ถาม –
ขับรถชนคนตายบาปหรือเปล่า?
ดังตฤณ :
จะดูว่ากรรมใดเป็นบาปหรือเป็นบุญ พระพุทธเจ้าชี้ให้มองที่ประธานของกรรมคือเจตนา ซึ่งก็เหมือนกับกฎหมายที่ตราโดยผู้ทรงความเป็นธรรมทั่วโลก คือจะมองว่าใครผิดใครถูก หรือมีน้ำหนักควรลงโทษลงทัณฑ์อย่างไร ก็ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับเจตนาทั้งสิ้น
ทว่าผู้นั่งบัลลังก์พิพากษาซึ่งถือกฎหมายไว้ในมือนั้น บางทีตัดสินว่าผู้ต้องหากระทำผิด เช่นสืบพยานประกอบหลักฐานแล้วส่อว่ามีเจตนาร้าย พอลงโทษผู้ต้องหาไปหลายปี จึงค่อยพบหลักฐานใหม่ รื้อคดีใหม่ ถึงทราบว่าผู้ต้องหาบริสุทธิ์ นี่แสดงให้เห็นว่าแม้กฎหมายให้ดูเจตนาเป็นหลัก แต่ผู้ทำหน้าที่พิพากษาก็อาจมีข้อมูลไม่เพียงพอจะล่วงรู้ลึกซึ้งไปถึงเจตนาที่แท้จริงของผู้ต้องหาได้ และอาจตัดสินเจตนาของผู้ต้องหากันผิดๆถูกๆได้
ส่วนกฎแห่งกรรมซึ่งทำงานอยู่ทุกวินาทีในธรรมชาตินั้น ตัดสินสัตว์ทุกรูปนามอย่างเที่ยงตรงแม่นยำเสมอ และจะไม่กลับกลอกเป็นอื่นในภายหลังด้วย เนื่องจากเจตนาขณะก่อกรรมเป็นจริงได้เพียงหนึ่งเดียว หนเดียว เจตนาเกิดขึ้นอย่างไร ก็ปรากฏโดยความเป็นสัจจะอย่างนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยวิธีบิดเบือนล่อหลอกใดๆ กรรมที่เกิดขึ้นโดยเจตนาอันเป็นบุญหรือเป็นบาป ย่อมนับถอยหลังรอการออกดอกออกผลดีร้ายตรงตามเจตนานั้นๆอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องสืบพยาน ไม่ต้องผ่านการพิจารณาตรวจสอบหลักฐานจากใคร เนื่องจากเจตนาของเจ้าตัวนั่นเอง พิพากษาตนเองว่าเป็นบุญหรือเป็นบาปตั้งแต่ตอนลงมือทำไปแล้ว
ฉะนั้นถามว่าขับรถชนคนตายบาปไหม… ต้องดูกันในขณะแห่งการเกิดเหตุว่าคุณมีเจตนาอย่างไร เจตนาในขณะนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครตรวจสอบได้อย่างถ่องแท้เท่าตัวคุณเอง
ถาม – วันที่เกิดเหตุได้ขับรถกลับบ้านหลังจากเลิกงาน ฝนกำลังตก วิ่งประมาณ ๘๐ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่กลางถนนจึงเบรกไม่ทัน ชนเธอจนเธอกระเด็นไป พอดีมีรถอีกคันหนึ่งมาทับเธอและหนีไป ผมจอดรถและเรียกตำรวจ เรียกสามีเธอมา สามีเธอเมามากพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ทราบในภายหลังว่าก่อนเกิดเหตุเธอทะเลาะวิวาทกับสามี
แยกแยะเป็นรายละเอียดได้ตามนี้ครับ
๑) ขับ ๘๐ ขณะฝนตกถือว่าไม่ได้ประมาท เพราะฉะนั้นกรรมที่เกิดจากการขับรถโดยประมาทในสถานการณ์คับขันนั้นตัดทิ้งไปได้ (สำหรับข้อนี้ ขอบอกไว้คลุมๆสำหรับทุกท่านว่ากินเหล้าเมาแล้วยังฝืนขับรถ ถือเป็นโทษหนักซ้อนกันสองข้อ ข้อแรกคือทำบาปด้วยการย้อมกายย้อมใจให้สติพร่าเลือนด้วยน้ำเมา ข้อสองคือทำบาปด้วยการขับรถโดยประมาททั้งรู้ว่าไม่มีความสามารถรับผิดชอบเพียงพอ แต่สำหรับคุณผู้ถามคงไม่มีประเด็นนี้นะครับ เท่าที่ทราบคือถ้าขับรถชนคนตายขณะเมาก็ต้องติดคุกสถานเดียว หลีกเลี่ยงยากแม้มีเงินมากขนาดไหนก็ตาม)
