ดังตฤณ : จริงๆ แล้วถ้าจะเอาให้เป็นวิปัสสนาแบบเห็นถึงแก่น ไม่ใช่ว่าเราจะทำตามใจนึก ไปเรื่อยๆ แต่ควรจะให้ภาวะที่กำลังปรากฏแบบชัดๆ ขึ้นมาเอง ณ ขณะนั้นๆ ว่าไม่เที่ยง
อย่างคุณบอกว่าเป็นขันธ์ 5 คุณไม่ได้เล่าว่าเห็นอย่างไรนะ
แต่ถ้าหากว่า รู้สึกเข้ามาถึงความเป็น รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ หรือสัญญาขันธ์ อย่างใดอย่าง
หนึ่ง แนะนำว่าควรเห็นให้ชัดไปจนสุดทาง จนกว่าภาวะอื่นหรือขันธ์อื่นๆนี่ จะมาปรากฏแทนขึ้นมาเอง
ยกตัวอย่างเช่น พอคุณเกิดความรู้สึกเบา เกิดความรู้สึกว่า
เกิดความรู้สึกสบาย และมองว่านั่นคือสุขเวทนาชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าเห็นเวทนาขันธ์
พอเห็นว่าเวทนาขันธ์นั้นกำลังปรากฏอยู่ แล้วไม่รู้จะดูอะไร
ก็อย่าไปดูอย่างอื่น ดูเวทนาขันธ์นั่นแหละ ว่านี่เรียกว่าเวทนาขันธ์ แต่ไม่ต้องไปท่องเป็นคำๆ
บริกรรมนะ .. เวทนา เวทนา เวทนา
เอาเป็นว่าเรามีความเข้าใจ แปะป้ายมันไว้แล้วว่านี่เรียกว่าเวทนาขันธ์
พอเวทนาขันธ์เกิดขึ้นสุดทาง อาจจะสักชั่วโมงหนึ่งไม่เปลี่ยนไปเป็นอื่นเลย
เราก็รับรู้เวทนาขันธ์หนึ่งชั่วโมง เราเห็นด้วยสติแล้วว่า มันมีอายุยืนมาตั้งหนึ่งชั่วโมงขนาดนี้
โดยไม่เปลี่ยนไปเป็นอื่นเลย เห็นแต่เวทนาอย่างเดียว
หนึ่งชั่วโมงนั้นของเวทนาขันธ์
จะกลายเป็นอะไรได้บ้าง
เช่น เดี๋ยวตัวเวทนาหายไป ตัวความสุขแบบเดิมหายไป
กลายเป็นเวทนาแบบใหม่ เบากว่าเดิม สุขกว่าเดิมประณีตกว่าเดิม หรือไม่ก็ตกกลับมาหยาบๆ
มีความรู้สึกเหมือนระคาย ๆ
ที่เคยนึกว่าที่ระคายๆ ตรงนั้นนี่สบาย เรียกว่าเป็นความสบาย
พอเปรียบเทียบกันแล้วในสมาธิ นั่นกลายเป็นทุกข์ขึ้นมาอ่อนๆ
นี่เห็นโดยการเปรียบเทียบ
โดยที่เราไม่ต้องตั้งใจไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าจะเห็นอะไร
แต่มีความเข้าใจพื้นฐานว่านั่นเรียกว่าเวทนา นั่นเรียกว่าสัญญา นั่นเรียกว่าสังขาร
คือรู้ไว้ล่วงหน้าแค่นี้ แล้วเกิดอะไรขึ้นก็เข้าใจว่ากำลังเห็นอะไรอยู่
เห็นไปจนสุดทาง
หรือถ้าหากว่าทั้ง รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ปรากฏขึ้นพร้อมทีเดียว เหมือนกับกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง
นี้ก็เรียกว่าเห็น รูปขันธ์แล้วก็ วิญญาณขันธ์
แล้วก็เห็นการปรุงแต่งว่ามีความคิดนึกเกิดขึ้น นั้นก็เรียกว่าเป็น
สัญญาขันธ์และสังขารขันธ์ ปรากฏขึ้นซ้อนกันอยู่
หรือถ้ามีความนึกคิดอะไรเด่นขึ้นมา ณ ขณะนั้น เป็นเรื่องๆแวบขึ้นมาเหมือนพยับแดดชั่วขณะหนึ่ง
เราก็รู้ว่านั้นสัญญาขันธ์ปรากฏแล้วก็หายไป โดยไม่มีชื่อ ไม่มีแซ่ ไม่มีนามสกุล
ของใครอยู่ตรงนั้น
ตรงนี้พูดง่ายๆ อย่าไปตั้งโจทย์อย่างนี้ว่าจะให้ทำอย่างไรต่อ
แต่มีสติรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ อย่างนั้นต่างหากที่จะเป็นสติ แบบที่จะเดินวิปัสสนาได้จริงๆนะครับ
ตั้งโจทย์ให้ถูกนะ
__________________________
ผมถนัดเป็นนอนทำสมาธิ โดยประมาน ๕-๑๐ นาที
จิตก็รวมเป็นสมาธิ รู้สึกสว่างขึ้น ตัวเบา หลังจากที่เป็นสมาธิแล้วผมก็จะพิจารณา
ธาตุสี่ ขันธ์ ๕ ขั้นต่อไปจะทำอย่างไรครับ พิจารณาวนเรื่อยๆไป
หรือว่าทำอย่างไรต่อครับ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
ก้าวไกลไม่ลืมก้าวแรก
ช่วงถาม-ตอบ
วันที่ 29 สิงหาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=CAcQWjah1K4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น