ดังตฤณ : แนวทางที่จะบรรลุมรรคผล ที่เป็นมรรคจริงๆ นี่ก็คือการที่จิตไปถึงจุดที่ได้ข้อสรุปว่า ภาวะทั้งหลายไม่เที่ยง ภาวะทั้งหลายนี่ไม่ใช่ตัวตน ภาวะในภายในกาย ภายในใจที่เกิดขึ้นนี่
ทีนี้ ถ้าไม่กะเกณฑ์อะไรเลย ถ้าไม่ตั้งเข็มอะไรเลย
แล้วคุณจะสังเกตอะไร
พระพุทธเจ้าท่านก็ให้เข็มมานะ พระพุทธเจ้านะครับ
พระศาสดาของเราท่านตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง แล้วก็เป็นผู้ที่มีบุญสูงสุดในจักรวาลในอนันตจักรวาล
ไม่มีใครรู้ได้เท่า
ท่านตรัสไว้เป็นขั้นเป็นตอนว่า
ให้รู้ว่ากำลังหายใจเข้า หรือหายใจออก
ให้รู้ว่ากำลังหายใจเข้าด้วยปีติ หรือว่าหายใจเข้าด้วยความอึดอัด
การที่พระองค์ให้ดูตามจริง ว่ากำลังปรากฏอะไรอย่างไร
ในแต่ละลมหายใจ นี่คือทิศทาง
ทีนี้ อย่างเรามาสร้างวิตักกะ วิจาระ ด้วยการใช้มือไกด์นี่
ไม่ใช่ออกนอกทาง แต่เป็นการพยายามทำให้คนทั่วไป ที่สติไม่แข็งแรงพอจะสังเกตลมหายใจเข้าออก
และสิ่งที่มากับลมหายใจเข้าออก ได้มีไกด์เป็นตัวเป็นตนจับต้องได้ ติดตามได้ง่ายนะ
ส่วนภาวะจะเกิดอะไรแบบไหนนี่ ผมไม่เคยให้กะเกณฑ์นะ
คือขึ้นมานี่ต้องฝึกให้เกิดวิตักกะ วิจาระ ปีติและสุข ถ้าไม่เกิดสมาธิ มาไม่ได้นะ ตั้งอยู่ไม่ได้
คือเป็นส่วนของการฝึกสมถะ
แต่พอได้สมถะเข้มแข็งแล้ว จิตมีกำลังมีแรงมากแล้ว
อย่างนั้นค่อยขยับขึ้นไปวิปัสสนา อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอานาปานสติสูตรนะ
ส่วนของสมถะท่านบอกไว้ว่า ตอนที่จิตสงบ ละทุกข์และโทมนัสในโลกเสียได้
อภิชฌา คือเพ่งเล็ง อยากได้โน่นอยากได้นี่
โทมนัส คือความเศร้าโศกเสียใจ
ถ้าหากว่าระงับอภิชฌา และโทมนัสได้ ก็คือสมถะ จิตสงบมีความนิ่งมีความตื่นมีความรู้
เอาความนิ่งความตื่นความรู้นั้นแหละ มารู้สภาพความไม่เที่ยง
พิจารณาเห็นว่าอะไรๆ ที่เกิดขึ้นภายในภาวะทางกายทางใจนี้
ล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง
นี่เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่ขึ้นต้นมาเห็นความไม่เที่ยงของภาวะอะไรที่ปรากฏอยากจะปรากฏอะไรก็ให้ปรากฏ
แล้วนึกว่านั่นเป็นทางมรรค ทางผล นั่นไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นะ
__________________________
ที่บอกว่าการทำงานของจิต ถ้าเราบอกเขาก่อนว่าให้คอยสังเกตอะไร
หรือการเตรียมใจเอาไว้ก่อน ถือเป็นการชี้นำไหมครับ
อย่างนี้ถือว่าขัดกับแนวทางมรรคไหมครับ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
ก้าวไกลไม่ลืมก้าวแรก
ช่วงถาม-ตอบ
วันที่ 29 สิงหาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=691M1JntAwY&t=1s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น