วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คิดมากกับเรื่องหยุมหยิม

ถาม : บางเรื่องถ้าไม่สนใจ เวลาอะไรมากระทบจะตัดและวางได้เร็ว แต่บางเรื่องที่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เรายึดติดและรู้สึกผิดกับความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นแบบนั้น เป็นเรื่องเดียวที่วางไม่ได้ สลัดไม่ออก

รับฟังทางยูทูบ :  https://youtu.be/GJ8IGmPUMyE 
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐
การเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบฆราวาส
๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
 

ดังตฤณ:
ก็ให้มองไปว่าเส้นทางในแบบของเรา มันมากับอาการคิดมากด้วยเรื่องหยุมหยิม เรื่องใหญ่บางทีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอเรื่องหยุมหยิมมันง่ายที่จะยึดมั่นถือมั่น มันง่ายที่เราจะเอาตัวเข้าไปแล้วบอกว่า ฉันจะยึดเรื่องนี้แหละ ที่แท้มันก็คือธาตุแท้ของเรา ที่อยากจะเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้ทำงาน โดยธาตุนิสัยของเราเนี่ย มันเหมือนกับอยากจะให้คนอื่นเค้าเห็นว่าเราเอาจริงเอาจัง อยากจะให้คนอื่นเค้ารู้สึกว่าเราเวิร์คนะไม่ใช่ไม่เวิร์ค ใจจริงของเราไม่อยากจะไปวุ่นวายกับอะไรที่มันยืดเยื้อจริงๆ แต่พอเป็นอะไรที่มันหยุมหยิมมันแป๊บเดียวไง แล้วเราแสดงออกถึงอาการจริงจัง มันเหมือนกับมีภาพที่ว่าเราเวิร์ค

คือบางทีมันแฝงอยู่ในใจลึกๆนะ ว่าไม่ใช่ว่าเราไม่มีความรับผิดชอบหรืออะไรแบบนั้น แต่ว่าบางทีมันผลักดันออกมาจากความรู้สึกว่าอยากจะเวิร์ค อยากจะเป็นคนที่เวิร์ค พอเรื่องใหญ่จริงๆที่เราบอกว่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เนี่ย อันนั้นเป็นใจอีกแบบหนึ่ง เอาที่พี่เห็นนะ คือว่าในใจเราลึกๆ มีความต้องการที่จะอยู่ในสายตาคนอื่นว่าเราเวิร์ค เอาตรงนี้ก่อน จูน (tune) ให้ตรงกันก่อน อย่างที่น้องเล่ามาก็แปลได้ว่า พออยู่ในสภาพกดดันจริง เราจะควบคุมตัวเองได้ดีเป็นพิเศษ เพราะว่าเราอยากจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วไง คือมันมีภาพนั้นอยู่ในใจของเรา เป็นความเต็มใจที่เราจะมีสภาพแบบนั้น

แต่ว่าตัวของเราจริงๆ พอเจอเรื่องหยุมหยิม มันคล้ายๆว่าไม่ต้องอยู่ในสายตาของคนอื่น ว่าเนี่ยมันไม่สามารถแฮนเดิ้ล (handle - รับมือ) ได้ ก็ปล่อยเลยตามเลย คือไม่ต้องมีภาพเวิร์คก็ได้ ณ เวลานั้นคือมันกลับกัน กับที่พี่พูดตอนแรก แต่สิ่งที่พี่เห็น คือในใจของเราจริงๆ เรารู้สึกว่า ถ้าเราเป็นคนที่สามารถจะรับมือกับอะไรได้เป็นคนที่เวิร์ค มันจะมีความรู้สึกดีกับตัวเอง มีความภูมิใจนะ มันจะสวิทซ์ (switch) กันนิดนึงกับที่พี่พูด งานใหญ่เราจะแฮนเดิ้ล (handle) ได้ แต่งานเล็ก ๆ เราจะรู้สึกว่าไม่ต้องไปเอาอะไรกับมันมากก็ได้ เพราะว่าตรงนี้คงไม่มีใครมาสนใจ

ที่นี้ถ้าเรามองเป็นภาพทางใจแล้วเราเห็นอย่างนั้น มันจะมีความรู้สึกว่าใส่สติเข้าไปกับเรื่องเล็กๆบ้างก็ดี คนอื่นจะมองเราอยู่หรือไม่มองเราอยู่ก็ตาม เราสามารถที่จะเห็นว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆ มีอาการทางใจกระสับกระส่ายอย่างไร คือเห็นอยู่ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นเห็นภาพเข้ามา คือเปลี่ยนมุมมองนิดหนึ่งตรงที่ว่าเราไม่แคร์สายตาใคร กลายมาเป็นว่าเราแคร์กับการเห็นของจิตและตัวเราเอง ส่วนตอนรับมือกับงานใหญ่ๆก็ดีแล้ว มันเป็นอีโก้ (ego) ชนิดหนึ่ง แต่เป็นอีโก้ (ego) ที่ทำให้ชีวิตเราดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น