วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

แผ่ซ่านกลางกระหม่อม บางครั้งเหมือนร่างขยายใหญ่ขึ้น แล้วก็หดลงไป

ดังตฤณ : อาการแผ่ซ่านนั้นก็คือปีติ
และอาการที่รู้สึกเหมือนขยายใหญ่ขึ้น
จริงๆ คือจิตขยาย ไม่ใช่ร่างกายขยาย
จิต พอใหญ่ขึ้นใหม่ๆ จะรู้สึกว่าร่างกายใหญ่ขึ้น
แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก
เป็นจิตที่ขยายใหญ่ขึ้น เพราะเริ่มรวมอ่อนๆ
แต่ยังไม่เสถียร ก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่าโป่ง

ถ้าจิตขยายใหญ่แบบเสถียรแล้ว
จะรู้สึกว่า ร่างกายไม่ใหญ่ไม่เล็กนะ
แต่จิตจะใหญ่กว่ากายเสมอ
คือร่างกายจะถูกรับรู้ทั่วพร้อมโดยง่าย เป็นของตื้นๆ
เป็นของที่เหมือนกับเห็นได้สบายๆ

ท่านถึงได้บอกว่า ร่างกายจะไปก่อน
เราจะสละความยึดร่างกายได้ง่ายๆก่อน
เหมือนกับเห็นร่างกายเป็นก้อนเสลด
ที่พร้อมจะถูกถ่มทิ้งลงพื้น โดยไม่มีอาการเสียดาย อาลัยยึดติด

แต่ว่าจิตนี่แหละที่ถ่มทิ้งได้ยากกว่า
เพราะเราติดอยู่กับความรู้สึกในตัวในตน
ที่มีจิต ที่มีความรู้สึกนึกคิดมาชั่วกัปชั่วกัลป์

อยู่ๆ จะให้ไปถอน เพียงด้วยการเห็นกายใจแวบๆ วาบๆ จะไม่ใช่
ต้องเห็นเป็นปกติ เห็นจนกระทั่งเกิดสมาธิในแบบที่อยู่ปกติ
หันซ้ายหันขวา ก็ยังมีความตั้งมั่นของสติ
ที่รู้ว่า กายนี้ของหลอก กายนี้กลวงๆ กายนี้ว่างเปล่า ไม่มีเจ้าของ

การเห็นได้เรื่อยๆ จะมีความสำคัญ
อย่างที่บอกว่าขยายขึ้นและหดเล็กลง
ขอให้ตั้งทิศทางในการพิจารณาไว้ง่ายๆ เลยว่า
เรากำลังเห็นสภาพของจิต การปรุงแต่งของจิต
ที่ทำให้รู้สึกไปว่าขยายใหญ่ขึ้น หรือว่าหดเล็กลงมา

ยิ่งเราไปตั้งมุมมองดูว่า
อาการขยายใหญ่ขึ้นเป็นอาการขยายของจิต
อาการเล็กลงเป็นอาการหดของจิต
เห็นอยู่อย่างนี้ได้ไม่กี่วัน คุณจะรู้จักหน้าตาของจิตขึ้นมา
ไม่ใช่หน้าตาที่แท้จริงของจิตนะ แต่เป็นอาการปรุงแต่ง
ให้รู้สึกเหมือนว่านี่เป็นจิตของเรา

อาการที่ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง นึกว่าเป็นจิตของเรา
พอเห็นไปบ่อยๆ จะรู้ (ไม่ใช่นึกคิด) ว่า
(นี่คือ) สภาวะอันเป็นธรรมดา อันเป็นธรรมชาติ
ที่เมื่อจะเข้าสมาธิ ก็มีอาการใหญ่
เมื่อสมาธิหายไป ก็มีอาการเล็ก
เห็นอย่างนี้ไป จนกระทั่งเกิดความเข้าใจขึ้นมา
ร้องอ๋อขึ้นมาข้างในว่า จิตไม่ใช่เรา

จิตเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่เราอุตส่าห์หวงไว้มาชั่วกัปชั่วกัลป์
จริงๆ แล้วเป็นการหวงสิ่งที่ไม่เคยเป็นของใคร
(สภาวะ) จะเกิดขึ้นแค่แป๊บเดียว ชั่วขณะหนึ่ง
จะนาทีหนึ่ง หรือหนึ่งชั่วโมงก็ตาม
ในภาวะหนึ่งๆ เดี๋ยวก็ต้องหายไป แล้วไม่กลับมาซ้ำที่เดิม
ไม่กลับมาซ้ำดวงเดิมนะ ถ้าหายแล้วหายเลย
มีแต่จิตดวงใหม่ๆ เกิดขึ้นสืบต่อกัน เป็นสันตติ
เหมือนกับการไหลของสายน้ำ หรือเปรียบเหมือนคลื่นทะเล
ที่คลื่นกระเพื่อมระลอกไปเรื่อยๆ หายไปเรื่อยๆ
ไม่เคยมีคลื่นเดิมอยู่ที่เดิม
แต่เราก็สำคัญผิด นึกว่าเป็นอันเดิม

ตัวนี้แหละ ที่พอถอนความเข้าใจผิดไปได้
เฉียดอยู่นิดเดียวกับการเห็นธรรม
แบบที่พระพุทธเจ้า
อยากให้เห็นนะครับ!

++ ++ ++ ++



ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ความสำคัญของศรัทธาที่มีต่อการเจริญสติ 22 มิ.ย. 2562

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น