ดังตฤณ : คนที่ศีลไม่บริสุทธิ์ ฟัง (เสียงสติ) แล้วจะทำสมาธิได้หรือไม่
ก็แล้วแต่ว่าไม่บริสุทธิ์ระดับไหน ถ้าไม่บริสุทธิ์ในระดับที่จิตสกปรกเลย
สกปรกเป็นปกติ อย่างนี้ก็อาจไม่ได้ แต่ถ้านิดๆ หน่อยๆ แค่เปื้อนมลทิน แบบนี้ก็พอโอเค
อย่างผมทดลองด้วยตัวเอง แต่ละวันฟังก็ไม่เหมือนกันนะ ถ้าเหนื่อยมากๆ เหนื่อยซ่กมาเลย สมองทำงานหนัก กว่าจะลง ก็ช้าหน่อย หรือไม่ก็หลับไปเลย ผมเองฟังแล้วหลับก็มีนะ ถ้าเหนื่อยมากๆ แต่ก็แล้วแต่ บางคนเหนื่อยมากๆ ฟังแล้วกลายเป็นสดชื่นราวกับว่าไปโด๊ปยามา แต่บางคน จวนเจียนอยู่แล้ว ฟังแล้วก็พอเพลินนิดเดียวก็หลับไปเลย อย่างนี้เป็นเรื่องปกติ
ภาวะต่างๆ ที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน จะถูกสังเกตละเอียดลออมากขึ้นเมื่อคุณมีตัวตั้งเป็นสมาธิ เมื่อจิตของคุณเข้าสู่สภาวะที่นิ่งว่าง สงบ รู้ว่าภาวะของสมาธิหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วนี่ คุณจะเห็นเลยว่าปัจจัยแวดล้อมที่จะพามาถึงในจุดนั้น มีสารพัดสารเพ อย่างเช่นถ้าวันไหนพูดเพ้อเจ้อ ไม่ต้องไปโกหกนะ แต่พูดพล่ามไม่หยุด จนกระทั่งสมองกระจัดกระจาย บางคนกระหยิ่มใจ บอกว่ามีเสียงสติช่วยอยู่แล้ว พูดเล่นตามใจชอบได้ ปรากฏว่ามาฟังเสียงสติก็เอาไม่อยู่
การพูดเพ้อเจ้อ ถ้าเพ้อเจ้อจริงๆ พระพุทธเจ้าบอกว่าผิดศีลข้อมุสาวาทด้วยซ้ำ ถ้าเพ้อเจ้อแบบที่ไปเรื่อย แบบตั้งวงนินทาว่าร้าย บางทีก็เหมือนกับแกล้งกระทบกระเทียบเหน็บแนมคนนั้นคนนี้อะไรต่างๆ พูดให้เกิดอารมณ์ที่ประมาณว่ารุมกระทืบเขา แค่นั้นในทางศีล ถือว่าผิดแล้ว ซึ่งคุณจะเห็นได้เลย ถ้าทำสมาธิเป็นประจำ วันไหนพูดเพ้อเจ้อหนักๆ ทำสมาธิไม่ขึ้นหรอก
เดี๋ยวจะได้ข้อสังเกตไปเอง เพราะมีเสียงสติช่วย ก็เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของโอกาสที่จะสำเร็จสมาธิได้บ่อยขึ้น ลองสังเกตกับตัวเอง เวลาทำสมาธิขึ้นมาได้แล้วมีเหตุอะไรระหว่างวัน ที่ส่งเสริมหรือเตะถ่วง หรือบั่นทอนกำลังของสติ และสมาธินะครับ!
____________
https://www.youtube.com/watch?v=Uz-NorP8eoc
อย่างผมทดลองด้วยตัวเอง แต่ละวันฟังก็ไม่เหมือนกันนะ ถ้าเหนื่อยมากๆ เหนื่อยซ่กมาเลย สมองทำงานหนัก กว่าจะลง ก็ช้าหน่อย หรือไม่ก็หลับไปเลย ผมเองฟังแล้วหลับก็มีนะ ถ้าเหนื่อยมากๆ แต่ก็แล้วแต่ บางคนเหนื่อยมากๆ ฟังแล้วกลายเป็นสดชื่นราวกับว่าไปโด๊ปยามา แต่บางคน จวนเจียนอยู่แล้ว ฟังแล้วก็พอเพลินนิดเดียวก็หลับไปเลย อย่างนี้เป็นเรื่องปกติ
ภาวะต่างๆ ที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน จะถูกสังเกตละเอียดลออมากขึ้นเมื่อคุณมีตัวตั้งเป็นสมาธิ เมื่อจิตของคุณเข้าสู่สภาวะที่นิ่งว่าง สงบ รู้ว่าภาวะของสมาธิหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วนี่ คุณจะเห็นเลยว่าปัจจัยแวดล้อมที่จะพามาถึงในจุดนั้น มีสารพัดสารเพ อย่างเช่นถ้าวันไหนพูดเพ้อเจ้อ ไม่ต้องไปโกหกนะ แต่พูดพล่ามไม่หยุด จนกระทั่งสมองกระจัดกระจาย บางคนกระหยิ่มใจ บอกว่ามีเสียงสติช่วยอยู่แล้ว พูดเล่นตามใจชอบได้ ปรากฏว่ามาฟังเสียงสติก็เอาไม่อยู่
การพูดเพ้อเจ้อ ถ้าเพ้อเจ้อจริงๆ พระพุทธเจ้าบอกว่าผิดศีลข้อมุสาวาทด้วยซ้ำ ถ้าเพ้อเจ้อแบบที่ไปเรื่อย แบบตั้งวงนินทาว่าร้าย บางทีก็เหมือนกับแกล้งกระทบกระเทียบเหน็บแนมคนนั้นคนนี้อะไรต่างๆ พูดให้เกิดอารมณ์ที่ประมาณว่ารุมกระทืบเขา แค่นั้นในทางศีล ถือว่าผิดแล้ว ซึ่งคุณจะเห็นได้เลย ถ้าทำสมาธิเป็นประจำ วันไหนพูดเพ้อเจ้อหนักๆ ทำสมาธิไม่ขึ้นหรอก
เดี๋ยวจะได้ข้อสังเกตไปเอง เพราะมีเสียงสติช่วย ก็เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของโอกาสที่จะสำเร็จสมาธิได้บ่อยขึ้น ลองสังเกตกับตัวเอง เวลาทำสมาธิขึ้นมาได้แล้วมีเหตุอะไรระหว่างวัน ที่ส่งเสริมหรือเตะถ่วง หรือบั่นทอนกำลังของสติ และสมาธินะครับ!
____________
https://www.youtube.com/watch?v=Uz-NorP8eoc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น