๒) ผู้หญิงนั่งกลางถนนถือเป็นเรื่องเกินความคาดหมายของผู้ขับขี่ยวดยานทั่วไป จากที่คุณทราบว่าเธอทะเลาะกับสามีในภายหลัง ก็พอสันนิษฐานได้ว่าเธอเจตนามานั่งอยู่ตรงนั้นเพื่อฆ่าตัวตาย นับเป็นกรรมหนักของเธอ ทั้งในแง่คิดทำลายชีวิตตัวเองขณะจิตใจเศร้าหมอง กับทั้งในแง่ที่พลอยทำให้ผู้อื่นต้องพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย เธอตายเพราะเจตนาของตัวเอง ไม่ใช่ตายเพราะเจตนาวางแผนฆ่าหรือแม้แต่เจตนาขับรถด้วยความประมาทของคุณ และแม้แต่รถอีกคันที่มาชนซ้ำ ก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่าแกงใครเลย
๓) คุณจอดรถเรียกตำรวจ อันนี้น่าสรรเสริญ ถือว่าเจตนาหลังเกิดเหตุเป็นกุศล ไม่หนีเอาตัวรอดอย่างขาดเมตตาเหมือนเจ้าของรถอีกคัน สำหรับเจ้าของรถที่หนีไป แม้ไม่มีเจตนาฆ่าคนตายเป็นประธานในการก่อกรรม แต่ก็มีเจตนาหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อชีวิตคน อันนี้ก็กลายเป็นกตัตตากรรมได้ คือเป็นกรรมที่ทำโดยไม่ได้เจตนาให้เป็นไปเช่นนั้น แม้มิได้จงใจฆ่า แต่จงใจหลบหนีไม่ไยดี ซึ่งอาจมีผลให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยหมดโอกาสรอด ถือว่าเฉี่ยวกันกับการก่อกรรมข้อปาณาติบาต (แต่เขาเห็นคุณเป็นคนชนก่อน และเห็นคุณหยุดรับผิดชอบไปแล้ว ก็อาจยกประโยชน์ให้ว่าโทษคงเบาลงอีกหน่อย)
รวมทั้ง ๓ ข้อนี้แล้วก็พอสรุปได้ว่า คุณไม่ได้ทำบาปไปเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีเจตนาร้ายทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ฉะนั้นขอให้สบายใจได้ว่าในทางธรรม ในการตัดสินของกฎแห่งกรรม คุณไม่มีความผิดที่ต้องชดใช้แต่ประการใด และวิญญาณก็ไม่น่าตามมาหลอกหลอน เพราะคนฆ่าตัวตายต้องการยืมดาบในมือคุณมาแทงเขา จึงปราศจากจิตคิดแค้นเคืองอาฆาตเอากับคุณ เว้นแต่จิตคุณจะหลอกหลอนตัวเองเพราะความคิดมากไปเอง
อย่างไรก็ตาม ในทางโลกคุณอาจต้องวุ่นวาย ถูกสอบปากคำ ถูกเรียกค่าช่วยเหลือ หรือถูกตัดสินอะไรแบบที่ต้องให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจไปอีกพัก ตรงนี้ชี้ได้ว่าเป็นวิบากของกรรมในอดีตอย่างแน่นอน เพราะเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นแล้วมีผลกระทบอย่างใหญ่ ย่อมไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ต้องมีสาเหตุอยู่เบื้องหลังเสมอ
ผมรู้สึกเห็นใจคุณมากนะครับ เคราะห์ร้ายที่มาถึงตัวโดยไม่เคาะประตูเรียกหรือส่งสัญญาณเตือนนั้น ขอภาวนาอย่าให้เกิดขึ้นกับคุณและผู้อ่านทุกคนอีกเลย เรื่องอัปมงคลทำนองนี้บั่นทอนสุขภาพจิตได้มากถึงมากที่สุดสำหรับผู้ยังมีจิตสำนึกดีๆทั้งหลาย
