วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เดินจงกรมแล้วซึมไม่ตื่นรู้ ให้เดินเร็วขึ้น

ถาม : แล้วช่วงนี้เดินจงกรมอย่างเดียว ไม่ได้นั่งสมาธิ ไม่ทราบว่าเดินจงกรมไปแบบนี้ก็โอเคใช่ไหมครับ

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/PQWzhkvjGtM
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๖
๑๒ ต.ค. ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก 

ดังตฤณ: 
ก็โอเค แต่ว่าเราดูด้วยก็แล้วกันว่า เดินแต่ละครั้งแต่ละรอบเนี่ย มันเดินด้วยอาการซึม หรือเดินด้วยอาการตื่นรู้ ถ้ามันมีอาการที่เหมือนกับจิตซึมๆ เหมือนกับมีอาการเซื่องๆ และเราไม่รู้ตัวว่า เออเนี่ย รอบนี้มันมีอาการเซื่องไปแล้ว มันจะเซื่องไปเรื่อยๆ ต้องเดินเร็วขึ้นนิดหนึ่ง จำไว้เลยนะว่า ถ้าเดินจงกรมแบบซึมๆเซื่องๆ แล้วเราไม่รู้ตัวเนี่ย มันจะซึมไปเรื่อยๆ แล้วก็นึกว่าได้เดินจงกรม แต่จริงๆไม่ใช่ เข้าไปอยู่ในอาการเซื่องซึมอยู่พักหนึ่ง ไม่ได้เรียกว่าเดินจงกรม

การเดินจงกรมที่ถูกต้องก็คือว่า สามารถเห็นเข้ามาทั้งภาวะทางกายว่า มันกำลังเป็นอย่างไรอยู่ มันมีท่าเดินอย่างไรอยู่ มันกระทบอยู่หรือว่าไม่กระทบ และก็เห็นว่าอาการทางใจเนี่ย มันเซื่องซึมขึ้นมาเมื่อไหร่

ถ้าเห็นอาการเซื่องซึมขึ้นมา
ถ้าเป็นพระที่ฉลาด ท่านจะเดินเร็วขึ้น
เพื่อให้มันเกิดความตื่นตัว

ถ้ามันตื่นตัวมากเกินไป
จนกลายเป็นความฟุ้งซ่าน
ก็ลดระดับความเร็วลงมา ให้มันรู้อยู่พอดีๆ
อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า
การเดินจงกรม
มีความเท่าทันในสภาวะที่
มันกำลังปรากฏอยู่ตามจริง
และก็เห็นว่าภาวะทั้งหลายในระหว่างเดินจงกรม
มันแสดงความไม่เที่ยงอยู่

อันนี้บางทีมันซึม ซึมแล้วซึมยาว และก็ไปแปะป้ายไว้ว่า
..เราเดินจงกรม อารมณ์มันเท่าเดิมเลย เวลาที่เดินจงกรมแบบซึมๆไป กับตอนที่ออกจากเดินจงกรม บางทีมันจะนิ่งๆมันจะเหมือนกับเงียบๆอยู่ แต่ดูว่าในอาการเงียบๆนั้น จิตมันไม่พร้อมที่จะรู้เห็นอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นสภาวะภายใน มันเป็นอาการเหมือนกับเราแค่พอใจว่าได้ปฏิบัติอยู่ช่วงหนึ่งแล้วนะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น