ถาม : ปกติไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไหร่ สมาธิจะเกิดขึ้นเวลาทำงานมากกว่า ช่วงที่มีสมาธิทำงาน หัวสมองมันโปร่ง ทำงานได้เร็ว มีประสิทธิภาพ รู้สึกเบา สบาย แล้วก็สามารถทำงานได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย แต่บางทีมันก็ไม่มีครับ อยากทราบว่ามีวิธีที่จะฝึกให้เกิดสภาวะนั้นบ่อยๆไหม เพราะรู้สึกว่ามันมีประสิทธิภาพมาก
รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/VzujgXbr3e0
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗
๙ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ:
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗
๙ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก
ดังตฤณ:
เอาที่เห็นนะ คือตอนที่เราทำได้เนี่ยเรารู้สึกมันสว่าง
มันเหมือนกับฉลาด มันเหมือนกับไหลลื่น ความคิดมันไม่ติดขัดอะไรอย่างนี้
เพราะว่าขึ้นต้นมาก่อนทำงานเนี่ยมันมีความพร้อม
มันเหมือนกับไม่มีเรื่องขัดแย้งในใจอยู่
อย่างเช่นนะครับว่า ไม่ได้ไปออกความเห็นถกเถียงกับใครมา ไม่ได้ เออ...มีความคิดว่า
เฮ้ย..เออ...มีอะไรติดตามอยู่ในเฟlไหมอยู่ในเน็ตไหมอะไรต่างๆ นะครับ มันมีแต่ใจที่พร้อมโฟกัส
แล้วก็เรื่องร่างกายนะครับ มันรู้สึกตอนนั้นแข็งแรง แต่พอรู้สึกเหมือนกับอะไรๆตีบตันไปหมดเนี่ย
เริ่มขึ้นมาจากอารมณ์โทสะในทางใดทางหนึ่ง อย่างเช่นเพิ่งไปออกความเห็นขัดแย้งกับเขาไปมา
หรือว่ามีความคิดติดวนอยู่ในหัวว่า เอ๊ะ...ว่าเราถูกหรือเราผิด เคยรู้สึกไหมเวลาที่ตรงมานั่งสำรวจว่า
เฮ้อ....ความคิดเราถูกหรือมันผิดเนี่ยมันจะติดไปหมดเลย
ผู้ถาม : มีครับ บางทีมันคิดทั้งวันเลย
ดังตฤณ:
เออ...ตัวเนี่ยแหละนะครับ แล้วก็อีกอันหนึ่ง คือ
อย่างกำลังคาใจอยู่กับ คือกำลังขัดแย้งอยู่ระหว่างอยากสนุกกับอยากทำงาน บางทีมันมาด้วยกัน
อยากบันเทิงด้วยนะครับ อยากจะกระจุ๋มกระจิ๋ม แต่ในขณะเดียวกันอยากจะซีเรียสกับงาน
บางทีความขัดแย้งที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่เหมือนติดขัดอยู่ข้างในที่เป็นจุดเริ่มต้นนั่นแหละ มันเป็นทั้งหมดที่ทำให้เราติดขัด คือพอเริ่มต้นนั่งทำงานด้วยอาการที่ไม่รู้ตัวว่ามีอะไรขัดแย้งสะสมอยู่บ้างเนี่ย มันยิ่งคิดมันยิ่งจะรู้สึกเหมือนกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี้ถ้าก่อนทำงานเราสำรวจ แล้วก็เออ...เห็นเสียได้ว่า ตอนนี้ ด้วยภาวะอารมณ์แบบนี้ ถ้าไม่ด้วยติดใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่าติดใจนะครับ ในเชิงแบบที่มันเป็นความยั่วยวนนะครับ แล้วก็ไม่ก็เป็นเรื่องติดค้างอยู่กับข้อถกเถียงหรือว่าเอาถูกเอาผิด เราจะรู้สึกถึงภาวะทางใจที่มันป่วนๆ อยู่ ที่มันอึดอัดอยู่ หรือว่ามันมีความไม่ลงตัว มันมีความรู้สึกไม่ชอบเป็นตัวตั้งต้น เนี่ยตัวนี้เราก็สังเกตว่าพอทำงานเนี่ยตัวนี้มันจะเป็นเหมือนกำแพง หรือเหมือนเครื่องกีดขวางไม่ให้หัวแล่นไม่ให้ใจเราเปิดนะครับ