ถาม – กรรมใดชักนำให้ต้องมาเจอเหตุการแบบนี้ และจะทำอย่างไรต่อไปดี? (ขอทำแบบไม่ต้องใช้เงินมากเพราะเงินไม่ค่อยจะมี)
ขอให้มองว่าวิบากที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คุณต้องเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นการรับเคราะห์ หรือกลายเป็นคนผิดทั้งที่ไม่ได้เจตนาทำผิด อีกประการหนึ่งคือคุณกับผู้ตายไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน เธอเอาตัวเองเข้ามาวางไว้ในตำแหน่งที่จะถูกยวดยานคันไหนชนก็ได้ ครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างเป็นตัวเลือกสุ่มของกันและกัน จึงไม่ใช่การผูกเวรแบบจำเพาะเจาะจง วิบากประเภทนี้เกิดจากกรรมประเภทหนึ่งที่สั่งสมมา หรือทบๆกันมาจากอดีต คือไปยัดเยียดความรู้สึกผิดและความเดือดร้อนให้คนอื่นโดยเขาไม่มีสิทธิ์ป้องกันตัว
กรรมของคุณเป็นผู้เลือกให้รถคุณเป็นอาวุธฆ่าตัวตายของเธอ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ทำกรรมทำนองนี้มา เพียงแต่วันเกิดเหตุนั้นถึงตาคุณกับเจ้าของรถอีกคัน ด้วยความประจวบเหมาะของตำแหน่งสถานที่ กำหนดเวลา และตัวบุคคล เช่นหากวันนั้นเธอไม่ถึงฆาต วิบากจะเลือกเจ้าของรถอื่นที่เห็นเธอก่อนและมีสิทธิ์เบรกทัน เป็นต้น
ส่วนที่ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ทางคดีโลกผมคงให้คำแนะนำไม่ได้ แต่สำหรับคดีธรรม ก็อยากให้คุณทำเป็นข้อๆดังนี้
๑) ตระหนักว่านี่ไม่ใช่บาปกรรมอันเป็นของใหม่ของคุณ เพราะฉะนั้นสบายใจเสีย อย่ารู้สึกผิด อย่าคิดมาก อย่ากลัดกลุ้มกังวลเฝ้าคอยนึกถึงภาพหลอนในวันนั้น
๒) ตระหนักว่าเป็นวิบากเก่ามาทวงหนี้ ขอให้ยอมรับด้วยหน้าชื่น ไม่คิดร้ายกับใครให้เกิดการผูกเวรกันต่อ การยอมเป็นผู้เสียหายที่ไม่ผูกเวรจะทำให้วงจรแห่งความเคราะห์ร้ายทำนองเดียวกันนี้หายไป หรือลดลงได้อย่างมาก
๓) ทำบุญในทุกๆทาง ทั้งกาย วาจา ใจ เช่นกำหนดว่าจะถือศีลรักษาสัตย์ อาจจะสักอาทิตย์หนึ่ง หรือจนกว่าจะรู้สึกสว่าง อบอุ่น มีจิตที่สะอาดปลอดโปร่ง แล้วตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่คุณได้ใช้เลือดเนื้อแห่งความเป็นมนุษย์สร้างศีลสร้างธรรมขึ้นมานั้นให้กับเธอ คือคุณสว่างอบอุ่นอย่างไร ขอให้เธอรู้สึกถึงความสว่างอบอุ่นอย่างนั้นด้วย กระแสจิตของคุณจะได้เบี่ยงเบนจากความกังวลรู้สึกผิดให้เป็นสบายใจยิ่งๆขึ้น
๔) สำรวจการกระทำของตนเองอย่างละเอียด เมื่อพบว่ากรรมใดของคุณมีเค้าของการยัดเยียดความรู้สึกผิดและความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็อธิษฐานไปเลยว่าจะงดเว้นกรรมนั้นๆอย่างเด็ดขาดเสีย หรือถ้าสำรวจไปแล้วไม่พบว่าชาตินี้คุณทำอะไรเช่นนั้นเลย ก็ขอให้ตั้งใจว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น