วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ความไม่สมปรารถนาในรัก เป็นกรรมชนิดใด


ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน การทำสมาธิจำเป็นเพียงใดต่อการบรรลุธรรม?
25 สิงหาคม 2561
ดังตฤณ: อันนี้เป็นคำถามสั้น แต่ต้องตอบกันยาว บางคนนี่มีเรื่องของกรรมเก่าอยู่จริงๆ คือ อาจจะเป็นประเภทชอบหักอกคนไว้เยอะ ในอดีตชาติ แล้วก็อาจเป็นผู้ชายที่หลงรูปตัวเอง สำคัญตัวเองผิด นึกว่าตัวเองนี่เป็นคาสโนว่า จะทำตัวเป็นนักรัก ให้คนอื่นเขารักได้ แต่ไม่ยอมให้ความรักกับคนอื่นเขาไว้ อะไรแบบนี้ เกิดใหม่ก็อาจไม่สมหวังในรักตั้งแต่เกิดจนตายได้เหมือนกัน คือถ้าทำอะไรมาทั้งชาติ ก็อาจถูกวางแผนไว้ให้เป็นไปตามนั้นทั้งชาติได้ อันนี้สำหรับบางคน ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้น อย่างเราเห็นด้วยตาเปล่านี่ น้อยคนนักที่จะเป็นนักรักประเภท ทำตัวลอยชายไปเรื่อย ให้คนอื่นเขารัก แต่ตัวเองไม่รักใคร ไม่เคยปักหลักรับผิดชอบใคร อะไรต่างๆ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นกันถึงห้าสิบ อย่างมากก็สิบ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ อะไรแบบนี้ ก็เลยเหมือนกับจะไม่ค่อยมีหรอกประเภท ตั้งแต่เกิดจนตายจะไม่ได้มีความรักกับใครเขาเลย
ทีนี้ถ้าเราไม่เอาคำตอบจากเรื่องบุญบาปเก่า เรามาดู เรามาพิจารณาได้ไหมว่า มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ใจของเรานี่ ทำตัวเป็นขั้วผลัก อยู่เรื่อย ไม่เคยเป็นขั้วดูด หรือว่าชีวิตทั้งชีวิตนี่เหมือนแท่งแม่เหล็กที่มีแต่จะผลักออก ไม่มีดูดเข้ามา ถ้าหากว่า เราค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ ทำความเข้าใจ โดยอาจจะมองจากคนอื่นก่อนก็ได้ว่า เอ๊ะ มีไหมบางคนที่เราเห็น แล้วรู้สึกว่า ไม่อยากสนิทชิดเชื้อมากเกินไป เราเห็นแล้วมีความรู้สึกว่าไม่อยากที่จะเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แล้ว บุคคลแบบนั้นนี่ ไม่ใช่แค่เรานะที่รู้สึก ทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดเลย เหมือนกับเป็นคนที่โดดเดี่ยว ไม่มีใครโคจรเข้าไป เข้าใกล้ชีวิตเขา ต้องอยู่เหงาๆ ทีนี้ถ้าเราเจอบุคคลตัวอย่างประเภทนี้ก็ให้สังเกตว่า มีคุณสมบัติอะไรบ้าง มีเหตุปัจจัยอะไรบ้าง
ยกตัวอย่างเช่น บางทีนี่ไม่ค่อยจะคิดอะไรเหมือนชาวบ้านเขา คือ แอบคิดอยู่คนเดียวข้างใน ไม่ได้ฟังคนอื่นเขาพูดอะไรแบบนี้ อันนี้แค่ตัวอย่าง ไม่ได้บอกว่า คนตั้งคำถามนี่เป็นแบบนี้นะ นี่ยกตัวอย่างเฉยๆ ว่า มีบุคคลบางประเภทที่กรรมปัจจุบันนี่แหละ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกทันทีที่เห็น ทันทีที่เจอ แล้วคนไม่นึกอยากเข้ามาใกล้ บางทีไม่ใช่การทำตัวภายนอก ไม่ใช่การทำหน้าทำตา แต่เป็นกระแสของจิตภายใน ถ้ามีโลกส่วนตัวมากเกินไป มีโลกส่วนตัวสูงเกินไปแล้วข้างนอกไม่ได้มีเสน่ห์มาก โลกส่วนตัวที่สูงเกินไปนั้น ก็อาจเป็นแรงผลักให้คนอื่นเขารู้สึกว่าเข้าไม่ถึง รู้สึกเหมือนนั่งใกล้ๆ แต่ว่าใจอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ อะไรแบบนี้ ก็เป็นเหตุได้เหมือนกัน
