ดังตฤณ : นี่ก็ต้องระบุด้วยนะครับว่า
ได้อะไรที่ว่ายาก ถ้าหากว่าเป็นเรื่องแบบโลกๆ ถ้าจะพูดในแง่ของกรรมและวิบาก
คนที่ได้อะไรมายาก ส่วนใหญ่ 99.99% เคยไปขวางทางคนอื่นเขาไว้
เคยไปขัดลาภ เคยไปขัดโอกาส เคยไปขัดเส้นทางเจริญของผู้อื่นไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่เขาจะได้บุญ ได้กุศล
คุณเคยเห็นมั้ย ประเภทชอบล้อเลียนคนจะไปวัด หรือว่าคนจะไปทำบุญ หรือว่ากำลังคิดดี อุตส่าห์มาชวน ... เธอไปกันมั้ย ฉันอยากทำ ... คนถูกชวนก็หมั่นไส้ ... โอ้โห จะไปเป็นคนดีแล้วเหรอ จะพาไปสวรรค์ใช่มั้ย จะไปนิพพานใช่มั้ย จะทิ้งฉันไว้ในนรกแล้วใช่มั้ย ... พูดจาเหน็บแนมกระทบกระเทียบ หรือไม่ก็กระทั่งกลั่นแกล้ง เอากระเป๋าไปซ่อนให้เขาออกจากบ้านช้า ไปไม่ทันรถอะไรแบบนี้
คุณเคยเห็นมั้ย ประเภทชอบล้อเลียนคนจะไปวัด หรือว่าคนจะไปทำบุญ หรือว่ากำลังคิดดี อุตส่าห์มาชวน ... เธอไปกันมั้ย ฉันอยากทำ ... คนถูกชวนก็หมั่นไส้ ... โอ้โห จะไปเป็นคนดีแล้วเหรอ จะพาไปสวรรค์ใช่มั้ย จะไปนิพพานใช่มั้ย จะทิ้งฉันไว้ในนรกแล้วใช่มั้ย ... พูดจาเหน็บแนมกระทบกระเทียบ หรือไม่ก็กระทั่งกลั่นแกล้ง เอากระเป๋าไปซ่อนให้เขาออกจากบ้านช้า ไปไม่ทันรถอะไรแบบนี้
ประเภทที่ไปเตะถ่วงหรือว่าไปขัดลาภในทางกุศล
ลาภในทางบุญของคนอื่นเขา ผล (คือ) ยิ่งเราไปขัดลาภในแบบที่เขาจะได้บุญยิ่งใหญ่ไพศาล
บุญตรงนั้น ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่แล้วเราไปขัด เวลาที่กรรมเผล็ดผล เวลาที่บาปเผล็ดผล
จะทำให้เราเกิดในชะตาแบบหนึ่ง เกิดในฤกษ์เกิดแบบหนึ่งที่ได้อะไรมายากเย็นแสนเข็ญ
กว่าจะได้นี่ โอ้โห แทบรากเลือด แทบจะกระอักเลือด หรือไม่ก็ต้องรอ บางทีรอจนแก่กว่าจะได้สิ่งที่คิด
ที่ฝัน จนเลิกฝันไปแล้วถึงได้มา ตอนได้มาก็หมดอยากแล้วอะไรแบบนั้น ประเภทนี้
มักจะมาจากผลของกรรมที่เคยไปขัดลาภคนอื่นไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลาภในทางที่เป็นบุญ
ทางกุศล
ฉะนั้น จริงๆแล้วนอกจากเราจะรู้
ก็สมควรที่จะจับเป็นจุดอย่างหนึ่งด้วย คือ เป็นข้อควรระวังด้วยกับคนในครอบครัว
ประเภทที่ว่าเราไปอยู่ในบ้านของคนขี้แกล้ง ประเภทที่เห็นเราสวดมนต์
เห็นเรานั่งสมาธิแล้วล้อเลียน หรือว่ามาแกล้งทำเสียง รบกวนสมาธิ หรือว่าบอกว่า
ไม่ต้องไปนิพพาน เดี๋ยวไปนรกด้วยกันอะไรแบบนี้ ถ้าเจอคนประเภทนี้ก็เมตตาเขานิดหนึ่ง
อย่าให้เขาได้ทำกรรมสำเร็จนะ แอบได้ก็แอบซะ ถือว่ากำลังมีกรรมอยู่ว่าจะต้องมาอยู่กับคนขี้แกล้ง
