ดังตฤณ : จริงๆ แล้ว ถ้าเราเริ่มแปลกหน้ากับตัวเอง
เริ่มเห็นว่าไม่มีตัวตน มีแต่กาย มีแต่ใจ เป็นที่ตั้งให้ระลึก
แบบนี้จะแปลกหน้ากับทุกคนในโลกแหละ
ถ้าแปลกหน้ากับตัวเองได้ ก็จะแปลกหน้ากับทุกคน
เพราะว่าไม่มีใครเป็นพ่อแม่ลูกกันอย่างแท้จริงถาวร
กรรม ที่เราทำในแต่ละชาตินั่นแหละ
กิเลส ที่เรามี ฝังจิต ฝังวิญญาณอยู่นั่นแหละ
ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เพราะว่าจะพาเราไปหาคู่ชายหญิงในภพใหม่ ภาวะใหม่
ที่เหมาะสมกับกรรมของเรา
ไปเกิดเป็นเทวดา ผุดมีตัวตนขึ้นมา ก็ด้วยกรรมที่ทำมาทั้งชาติ
ไปผุดเกิดเป็นสัตว์นรกทันที ก็ด้วยกรรมที่ทำมาทั้งชาติ
เลยถูกนิยามว่า กรรม หรือ กิเลส ที่พอกพูนอยู่ทุกภพทุกชาติ
เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง ไม่ใช่พ่อแม่คู่ชายหญิง
ทีนี้ เวลาที่เราเกิดมา ลืมตาขึ้นมาปุ๊บ
ที่เห็นก่อนอันดับแรกก็คือรอยยิ้มของพ่อแม่ เสียงของพ่อแม่
เราก็มีความจดจำอย่างแน่นหนามั่นคงว่า นี่พ่อแม่ของเรา
จะต้องอาศัยอาศัยการศึกษา และการปฏิบัติธรรม
จนกระทั่งเกิดความเห็นขึ้นมาว่า แหล่งกำเนิดที่แท้จริง อยู่ข้างในนะ
ตรงนั้นถึงจุดนั้น ถึงจะไปมองว่า พ่อแม่ จริงๆแล้ว เป็นผู้ให้กำเนิด
แต่ไม่ใช่จุดกำเนิดที่แท้จริงของเรา
เป็นผู้ให้กำเนิดร่างมนุษย์ แต่ไม่ใช่จุดกำเนิดความเป็นตัวเป็นตน
แม้แต่ฝาแฝดก็ยังแตกต่างกันได้
พี่น้องคลานตามกันมา หน้าตาราวกับเป็นคนละพ่อคนละแม่
ฉะนั้น พ่อแม่ที่เป็นคู่ชายหญิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
ลูกจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร
รู้แต่ว่า ทำไปตามธรรมชาติ
แล้วเดี๋ยวก็จะมีเด็กออกมาจากท้องแม่ รับรู้อยู่แค่นี้
แต่กรรม เขารู้มากกว่านั้น
รู้ว่าจะปรุงแต่ง ให้เกิดหน้าตาขึ้นมาอย่างไร
จะปรุงแต่งให้เกิดนิสัยใจคอแบบไหน
จะปรุงแต่งให้เกิดชะตากรรมแบบไหน
ถึงบอกว่า พ่อแม่ที่แท้จริงของเราก็คือกรรม และกิเลส
ทีนี้พอเวลาเรารู้สึกว่า ที่เรายึดมั่นถือมั่นมาตลอดว่า
นี่เป็นพ่อแม่ของเรา แน่ๆ สุดท้ายกลับไม่ใช่
ความปรุงแต่งทางจิต ก็จะพลอยเกิดความรู้สึกแตกต่างไปด้วย
เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจว่า
จิตถูกปรุงแต่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ได้
เวลาที่เรามาปฏิบัติธรรม แล้วเราเกิดความรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเอง
เราสามารถพร้อมที่จะแปลกหน้ากับคนได้ทั้งโลกเช่นกัน
เพราะจริงๆแล้ว ไม่ได้มีตัวใครที่มีความผูกมัด
ว่าจะต้องเป็นอะไรกับเราอยู่แน่ๆ
อย่างบางคนปฏิบัติ เจริญสติไปแล้ว ออกจากสมาธิ
สมาธิ มีจิตอยู่ดวงเดียวใช่ไหม แบบเรียบง่าย
พอออกมา โอ้โหตกใจ มีสองตา หนึ่งจมูก สองรูจมูก มีปาก มีฟัน
เคยไปออกแบบไว้ที่ไหน ไปยึดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่านี่เป็นตัวของเรา