คืออย่าคิดถึงกรรมเก่าที่เรามองไม่เห็นอย่างเดียว ลองมองดูเหตุปัจจัยภายใน ใจของเรานี่ เราเปิดรับ หรือว่า มีความสามารถที่จะคอนเนค (connect) เชื่อมต่อกับคนรอบข้างแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศตรงข้าม คือบางทีนี่สิ่งที่เห็นได้ยากที่สุดก็คือตัวเราเอง แต่ถ้าเราสังเกตเอาจากคนที่เราคบ เราเจอ ที่เห็นได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ตามที่ทำงาน ตามโรงเรียน หรือว่า ตามที่สาธารณะก็ตาม เราจะค่อยๆ เก็บไว้เป็นจิ๊กซอว์ (Jigsaw) แล้วมาถามตัวเองว่า เออ ตรงนี้นี่เราเป็นแบบเขาหรือเปล่า จะค่อยๆ เห็นขึ้นมาทีละนิด ทีละหน่อย ทีละชิ้น ทีละอัน แล้วพอมองเห็นตัวเองได้นี่ว่า อ๋อ เราตั้งจิตไว้แบบนี้ ถึงไม่มีใครอยากจะเฉียดเข้ามาใกล้ หรือว่าได้เข้ามาอยู่กับเราจริงๆ
อย่างบางคนนี่นะ คือไม่ใช่ว่าไม่เอาใคร ตรงกันข้าม เอามากเกินไป คือแบบเหมือนกับพอรักใคร ชอบใครแล้วจะมีความกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะให้เขามาชอบหรือว่า อยากให้เขามาหลงนะ ความอยากจะรุกมากเกินไป กระแสที่รุก กระแสที่พยายามจะวิ่งไล่มากเกินไป ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากวิ่งหนี เคยไหม แบบอยากได้ใครมากเกินไป อยากรู้จักใคร คือ คุณอาจเป็นฝั่งรับน่ะ คือแบบว่ามีใครมาไล่ตามคุณ อย่างพวกเซลส์ พวกแจกใบปลิวตามห้างแบบนี้ ขนาดหน้าตาสวยๆ นะ ปกติคนจะวี้ดวิ้วใช่ไหม คนจะมอง แต่พอเอาใบปลิวมาแจกนี่ กลายเป็นเมินไปเลย กลายเป็นเดินหนี กลายเป็นแบบว่าหลีกไม่เอา เนี่ย
อันนี้คือพูดง่ายๆ เหตุปัจจัย ที่ทำให้ไม่ได้อยู่กับใคร หรือว่าไม่ได้เจอคนที่จะเข้ามาใกล้ชีวิตนี่ ไม่ใช่เรื่องของเก่าอย่างเดียว บางทีเรื่องของใหม่ก็อาจเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ซึ่งคือถามสั้นๆ แบบนี้ แล้วผมตอบกว้างๆ แบบนี้ อาจไม่มาลงที่ ไม่รวมลงเป็นคำตอบสำหรับคุณโดยเฉพาะนะ แต่จะบอกเท่านั้นว่าเหตุปัจจัยที่บางที ปรากฎอยู่โต้งๆ ตรงหน้านี่แหละ แต่เราไม่รู้ เพราะไม่เคยสังเกต แต่ถ้าเราลองสังเกตคนอื่นแล้วลองถามตัวเองง่ายๆ ถามเป็นจิ๊กซอว์ (Jigsaw) ทีละชิ้นๆ ว่า แบบนี้ เรามีส่วนเป็นแบบเขาหรือเปล่า จะค่อยๆ เข้าใจตัวเองเหมือนได้เห็นกระจกส่อง มากขึ้นๆ นะครับ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น