การเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน
และการเจริญสติ
ถาม : อยากให้พี่ตุลย์ช่วยแนะนำแนวทางในการเจริญสติในระหว่างวันว่า
รูปแบบไหนหรือว่าเครื่องมืออะไรที่จะเหมาะสมกับตัวเราค่ะ
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๒ ต.ค. ๒๕๕๖ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ:
๑๒ ต.ค. ๒๕๕๖ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ:
คือของเรามันอยู่ครึ่งๆ
กลางๆ ระหว่างเฉื่อยกับมีสติตื่นตัวนะ มันจะเฉื่อยก็ไม่ใช่ จะตื่นตัวก็ไม่เชิง
พอจะเข้าใจไหมว่าพี่พูดถึงยังไง
ผู้ถาม: เข้าใจค่ะ
ดังตฤณ:
ของเราเนี่ย..ถ้าจะให้นิยามว่าเฉื่อยก็ไม่ใช่
มันไม่เฉื่อยเสียทีเดียว มันก็พยายามทำโน่นทำนี่ แต่จะบอกว่ามันมีความตื่นตัวเนี่ย
มันเหมือนกับในตัวของเราเอง เรารู้สึกว่ามันไม่ชัด มันไม่ได้ตื่นตัวทีเดียว
มันไม่ได้ขยัน มันไม่ได้กระตือรือร้นเต็มที่ อันนั้นเกิดจากการที่ว่าเราไม่ยอมเฉื่อย
เราอยากจะมีความกระตือรือร้นที่จะทำนั่นทำนี่ ความหมายทั้งงานทางโลกทั้งทางธรรมอะไรแบบเนี่ยนะ
พูดง่ายๆ ว่า โดยพื้นดั้งเดิมมันเฉื่อยอยู่ แต่ใจมันไม่ยอมที่จะเฉื่อย
มันเลยมีอาการครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้
ถ้าเอาคำแนะนำแบบที่ว่า
อยากก้าวหน้าในเจ็ดวันหรือหนึ่งเดือนนะ ‘ต้องเล่นกีฬา’ คือมันไม่ใช่เรื่องการปฏิบัติอย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องว่าเราจะมีรูปแบบวิธีคิดในการทำงานอย่างไรนะ
มันเหมือนขาดการออกกำลังกาย ขาดการเล่นกีฬา จิตแบบเราถ้าเล่นกีฬาเนี่ย มันถึงจะตื่นตัวขึ้นมาได้จริงๆ
วิธีอื่นเราลองมาหมดแล้ว เหมือนเราทำโน่นทำนี่ พยายามที่จะปลุกตัวเองให้มันตื่นตัวอะไรขึ้นมา
แต่มันไม่จริง คือร่างกายมันเหมือนจะกดไว้ มันเหมือนมีความเฉื่อยชาอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา
แต่ว่าเราไม่ยอม แค่เราไม่ยอม เราจะทำโน่นทำนี่ แล้วพอมันจะเฉื่อยขึ้นมาที..เราก็คิด จะทำงานเล็กทำงานน้อยอะไรอย่างนี้
แต่ตรงนั้นมันไม่แรงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นที่แท้จริง
พ้อยท์ของพี่เลยว่า ถ้าอยากเอาให้ได้ในเจ็ดวันหรือหนึ่งเดือนนะ ต้องเล่นกีฬาทุกวัน
ให้เว้นได้พักได้หนึ่งฮอลิเดย์ (holiday) ต่อหนึ่งสัปดาห์
ผู้ถาม: เริ่มมาบ้างแล้ว อาจจะ ๒-๓ วันต่อสัปดาห์ค่ะ
เพิ่งเริ่มมาสองอาทิตย์นี้
ดังตฤณ:
เล่นอะไร?