แปลกหน้าไปหมด นี่ก็เรียกว่าเป็นสัญญาที่แปลกไป
ตัวสัญญาขันธ์ เปลี่ยนจาก อัตตสัญญา เป็นอนัตตสัญญา
เปลี่ยนจาก นิจจสัญญา เป็น ทุกขสัญญา หรือว่า อนิจจสัญญา
ตัวนี้ เราพิจารณาเข้ามาว่า สัญญาของเรา สัญญาขันธ์ แตกต่างไป
คำว่าสัญญา ไม่ใช่ข้อผูกมัดนะ แต่หมายถึงความจำได้หมายรู้
เป็นลักษณะปรุงแต่งจิตให้นึกออกว่า เคยเห็นมาที่ไหน
ทีนี้พอปฏิบัติธรรมไป ไม่ใช่ไปพยายามระลึกว่า
นี่เป็นใคร นั่นอยู่ในฐานะอะไรกับเรา
แต่ว่าจะมีการเห็นเข้ามาว่า นี่ก็ไม่เที่ยง นั่นก็ไม่ใช่ตัวเดิม
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวจริงๆของใครสักอย่างเดียว สัญญาจะต่างไป
แล้วพอสัญญาต่างไป เห็นตัวเองแปลกหน้า
ก็พร้อมที่จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
เห็นทุกคนในโลกแปลกหน้าตามไปด้วย นะครับ
ก็ไม่ต้องตกใจนะ เรายังสามารถที่จะกราบไหว้พ่อแม่
เรายังสามารถที่จะแสดงความกตัญญู เหมือนกับลูกคนอื่นๆทั้งโลก
แต่สิ่งที่เราเกิดความรู้เพิ่มขึ้นมาต่างหาก
ปัญญาแบบพุทธที่เติมเข้ามาในจิตต่างหาก
ตรงนั้นแหละที่ทำให้เราจะไม่ต้องไปเป็นทุกข์
จะไม่ต้องไปหลงยึดอะไรผิดๆ แบบคนอื่นอีกนะครับ!
แบบนี้จะแปลกหน้ากับทุกคนในโลกแหละ
ถ้าแปลกหน้ากับตัวเองได้ ก็จะแปลกหน้ากับทุกคน
เพราะว่าไม่มีใครเป็นพ่อแม่ลูกกันอย่างแท้จริงถาวร
กรรม ที่เราทำในแต่ละชาตินั่นแหละ
กิเลส ที่เรามี ฝังจิต ฝังวิญญาณอยู่นั่นแหละ
ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เพราะว่าจะพาเราไปหาคู่ชายหญิงในภพใหม่ ภาวะใหม่
ที่เหมาะสมกับกรรมของเรา
ไปเกิดเป็นเทวดา ผุดมีตัวตนขึ้นมา ก็ด้วยกรรมที่ทำมาทั้งชาติ
ไปผุดเกิดเป็นสัตว์นรกทันที ก็ด้วยกรรมที่ทำมาทั้งชาติ
เลยถูกนิยามว่า กรรม หรือ กิเลส ที่พอกพูนอยู่ทุกภพทุกชาติ
เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง ไม่ใช่พ่อแม่คู่ชายหญิง
ทีนี้ เวลาที่เราเกิดมา ลืมตาขึ้นมาปุ๊บ
ที่เห็นก่อนอันดับแรกก็คือรอยยิ้มของพ่อแม่ เสียงของพ่อแม่
เราก็มีความจดจำอย่างแน่นหนามั่นคงว่า นี่พ่อแม่ของเรา
จะต้องอาศัยอาศัยการศึกษา และการปฏิบัติธรรม
จนกระทั่งเกิดความเห็นขึ้นมาว่า แหล่งกำเนิดที่แท้จริง อยู่ข้างในนะ
ตรงนั้นถึงจุดนั้น ถึงจะไปมองว่า พ่อแม่ จริงๆแล้ว เป็นผู้ให้กำเนิด
แต่ไม่ใช่จุดกำเนิดที่แท้จริงของเรา
เป็นผู้ให้กำเนิดร่างมนุษย์ แต่ไม่ใช่จุดกำเนิดความเป็นตัวเป็นตน
แม้แต่ฝาแฝดก็ยังแตกต่างกันได้
พี่น้องคลานตามกันมา หน้าตาราวกับเป็นคนละพ่อคนละแม่
ฉะนั้น พ่อแม่ที่เป็นคู่ชายหญิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
ลูกจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร
รู้แต่ว่า ทำไปตามธรรมชาติ
แล้วเดี๋ยวก็จะมีเด็กออกมาจากท้องแม่ รับรู้อยู่แค่นี้
แต่กรรม เขารู้มากกว่านั้น
รู้ว่าจะปรุงแต่ง ให้เกิดหน้าตาขึ้นมาอย่างไร
จะปรุงแต่งให้เกิดนิสัยใจคอแบบไหน
