ดังตฤณ : คำถามสำหรับคืนนี้คำถามแรก ก่อนอื่นใดเลยคือ
ช่วงล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณขึ้นต้นสมาธิมาด้วยอะไร
ส่วนใหญ่ ที่เห็นลมหายใจสว่างได้ ขึ้นต้นมา คุณสังเกตดูเถอะ
หลับตาจะมีความรู้สึกว่าว่าง ตรงหน้านี่ว่าง
และลมก็เหมือนกับพร้อม ที่จะไหลเข้าสู่ร่างกาย
ด้วยท่าทางด้วยอิริยาบถที่ มีความพรักพร้อมจะดึงลมเข้าแบบสบาย
ตรงนั้น จะเหมือนกับคุณมีความรู้ล่วงหน้าว่า ร่างกายจะเคลื่อนไหวอย่างไร
เพราะชินแล้ว ชำนาญแล้ว แล้วก็ลมหายใจนี่จะเกิดขึ้นอย่างไร
ก็เกิดขึ้นตามนั้นจริงๆ
คีย์คือจะมีอาการรับรู้อยู่ พร้อมจะรับรู้อยู่เกือบตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น พอหลับตาแล้วนึกถึงลมหายใจ ก็จะเข้าโหมดเดิม
คือเหมือนกับการเทรนสมองนี่ จะมีวิถีประสาท ที่ก่อตัวแข็งแรง
แล้วก็มีเส้นทาง พูดง่ายๆ ว่าที่จะเป็นออโต้ไพลอต ที่จะเข้าสู่ภาวะแบบที่คุ้นเคยแล้วก็ชำนาญแล้ว
ทีนี้ผมขอรบกวนให้ความร่วมมือนิดหนึ่ง ช่วยทำโพล
คำถามคือว่า ในช่วงล่าสุดที่ผ่านมาคุณขึ้นต้นสมาธิขึ้นมาอย่างไร
- เมื่อรู้ลม เกิดวิตักกะ และวิจาระ
ขึ้นมาทันที
- ต้องรู้ลมพักหนึ่ง วิตักกะ และวิจาระ จึงจะเกิดเต็ม
- ต้องรู้ลมอยู่นาน กว่าจะเกิดวิตักกะ
และวิจาระ นิดหน่อย
- เกิดวิตักกะ นิดหน่อย แต่ไม่เกิดวิจาระเลย
กลุ่มแรกคือเมื่อรู้ลม จะเกิดวิตักกะ และวิจาระ ขึ้นมาทันที
หมายความว่าจิต มีความพร้อมที่จะนึกถึงลมหายใจ แล้วก็รู้สึกถึงลมหายใจอย่างต่อเนื่อง
อย่างน้อยที่สุดระลอกหนึ่ง ไม่คลาดเคลื่อน ไม่วอกแวกไปไหนเลย ด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งสบายเนื้อสบายตัว
ไม่ใช่ว่าเกร็ง
ไม่ใช่ว่าพยายามเบ่งกำลังภายในที่จะรู้ลมนะ แต่รู้สึกขึ้นมาด้วยความเบา
ความสบาย เบาเนื้อเบาตัวแล้วก็เบาใจ
ตัวเลือกที่สองคือ ต้องรู้ลมสักพักหนึ่ง วิตักกะและวิจาระ
ถึงจะเกิดขึ้นเต็มที่
หมายความว่ามีความรู้สึกว่า ลมหายใจ เป็นเครื่องเหนี่ยวนำให้จิตเป็นสมาธิ
ต่อเมื่อใจนี่อยู่กับลมหายใจได้พักหนึ่ง
กลุ่มที่สาม คือต้องรู้ลมอยู่นาน กว่าจะเกิดวิตักกะและวิจาระ
นิดหน่อย
คือไม่เต็มที่ รู้สึกขึ้นมาบ้างว่า เหมือนกับมีแม่เหล็กดึงดูดให้จิตมารวมอยู่กับลมหายใจ
เหมือนกับลมหายใจเป็นแม่เหล็กนะ แต่ว่ากว่าจะถึงตอนนั้นนี่ต้องรวบรวมกำลังแม่เหล็กอยู่นาน
กว่าที่จะดึงดูดให้จิตมารวมตรงนั้นได้
กลุ่มที่สี่ เกิดวิตักกะนิดหน่อย แต่ไม่เกิดวิจาระเลย
พูดง่ายๆ ว่านึกถึงลมหายใจได้บ้าง แต่พอนึกแป๊บๆ
ก็เหมือนกับมีคลื่นรบกวน มีความฟุ้งซ่านมาทำให้ไขว้เขว แล้วก็มีความสนใจลมหายใจน้อยลงๆ
ดูจากผลโพล เห็นว่าหลายๆท่าน ไปทำกันจริงๆ แล้วก็ได้ผล
เกิดฉันทะ เกิดความติดใจมากขึ้นเรื่อยๆนะ แล้วก็สมาธินี่ จะพัฒนาไปเรื่อยๆ แน่ๆ ถ้าคุณทำทุกวัน
