ย ไอ้สภาวะวาดวิมานในอากาศ
เป็นแค่ภาวะ เป็นแค่อารมณ์ทางใจอย่างหนึ่ง
เกิดขึ้นแป๊บหนึ่ง ในระลอกลมหายใจนี้
แล้วพอเรารู้สึกถึงลมหายใจสองครั้ง สามครั้งไป
อารมณ์แบบลอยๆ ตรงนั้นน่ะ มันจะค่อย ๆเหมือนกับฟีบตัวลงมาอยู่
คือสภาวะทางการรับรู้เนี่ย
มันจะเข้ามาอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น
คือไม่ใช่มาเพ่งกับลมหายใจแคบๆนะ แต่มารู้สึกถึงเนื้อถึงตัวคล้ายๆแบบนี้
แต่ลองดูนะ ด้วยความที่ว่า ฐานของใจเรามันเหมือนกับลอยๆมาจนเคยชินน่ะ
แม้กระทั่งตอนนี้ที่อยู่กับเนื้อกับตัว มันก็ครึ่งๆกลางๆ
มันเหมือนแบ่งออกไปสู่อาการลอย ๆ ครึ่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ได้คิดนะ
ไม่ได้คิดฟุ้งซ่านนะ แต่มันจะเหมือนพร้อมจะลอยเป็นลูกโป่งออกไป
ลูกโป่งที่มันบานออกไปน่ะ นึกออกไหม มันพร้อมที่จะลอยขึ้นไป ขึ้นฟ้า
เนี่ยเราก็รู้ว่าภาวะตอนนี้มันเป็นอย่างนี้
หน้าตามันเป็นอย่างนี้ รู้เนื้อรู้ตัว แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมจะลอย
เสร็จแล้วก็สังเกตไปเรื่อยๆ หายใจเข้า หายใจออกแต่ละครั้งเนี่ย อารมณ์มันไปประมาณไหนแล้ว
อารมณ์เบา มันเบาเป็นลูกโป่งอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือว่ามันเริ่มกลับมารู้สึกรู้สาเกี่ยวกับตัวตน
เกี่ยวกับเนื้อเกี่ยวกับตัว เกี่ยวกับลมหายใจนี้จริงจัง
ยิ่งมีความรู้สึกเกี่ยวกับเนื้อเกี่ยวกับตัวเนี่ยเข้มข้นมากขึ้นเท่าไร
อารมณ์ลอย ๆตรงนี้ มันจะยิ่งอ่อนกำลังลง
คือไปสังเกตอย่างนี้ แล้วมันต้องใช้เวลานาน
คืออย่าคาดหวังว่าเดี๋ยวมันจะได้ผล หรือมันจะทำให้เราเลิกฟุ้งซ่านอะไรอย่างนี้นะ
คืออย่าไปคาดหวังอะไรทั้งสิ้น แต่ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ในที่สุดแล้วมันจะกลายเป็นความเคยชินแบบใหม่
ทุกครั้งที่มันมีอาการวาดวิมานในอากาศ มันจะกลับมาที่ลมหายใจ
กลับมาอย่างสังเกตว่าลมหายใจนี้
จิตของเรามันโป่งๆพองๆบานๆนะ
แต่พอดูๆลมหายใจไปพักหนึ่ง แล้วสังเกตเปรียบเทียบ
มันยังบานเท่าเดิมอยู่ไหม หรือมันเริ่มเข้ามาอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น
เนี่ยมันจะเริ่มสนุก เหมือนเห็น แล้วจิตแบบนี้มันจะเห็นง่ายด้วยนะ
คล้ายๆ กับเราอยู่ในความฝันอีกแบบหนึ่ง ความฝันที่อยู่ในหุ่นกระบอก
เหมือนกับเห็นตัวเองเนี่ยเป็นแค่หุ่นที่ถูกชักใยด้วยอารมณ์ภายใน ที่มันไม่มีตัวตนอยู่จริง
เพราะว่าคนชอบฝันแบบลอยๆเนี่ย มันจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นจริงเป็นจังอยู่แล้ว ทีนี้พอกลับเข้ามาอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเนี่ย
มันจะรู้สึกเลย เหมือนกับร่างกายนี่มันก็แค่หุ่นถูกชักใย เคลื่อนไปเคลื่อนมา ลมหายใจเดี่ยวก็เข้าเดี๋ยวก็ออก
มันไม่เห็นจะมีอะไรที่บอกว่าเป็นตัวเป็นตนได้
แต่ดีแล้วไม่ต้องยื้อ อย่างนี้ คืออย่างนี้แหละ ดูไปอย่างนี้
คือมันจะเหมือนกับต้องออกอาการจงใจนิด ๆ ฝืนใจหน่อย ๆ อะไรอย่างนี้นะ
แต่ว่ามันจะประมาณนี้แหละ
คือรู้สึกเหมือนกับว่าพอจะดึงกลับมา ไอ้นี่ก็คอยฉุดขึ้นไป
พอไอ้นี่ฉุดขึ้นไป ตัวนี้ก็ดึงกลับลงมา คือไม่ใช่เราจะไปกระโดดไปกระโดดมาระหว่างสองอันนะ
แต่ต้องรู้ไปพร้อมกันเลย ว่านี่หายใจครั้งนี้ มันกำลังกระเจิดกระเจิงอยู่
ก็ยอมรับไป คือฟังมาทั้งหมดนี่ มันเข้าใจแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่ว่า
เอาให้ตรงภาวะของเราเองเท่านั้นนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น