จะปรุงแต่งให้เกิดชะตากรรมแบบไหน
ถึงบอกว่า พ่อแม่ที่แท้จริงของเราก็คือกรรม และกิเลส
ทีนี้พอเวลาเรารู้สึกว่า ที่เรายึดมั่นถือมั่นมาตลอดว่า
นี่เป็นพ่อแม่ของเรา แน่ๆ สุดท้ายกลับไม่ใช่
ความปรุงแต่งทางจิต ก็จะพลอยเกิดความรู้สึกแตกต่างไปด้วย
เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจว่า
จิตถูกปรุงแต่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ได้
เวลาที่เรามาปฏิบัติธรรม แล้วเราเกิดความรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเอง
เราสามารถพร้อมที่จะแปลกหน้ากับคนได้ทั้งโลกเช่นกัน
เพราะจริงๆแล้ว ไม่ได้มีตัวใครที่มีความผูกมัด
ว่าจะต้องเป็นอะไรกับเราอยู่แน่ๆ
อย่างบางคนปฏิบัติ เจริญสติไปแล้ว ออกจากสมาธิ
สมาธิ มีจิตอยู่ดวงเดียวใช่ไหม แบบเรียบง่าย
พอออกมา โอ้โหตกใจ มีสองตา หนึ่งจมูก สองรูจมูก มีปาก มีฟัน
เคยไปออกแบบไว้ที่ไหน ไปยึดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่านี่เป็นตัวของเรา
แปลกหน้าไปหมด นี่ก็เรียกว่าเป็นสัญญาที่แปลกไป
ตัวสัญญาขันธ์ เปลี่ยนจาก อัตตสัญญา เป็นอนัตตสัญญา
เปลี่ยนจาก นิจจสัญญา เป็น ทุกขสัญญา หรือว่า อนิจจสัญญา
ตัวนี้ เราพิจารณาเข้ามาว่า สัญญาของเรา สัญญาขันธ์ แตกต่างไป
คำว่าสัญญา ไม่ใช่ข้อผูกมัดนะ แต่หมายถึงความจำได้หมายรู้
เป็นลักษณะปรุงแต่งจิตให้นึกออกว่า เคยเห็นมาที่ไหน
ทีนี้พอปฏิบัติธรรมไป ไม่ใช่ไปพยายามระลึกว่า
นี่เป็นใคร นั่นอยู่ในฐานะอะไรกับเรา
แต่ว่าจะมีการเห็นเข้ามาว่า นี่ก็ไม่เที่ยง นั่นก็ไม่ใช่ตัวเดิม
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวจริงๆของใครสักอย่างเดียว สัญญาจะต่างไป
แล้วพอสัญญาต่างไป เห็นตัวเองแปลกหน้า
ก็พร้อมที่จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
เห็นทุกคนในโลกแปลกหน้าตามไปด้วย นะครับ
ก็ไม่ต้องตกใจนะ เรายังสามารถที่จะกราบไหว้พ่อแม่
เรายังสามารถที่จะแสดงความกตัญญู เหมือนกับลูกคนอื่นๆทั้งโลก
แต่สิ่งที่เราเกิดความรู้เพิ่มขึ้นมาต่างหาก
ปัญญาแบบพุทธที่เติมเข้ามาในจิตต่างหาก
ตรงนั้นแหละที่ทำให้เราจะไม่ต้องไปเป็นทุกข์
จะไม่ต้องไปหลงยึดอะไรผิดๆ แบบคนอื่นอีกนะครับ!
คำถามเต็ม :
รู้สึกไม่ผูกพันกับครอบครัว บางครั้งมองหน้าพ่อแม่แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่พ่อแม่เรา กับคนอื่นๆก็คล้ายๆกัน รู้สึกไม่ผูกพัน จะเป็นมากช่วงที่สวดมนต์ นั่งสมาธิถี่ๆ แต่ก็ปฏิบัติแบบลูกทั่วไปที่ดูแลเค้าอย่างดีที่สุดนะคะ
.. .. .. .. .. .. ..
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน พอรู้สึกว่ากายใจไม่ใช่ตนแล้วเจ็บปวด
▶▶ คำถามช่วง – ถามตอบ ◀◀
1.6.2019
https://www.youtube.com/watch?v=5VG5EiGwRdM
https://www.youtube.com/watch?v=5VG5EiGwRdM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น