EP85 | พฤหัส 3 มีนาคม 2565
(ช่วงปิดท้าย)
ความเสี่ยงของการรอเกิดในยุคพระศรีอาริย์
พี่ตุลย์ : ย้ำอีกที เรามีจุดหมายเดียวกันว่า
จะกลับไปหาบรมครู
แล้วก็การกลับไปทำความรู้จักกับพระพุทธเจ้านี่
ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินเอื้อม
อย่างที่ใครๆ คิด
บางคน บอกว่า
ต้องไปเกิดเอาชาติหน้าในยุคพระศรีอาริย์
ซึ่งไม่รู้เลย
ว่าเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหน
หรือระหว่างนั้น
เราต้องไประหกระเหิน
เกิดตายเป็นอะไร
หลงผิดไปแค่ไหนบ้าง
หลงก่อกรรม
หลงทำเข็ญอะไรไป แต่ละชาติ ไม่เหมือนเดิม
ไม่เหมือนเดิมจริงๆ
จะมีแรงบีบให้เราหลงผิด และทำอะไรพลาดไป ไม่รู้จักที่สิ้นสุด
เราอาจได้ไปพบพระศรีอาริย์จริง
แต่ไปพบแบบพร้อมหรือไม่พร้อม
นี่ก็ประกันให้ตัวเองไม่ได้
พระเจ้าอชาติศัตรู
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรับรองเลยนะ ว่า
มีสิทธิ์ได้โสดาปัตติผล
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟังธรรมต่อเบื้องพระพักตร์
แต่กลับไปฆ่าพระบิดาเสียก่อน
ไปทำอนันตริยกรรม
เสร็จเลยนะ จบเลย
ความมีสิทธิ์ที่จะได้โสดาปัตติผล
มีบุญ
ขนาดได้เกิดในสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว
มีบุญ ขนาดได้โสดาปัตติผล
พระพุทธเจ้ารับรองแล้ว
แต่ไปทำอนันตริยกรรมก่อน
.. เลยไปนรกก่อนสถานเดียว
ต่อให้พระเจ้าอชาติศัตรู
ได้เป็นอุปถัมภกของพระศาสนาที่ยิ่งใหญ่มากๆคนหนึ่ง
ก็ช่วยไม่ได้
ไม่รอดนะ ไปนรกก่อน เพราะทำอนันตริยกรรมไป
เหมือนกัน
พวกเรานี่ ถ้าไปประมาท
นึกง่ายๆ
แบบคนที่เขาพูดกันสืบๆ มาว่า
เดี๋ยวไปเกิดในสมัยพระศรีอาริย์
จะได้บรรลุธรรมง่ายๆ
ไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะ
ความเสี่ยง
ความไม่แน่นอน ในสังสารวัฏ มีสารพัดจริงๆ
และคลุกคลีกับพุทธศาสนานี่
บางทีเราไปปรามาสพระอริยบุคคลไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ก็ไม่ทราบ
และถ้าจับพลัดจับผลูไปอยู่ในพวกหลงผิด
เป็นมิจฉาทิฏฐิ
แต่นึกว่าตัวเองเป็นสัมมาทิฏฐิ
แบบที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น พาลแท้
คือหลงเข้าใจว่าตัวเองเป็นบัณฑิต
แต่มีพฤติกรรมเป็นมิจฉาทิฏฐิ
เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไหวตัวทัน
หรือ
ไม่มีสิทธิ์ที่จะมารู้ตัวเสมอไปนะว่าเรากำลังหลงผิดอยู่
คนที่หลงผิด สมัยพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์
ไปหลงตามพระเทวทัตก็มี
ได้พบพระพุทธเจ้าแล้ว
แต่ไปหลงตามพระเทวทัต เป็นพวกพระเทวทัต
นี่ครูบาอาจารย์ท่าน
พระป่าบางรูปมาเล่าให้ฟัง
ท่านระลึกชาติได้ว่า
หลงไปเป็นพวกพระเทวทัต แค่วันเดียว อดเลยนะ
ในชาตินั้น
จิตไปไม่ถึง
ท่านมาบรรลุธรรมเอาชาติสุดท้ายในประเทศไทยนี้
อย่างนี้ก็มี
ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ในสังสารวัฏ
ทำให้ควรที่จะสังวร
และควรมีสติ
บอกตัวเองว่า
ถ้ามีโอกาสที่จะทำ มีโอกาสที่จะเจริญสติ
หวังไปเลย
หวังมรรคหวังผลไปเลย อย่ามัวเหนียม
อย่านึกว่าเป็นเรื่องเกินตัว
เพราะพุทธศาสนามีขึ้นมาก็เพื่อการนี้
เพื่อให้เราคาดหวังว่าเราจะไปได้ถึง
ยิ่งเราทำได้ถูกต้องตรงทางมากขึ้นเท่าไหร่
และไปสอบทาน
เห็นว่ามาตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้มากขึ้นเท่าไหร่
ใจเราก็จะรู้สึกอุ่นใจ
เกิดความรู้สึกว่า
ยังมีพระพุทธเจ้าท่านคอย backup ให้
คอยที่จะส่งเสริมให้เราเจริญไปสู่เป้าหมาย
ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเกิดในยุคพุทธกาลเป๊ะเสมอไป
นอกพุทธกาล
ในแบบที่มีตัวแทนของพระศาสดา ยังอยู่กับเรา .. พระไตรปิฎก .. นี่นะครับ
ถ้าหากว่าเรารู้สึกว่าเราต่อกับพระไตรปิฎกติด
ก็เหมือนกับได้อยู่กับพระพุทธเจ้าพระองค์จริงนั่นเอง
และเพื่อที่จะต่อกับพระไตรปิฎกติด
บางที ต้องช่วยๆ กันนะ
ไม่มีคนใดคนหนึ่งเป็นพระเอกหรอก
พูดจริงๆ
ต้องมีใจที่ซื่อๆ
เหมือนกัน ขึ้นมาสักกลุ่ม
แล้วศึกษาจริงๆ
ว่าพระพุทธเจ้าตรัสอะไร แล้วก็ทำตามนั้นจริงๆ
อย่างที่พระองค์บอกว่า
สิ่งที่เป็นใจกลาง เป็นศูนย์กลาง
เป็นศูนย์รวมกรรมฐานทั้งปวง
คืออานาปานสติ
มีใครพูด มีใครทำ
มีใครทรงจำแล้วเอามาทำจริงกันบ้าง
ลองสังเกต
ลองสำรวจ
ถ้าตัวเราเป็นหนึ่งในนั้น
ก็ขอให้ปลื้มใจในตัวเองว่า
มีส่วนได้สืบสานให้พระศาสดายังคงอยู่
ทรงพระชนม์อยู่นะครับ
______________
ไลฟ์วิปัสสนานุบาล EP85 : ช่วงปิดท้าย
วันที่ 3 มีนาคม
2565
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=yGZHl5wloYU
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น