อธิบายเป็นสมองก็คือ สมอง จะถูกเทรนให้ล็อกอยู่กับสิ่งที่เคยชิน
คนยิ่งทำอะไรบ่อยขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งเก่งในสิ่งนั้นขึ้นเรื่อยๆ
ก็เพราะว่าสมองของเรานี่ถูกเทรนให้เข้าที่เข้าทาง
แล้วก็ อันนี้เป็นวิทยาศาสตร์นะ คือเขาพิสูจน์ออกมา
รู้ออกมาชัดๆ เลยมีวิถีประสาท หรือทางเดินประสาท ที่จะตอบสนอง หรือว่าจะมีการตั้งค่าทำงานเมื่อถูกกระตุ้น
หรือว่าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย มีตรงนี้อยู่จริงๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณตั้งใจทำอยู่ทุกวัน ก็ขอให้ทราบนะว่า
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นะครับว่า คุณจะก้าวหน้าขึ้นแน่ๆ
อย่างที่ผมเคยพูดบ่อยๆว่า ความต่อเนื่องคือความก้าวหน้า
นะครับ
พอทำโพล ด้วยกันแบบนี้ เวลาที่เรามาแชร์ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในช่วงล่าสุด ทิศทางทางใจของคุณ จะชัดเจนขึ้น ถึงแม้ว่าคุณจะตอบแบบตรงไปตรงมา ว่าคุณอยู่ในกลุ่มที่ยังเหมือนกับฟุ้งซ่าน
ยังทำไม่ค่อยได้
แต่สังเกตว่าใจของคุณ ที่ทำโพลร่วมกันกับเพื่อนๆ
กับกัลยาณมิตรนี่ จะทำให้ใจคุณจะมีเส้นทาง มีทิศทาง ไม่ออกนอกทางหรือว่าเป๋ได้ง่ายๆเหมือนกับทำอยู่คนเดียว
แล้วไม่รู้จะรายงานผลกับใคร หรือว่าไม่รู้จะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ไม่รู้ว่าทิศทางที่บอกว่าดีขึ้น
หน้าตาเป็นอย่างไร
แต่พอทำโพลด้วยกัน ก็เกิดผลร่วมกัน มีกลุ่มต่างๆ
ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะต้องเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยเห็นว่า มีคนทำได้
แล้วก็รู้สึกว่าที่ทำๆ กันนี่ ไม่ใช่ว่าใครเก่งใครไม่เก่ง
บางครั้งเป็นเพราะว่ามีเหตุมีปัจจัย ที่ทำให้เกิดผลหรือไม่เกิดผล ซึ่งผมก็พูดไปบ่อยไปหลายครั้ง
การที่คุณแชร์ผล ก็เป็นแค่การที่เราได้มาตั้งทิศทางร่วมกัน
ว่าจะไปให้ถึงไหนนะ
สิ่งที่เกิดขึ้น เวลาเราเอามาอธิบาย จะเห็นภาพ จะเห็นตัวเองอยู่
มีส่วนร่วมอยู่ในนั้น จะเห็นว่าตัวเองอยู่ตรงไหน
แล้วคืนนี้จะใช้ผลจากโพลนี่แหละ ในการไกด์ให้พวกคุณเอาสมาธิไปใช้แบบที่จะเป็นวิปัสสนาขึ้นมา
เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา หรือจะไกด์ว่าที่คุณทำสมาธิอยู่ จะปรับปรุงที่จุดเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไรให้มีชนวนสมาธิที่ดีขึ้น
__________________________
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ชนวนสมาธิ
ช่วง ทำโพลครั้งที่ 1
วันที่ 4 กันยายน 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=8wA3RISQ78I
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น