ก็อย่าส่งเสริม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางคนกับพ่อแม่นี่เป็นทุกข์เหลือเกิน
เรานี่ชอบธรรมะ ทำไมต้องมาเกิดกับพ่อแม่ที่เกลียดธรรมะ เกลียดพระ
ชอบพูดจาบั่นทอนกำลังใจ ไม่ให้เราได้ทำบุญทำกุศล อย่าให้พวกท่านทำกรรมสำเร็จ
คือหลบๆ ซ่อนๆ หรือหลีกเลี่ยงไม่ไปพูดถึง
ถ้าจะมีอุบายวิธีใดที่จะชักจูงหรือว่าเปลี่ยนใจ จากมิจฉาทิฏฐิ เป็น สัมมาทิฏฐิได้ ก็ใช้วิธีอ้อมๆ อย่าใช้วิธีชักชวนตรงๆ ประเภทว่า พ่อแม่ปฏิเสธแล้วๆ เล่าๆ หรือ ด่าซ้ำด่าซากว่า ไปทำบุญ เอาเงินไปให้พระทำไม พระไม่มีแล้ว อะไรต่างๆ อย่าไปชวนซ้ำ อย่าไปใช้วิธีทื่อๆ ทำไมล่ะ ไปเถอะ ได้บุญ อย่างนี้เท่ากับโปรยยาพิษให้พวกท่าน ไปทำให้ท่านเกิดอาการของขึ้น เกิดโทสะ แล้วก็ทำซ้ำๆ ขัดลาภไม่ให้เราได้บุญได้กุศล พยายามหน่วงเหนี่ยว พยายามกีดกันไม่ให้เราเข้าหาธรรมะ
ถ้าจะมีอุบายวิธีใดที่จะชักจูงหรือว่าเปลี่ยนใจ จากมิจฉาทิฏฐิ เป็น สัมมาทิฏฐิได้ ก็ใช้วิธีอ้อมๆ อย่าใช้วิธีชักชวนตรงๆ ประเภทว่า พ่อแม่ปฏิเสธแล้วๆ เล่าๆ หรือ ด่าซ้ำด่าซากว่า ไปทำบุญ เอาเงินไปให้พระทำไม พระไม่มีแล้ว อะไรต่างๆ อย่าไปชวนซ้ำ อย่าไปใช้วิธีทื่อๆ ทำไมล่ะ ไปเถอะ ได้บุญ อย่างนี้เท่ากับโปรยยาพิษให้พวกท่าน ไปทำให้ท่านเกิดอาการของขึ้น เกิดโทสะ แล้วก็ทำซ้ำๆ ขัดลาภไม่ให้เราได้บุญได้กุศล พยายามหน่วงเหนี่ยว พยายามกีดกันไม่ให้เราเข้าหาธรรมะ
ใช้วิธีอ้อมๆ อย่างอื่น เย็นให้เป็นก่อน
แล้วเอาความเย็นนั้น มาพูดเรื่องเย็นๆ กับท่าน เห็นท่านอารมณ์ดีๆ
เห็นท่านอารมณ์เย็นๆ ค่อยๆ เลียบเคียงว่า ตรงนี้ได้มาจากการมีสติ พิจารณาอย่างนี้ๆ
แล้วได้ผล ไม่เป็นทุกข์นะ เห็นมั้ย เอาหลักฐานแห่งความเย็นไปให้พวกท่านได้ยลนะครับ
จนกระทั่งพวกท่านเกิดความเห็นดีเห็นงามตาม แล้วก็อยากมาเอง อย่างนี้ถึงเวลาจะชักชวนจะไม่ยาก
แต่ถ้าเรายังร้อนอยู่ บอกไปทำบุญกันเถอะ ท่านถามคำเดียว
ทำบุญแล้วได้อะไร ได้อาการกระโตกกระตาก ยังร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ
หน้าตาบูดเบี้ยวอยู่อย่างนี้เหรอ มันชวนไม่ขึ้นหรอกนะ มีแต่จะฉุดกันลง
เลยพูดไปถึงประเด็นนี้ด้วยเพราะว่าเป็นปัญหาของหลายๆ
คนเหมือนกัน บอกว่าชวนที่บ้านมาทางธรรมะด้วยกันไม่ได้ ทีนี้ถามว่า
ธรรมะมาแล้วได้อะไร ต้องทำให้เห็นก่อนนะ ต้องทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีแรงบันดาลใจก่อน!
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน เอาอะไรวัดว่าเจริญสติเป็น
18 สิงหาคม 2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น