ผู้ถาม: ก็ไปเดิน
แล้วก็ออกกำลังกายใช้เครื่องเล่น
ดังตฤณ:
โอ้..ไม่พอนะ พี่พูดถึงเล่นกีฬา อย่างเช่นแบดมินตัน เช่นอะไรที่มันได้เหงื่อ
คือแค่เดินไม่ได้
มันน้อยเกินไป เล่นปิงปอง เล่นอะไรที่มันต้องใช้ความไวนิดหนึ่ง คือถึงจะสวนกับความต้องการโดยพื้นฐานของเรานะ
ที่อยากจะทำอะไรเรียบๆง่ายๆ
ลองดู ที่มันมีสิ่งกระตุ้น กีฬามีหลายประเภท
ประเภทที่ทำให้เราติดอยู่กับอาการจดๆ จ้องๆ ก็มี บางประเภทเนี่ย..มันกระตุ้นความไวของเรา
แล้วเราจะรู้ตัวว่าเรามีศักยภาพที่จะไวได้มากกว่าที่เราคิดนะ
ถ้าเราเล่นกับอะไรที่มันไวนิดหนึ่ง
บางทีอยู่ในกรุงเทพมันหายากอ่ะ
กีฬาที่จะไปเล่นได้ทุกวัน
แล้วก็ไปกระตุ้นให้เกิดความไว
แต่นี่เราตั้งโจทย์ไง มันเหมือนใจเราแบบอยากเห็นผลภายในเจ็ดวันภายในหนึ่งเดือนอะไรนี้ พี่ก็เลยบอกว่านี่คือคำตอบ แต่พี่ไม่รู้นะ หาโต๊ะปิงปองให้เราไม่ได้นะ คือเราต้องไปหาเอาเอง บางทีแม้แต่พี่เอง ถ้าพี่จะเล่นอะไรมันก็ต้องหาพื้นที่เหมือนกัน แต่ถ้าทำได้มันก็คุ้ม เราจะรู้สึกเลยว่าศักยภาพข้างในของเราเนี่ย มันสามารถที่จะตื่นตัวได้มากกว่านี้หลายเท่า
ผู้ถาม: แล้วเรื่องการเจริญสติล่ะคะ
ดังตฤณ:
คือถ้าสติเรามันไม่สดชื่นขึ้นมาตามธรรมชาติ บางทีเราจะรู้สึกว่ามันยากที่จะเจริญมากไปกว่านี้
เหมือนกับเรารู้อะไร เห็นอะไรเนี่ย อารมณ์มันคอยแต่จะจม คือพอเรารู้อะไรขึ้นมาแล้วมันก็เหมือนกับจะดร็อป
(drop) ลงไป
ผู้ถาม: มันเฉยๆ อย่างนี้ใช่ไหมคะ
ดังตฤณ:
ที่เรารู้สึกว่าเฉยๆ พี่เรียกว่ามัน’ดร็อป’ (drop) ลงไป คือพอรู้อะไรแทนที่จะเห็นมันผ่านมาผ่านไปเนี่ย
พอมันรู้ปุ๊บมันเหมือนกับเฉยๆ ทันที ใช้คำว่าเฉยก็ได้ ตรงเฉยๆ เนี่ย..ก็คือพื้นฐานของเราที่มันเฉื่อย
เหมือนกับขี้เกียจจะไปยินดียินร้าย อย่างบางทีเรามีอารมณ์ร้อนวูบขึ้นมานะ
แต่พอเราดูไป มันกลายเป็นความรู้สึกเหมือนไม่รู้สึกรู้สา เหมือนกับแช่อยู่ในความรู้สึกไม่รู้สึกรู้สา
ซึ่งตรงนั้นมันจะไม่พัฒนาต่อไปเป็นอาการตื่นรู้
ความรู้สึกของเรามันจะเหมือนย่ำอยู่กับที่ เหมือนไม่ไปไหน ตัวเนี้ย..พี่ถึงบอกว่า
ถ้าจะแก้จริงๆ
มันต้องแก้ออกมาจากฐาน
ฐานที่มันเฉื่อยชา
ต้องหากีฬาอะไรที่มันกระตุ้นความไวสักนิดหนึ่ง
แล้วพอความเฉื่อยชามันหายไป
ความตื่นตัวที่แท้จริงมันถึงจะมา
แล้วมันถึงจะแอ็คทีฟ (active) ขึ้นมา
ฐานที่มันเฉื่อยชา
ต้องหากีฬาอะไรที่มันกระตุ้นความไวสักนิดหนึ่ง
แล้วพอความเฉื่อยชามันหายไป
ความตื่นตัวที่แท้จริงมันถึงจะมา
แล้วมันถึงจะแอ็คทีฟ (active) ขึ้นมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น