วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2562

ชอบดื่มเหล้าแต่นานๆ ที มีผลกับการปฏิบัติเพียงใด?


ถาม : ยังชอบดื่มเหล้าอยู่ครับ นานๆดื่มที แต่ไม่เมามาย จะส่งผลกับการปฏิบัติมากน้อยเพียงใด?

ดังตฤณ : เวลามีคำถามทำนองนี้ ผมชอบตอบนะ สำหรับคนที่เจริญสติ อยากจะทราบว่าผิดศีลไป ด่างพร้อยไปบ้างนี่ หนักหนาสาหัสขนาดขวางทางนิพพานเลยหรือเปล่า ผมให้จุดสังเกตง่ายๆ แต่เรื่องนี้คุณต้องทำได้พอสมควรนะ

อย่างสวดมนต์ อย่างน้อยคุณต้องสวดแบบมีความสุขเป็น  สวดแบบไม่หวังอะไร ไม่อยากขอพร สวดแบบอยากจะถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชาอย่างเดียว สวดไปอยากให้พระพุทธรูปมีความสุข อยากสรรเสริญท่านอย่างเดียว จนกระทั่ง การสวดของคุณทำให้รู้สึกจิตมีความสุขแผ่ออกไป มีความขาวรอบ มีความรู้สึกเป็นสมาธิจากการสวดมนต์ได้ จิตเป็นมหากุศลจากการสวดมนต์ได้

ถ้าคุณมีจิตแบบนี้เป็นตัวตั้ง คุณเอามาวัดเลย ถ้ากินเหล้า อย่างของคุณบอกว่านานๆ ที นานทีของคุณไม่รู้ว่า นานกี่ชั่วโมง หรือว่านานกี่วันกี่สัปดาห์ คุณบอกว่านานๆ ทีเฉยๆ

นานๆ ทีของคุณ กลับมาสวดมนต์แล้วรู้สึกว่าจิตมันสว่าง กว้าง จิตมีความศักดิ์สิทธิ์จากการรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาหรือเปล่า ได้เท่าเดิมไหม หรือว่าด้อยไปกว่าเดิมแค่ไหน ถ้าทำไม่ได้เลย จิตใจมืดดำ อันนี้แสดงว่าการกินเหล้าแบบของคุณหนักเกินไป แต่ถ้าหากว่าการกินเหล้าของคุณยังไม่ได้รบกวนสติ และสมาธิ คุณมาจบมือพนม แล้วสวด อิติปิโส ภควา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ ... จิตมีความสว่างขึ้นมา ค่อยๆ สว่างขึ้นมา ตอนแรกอาจไม่เท่าเดิม แต่ค่อยๆ สว่างขึ้นมาเรื่อยๆ รอบสอง รอบสาม รอบสี่ สว่างขึ้นมาจนเต็มเท่าเดิมได้ แสดงว่าการกินเหล้าของคุณที่บอกว่า นานๆ ที มันไม่ขวางทางการเจริญสติ การเจริญสมาธิ

ถ้าคุณยังสามารถที่จะกลับมาพิจารณา นี่หายใจเข้า หายใจออก จนกระทั่งจิตเป็นสมาธิ รู้สึกว่ามีแต่ลมเข้ามีแต่ลมออก แสดงความไม่เที่ยงอยู่ แสดงว่าการกินเหล้าของคุณไม่ขวางทางเจริญสติ

ส่วนจะขวางทางเข้าถึงพระนิพพานหรือเปล่า บรรลุธรรมหรือเปล่า อันนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง ขึ้นอยู่กับพละกำลังทางธรรม ของคุณ อย่างในสมัยพุทธกาล มีคนที่เป็นเศรษฐี เป็นเพลย์บอย (playboy) แต่ว่าชอบธรรมะ กลิ่นเหล้ายังคาปากอยู่เลย แต่ตอนนั้นขาดใจตาย พระพุทธเจ้ารับรองว่า นั่นเป็นโสดา (โสดาบัน) คือไปได้โสดาก่อนตาย เพราะพระโสดาบัน นี่ไม่ดื่มเหล้าแล้วนะ แต่คือชอบธรรมะมาตลอดชีวิต ชอบเรื่องการเจริญสติ ชอบทำบุญกับพระอรหันต์ ทำบุญกับพระพุทธเจ้า แต่อดเหล้าไม่ได้ ก็กินเหล้าไปด้วย แล้วก็เจริญในธรรมไปด้วย แต่ระหว่างที่มีชีวิต ธรรมก็ไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ เพราะกินเหล้าไปเรื่อยๆ นี่แหละ ทีนี้ตอนตาย ตอนนั้นจิตไม่เอาเหล้าแล้ว ทั้งๆที่ กลิ่นเหล้ายังคาปาก แต่ว่าจิตไม่เอาเหล้าแล้ว เหมือนกับปวารณาตัว ตั้งจิตยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ปฏิญาณตน ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ซึ่งตรงนั้นก็แน่นอน พอจะยึดที่พึ่งเป็นความสว่าง เป็นพระรัตนตรัย ก็ต้องนึกถึง ระลึกถึงคำสอนครูบาอาจารย์ เกี่ยวกับเรื่องการเจริญสติ กายใจไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน ฉะนั้นจิตก่อนตายของท่าน ก็มีดีพอ มีกำลังมากพอที่จะรวมลงเป็นฌานได้ ก็เลยบรรลุโสดาปัตติผล

ก็จะบอกว่าศีลห้า รักษาให้บริสุทธิ์ ดีที่สุด เพราะเราจะสามารถตรวจสอบได้เลยว่า สมาธิที่เคยได้ ก็จะผ่องแผ้วสติที่รู้ความไม่เที่ยงก็จะยอมรับความจริง แล้วก็เห็นความไม่เที่ยงอย่างชัดเจน เวลาเกิดความรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนขึ้นมา เป็นความรู้สึกตื่นพร้อมทั่วตัว ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในองคาพยพ ที่ถูกสำคัญผิดว่าเป็นตัวเป็นตน ทุกส่วนทุกตารางนิ้วคืออนัตตาหมด อนัตตาทั้งภายใน อนัตตาทั้งภายนอก ลักษณะของจิตที่แผ่ออกไปรับรู้ความจริง จะบอกตัวเองว่า คุ้มสุดคุ้มที่เราสามารถรักษาศีลห้าได้บริสุทธิ์ มันเป็นฐานให้จิตมีความรู้ที่ผ่องแผ้ว ที่บริสุทธิ์

คือเจริญสติไปด้วย แล้วทำผิดศีลด้วย สำหรับคนส่วนใหญ่ จะรู้สึกถึงความมัวหมอง วันก่อนไปวัดเจริญสติมา เดินจงกรม นั่งสมาธิ แล้วเกิดความรู้สึกผ่องแผ้ว โลกทั้งโลกเต็มไปด้วย เหมือนห้องแห่งความสว่าง พอมาทำผิดศีลข้อเดียว ครั้งเดียว ในอีกวันต่อมาเกิดใจไม่สบาย แล้วความสว่างที่ครอบจักรวาล แผ่ไปทั่วจักรวาลดับหายหมด จะรู้เลยนะว่า เอาศีลไปแลกแค่ข้อเดียวกับความสว่างขนาดนั้น ไม่คุ้มเลยนะ!


รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน เอาอะไรวัดว่าเจริญสติเป็น
18 สิงหาคม 2561


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น