วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559

ใจยอมรับความจริงไม่ได้เสียที ทั้งที่พยายามแล้ว (ดังตฤณ)

ถาม :  เมื่อกี๊ตอนที่พี่ตุลย์บอกว่ารู้สึกว่ามันบีบ แต่ตอนนี้รู้สึกมันโล่งขึ้นคะ

รับฟังทางยูทูป
: https://youtu.be/-P8_3DKB6DU
(ที่มา : ดังตฤณวิสัชนา บริษัทเชฟรอน, ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๓)


ดังตฤณ: 
ที่เราพูดคำพูดว่า "เราผ่านไปไม่ได้"
มันเป็นคำพูดที่มาล็อคตัวเอง

ถ้าเราเอาคำนี้ออกไป เหลือแต่ธรรมชาติใจ
ที่มันขึ้นมามืดบ้าง สว่างบ้าง
มืดมากบ้าง มืดน้อยบ้าง

ยอมรับไปตามจริง
มันผ่านไปได้เสมอ
และมันต่างไปเสมอ
มันเปลี่ยนไปเสมอ
ถาม :  แต่มัน เดี๋ยวก็เกิดขึ้นมาอีก คือมันจะกลับขึ้นมาค่ะ ที่มัน บีบเค้น อ่ะคะ
ดังตฤณ: 
ที่มันกลับขึ้นมาแสดงว่าเราเป็นคนธรรมดา 
ถ้ามันไม่กลับขึ้นมาอีก นั่นคนไม่ธรรมดาแล้ว
การที่มันกลับขึ้นมาอีก อันนั้นดี 
เราบอกตนเองว่าเราจะได้ดูต่อ
คือที่ผ่านมา เราบอกตนเองว่าเราพยายามดูแล้ว
เราพูดกับตนเองสองคำนะ 
"พยายามดูแล้ว"
"แต่ผ่านไปไม่ได้"
พอล็อคตัวเองไว้อย่างนี้ก็เสร็จสิ
มันเหมือนสะกดจิตตนเองให้เชื่อว่า
ฉันพยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จมันผ่านไม่ได้
!
แต่ถ้าลองถอดสองคำนี้ออกไป
เหลือแต่คำว่า
"เกิดอะไรขึ้น"
"ก็รู้ตามนั้น"
ยอมรับตามนั้น แค่นั้น
และให้มันกลับขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
เราก็จะดูอีกเรื่อยๆ ให้มันมีคำนี้มาแทนที่
แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปเอง
ถาม :  ใจหนูลึกๆ มันเหมือนอยากได้คืนมาตลอดเวลา มันไม่ยอมรับความจริงอ่ะค่ะ
ดังตฤณ: 
ธรรมดา ไม่มีใครยอมรับความจริง 
ถ้าทุกคนยอมรับความจริง
ก็เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้ว
ที่ไม่ยอมรับความจริง
ถึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้

ที่เรามาฝึกกันไม่ใช่ฝึกเพื่อที่จะบอกตนเองว่า 
ทำไมมันถึงไม่ยอมรับความจริง
แต่มาฝึกเพื่อให้เข้าใจว่า 
มันไม่ยอมรับความจริงมาตั้งแต่ก่อนเกิด
มันถึงต้องมาเกิดอยู่ 

ถ้ายอมรับความจริงมันต้องเห็นว่า
อะไรอะไร มันไมเที่ยง
อย่าเริ่มจากคนที่มันอยู่นอกตัว 
แต่ให้เริ่มจากสิ่งที่มันอยู่ในใจ  เป็นภาวะ เป็นขณะๆ
เดี๋ยวมืดบ้างเดี๋ยวสว่างบ้าง
ของเราอ่ะ เวลาทุกข์ มันจะมืด 
พอมืดแล้วจะไม่คิดดีเลย  มันจะคิดแต่ในแง่ร้าย
มันจะมีถ้อยคำที่ ไม่เป็นมงคลผุดขึ้นมา
ก็มองไปง่ายๆ ว่าจิตของเรามืดอยู่
มองง่ายๆแค่นั้น 
แล้วจิตมืดนี่ มันมืดมาก หรือมืดน้อย
อีกแปปนึงถ้าเรามองอยู่อย่างนั้น
เราก็จะเห็นว่า ความมืดมันน้อยลงได้
แล้วมันก็เปลี่ยนขึ้นมาเป็นความสว่างได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น