บางทีความขัดแย้งที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่เหมือนติดขัดอยู่ข้างในที่เป็นจุดเริ่มต้นนั่นแหละ มันเป็นทั้งหมดที่ทำให้เราติดขัด คือพอเริ่มต้นนั่งทำงานด้วยอาการที่ไม่รู้ตัวว่ามีอะไรขัดแย้งสะสมอยู่บ้างเนี่ย มันยิ่งคิดมันยิ่งจะรู้สึกเหมือนกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี้ถ้าก่อนทำงานเราสำรวจ แล้วก็เออ...เห็นเสียได้ว่า ตอนนี้ ด้วยภาวะอารมณ์แบบนี้ ถ้าไม่ด้วยติดใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่าติดใจนะครับ ในเชิงแบบที่มันเป็นความยั่วยวนนะครับ แล้วก็ไม่ก็เป็นเรื่องติดค้างอยู่กับข้อถกเถียงหรือว่าเอาถูกเอาผิด เราจะรู้สึกถึงภาวะทางใจที่มันป่วนๆ อยู่ ที่มันอึดอัดอยู่ หรือว่ามันมีความไม่ลงตัว มันมีความรู้สึกไม่ชอบเป็นตัวตั้งต้น เนี่ยตัวนี้เราก็สังเกตว่าพอทำงานเนี่ยตัวนี้มันจะเป็นเหมือนกำแพง หรือเหมือนเครื่องกีดขวางไม่ให้หัวแล่นไม่ให้ใจเราเปิดนะครับ
สังเกตเป็นอาการทางใจไป อย่าไปอยากให้มันหายไป
หรือว่าอยากจะให้หัวโล่งแล้วก็ฉลาดอย่างเดียว เพราะอาการอยากนั่นเองบางทีมันเป็นตัวตั้งที่ทำให้ไม่เป็นอย่างนั้น
มันกลายเป็นตัวตั้งที่ทำให้เราติดอยู่กับอาการวกไปวนมา
เราจะเป็นคนที่รู้สึกดีถ้าไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอฟุ้งซ่านขึ้นมาปุ๊ป มันจะรู้สึกแย่ทันที เหมือนกับข้างในจะหาทางแก้อยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไงให้หายฟุ้งซ่าน เพียงแต่ว่ามันไม่มีความตอบที่เป็น ๑ ๒ ๓ นะครับ เราได้แต่แก้ความฟุ้งซ่านด้วยอาการตั้งอกตั้งใจทำงาน ซึ่งมันยิ่งฝืดขึ้นใหญ่ ตอนแรกมันฝีดอยู่แล้ว แล้วพอยิ่งฝืนทำงานมันก็ยิ่งฟุ้งซ่านหนักเข้าไป
พอเข้าใจกลไกการทำงานของจิตอย่างนี้ มันก็จะได้รู้จักยอมรับบ้าง ถึงแม้จะฟุ้งซ่าน ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดติดขัดยังไงก็แล้วแต่ ในอกมันจะตีกันอีรุงตุงนัง หรือว่าในหัวมันจะเอาถูกเอาผิดอะไรก็แล้วแต่ เรายอมรับสภาพว่านี้ มันกำลังปรากฎสภาวะอย่างนี้ แล้วเนี่ย..มันจะโล่ง คือเห็นไหมมันไม่ได้โล่งทั้งหมดทีเดียวนะ มันยังมีอะไรติดค้างอยู่นะ แต่อย่างน้อยใจมันเริ่มเปิด ด้วยอาการที่ใจมันเริ่มเปิดแล้ว ก็ไม่เค้น ไม่คาดคั้นกับตัวเองมากจนกระทั่งมันเป็นคลื่นรบกวนซะเองนะครับ มันจะเริ่มงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คือไม่ได้เริ่มทำงานด้วยโทสะ แต่เริ่มทำงานด้วยความรู้สึกที่ เออ...พร้อมจะยอมรับ
เราจะเป็นคนที่รู้สึกดีถ้าไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอฟุ้งซ่านขึ้นมาปุ๊ป มันจะรู้สึกแย่ทันที เหมือนกับข้างในจะหาทางแก้อยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไงให้หายฟุ้งซ่าน เพียงแต่ว่ามันไม่มีความตอบที่เป็น ๑ ๒ ๓ นะครับ เราได้แต่แก้ความฟุ้งซ่านด้วยอาการตั้งอกตั้งใจทำงาน ซึ่งมันยิ่งฝืดขึ้นใหญ่ ตอนแรกมันฝีดอยู่แล้ว แล้วพอยิ่งฝืนทำงานมันก็ยิ่งฟุ้งซ่านหนักเข้าไป
พอเข้าใจกลไกการทำงานของจิตอย่างนี้ มันก็จะได้รู้จักยอมรับบ้าง ถึงแม้จะฟุ้งซ่าน ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดติดขัดยังไงก็แล้วแต่ ในอกมันจะตีกันอีรุงตุงนัง หรือว่าในหัวมันจะเอาถูกเอาผิดอะไรก็แล้วแต่ เรายอมรับสภาพว่านี้ มันกำลังปรากฎสภาวะอย่างนี้ แล้วเนี่ย..มันจะโล่ง คือเห็นไหมมันไม่ได้โล่งทั้งหมดทีเดียวนะ มันยังมีอะไรติดค้างอยู่นะ แต่อย่างน้อยใจมันเริ่มเปิด ด้วยอาการที่ใจมันเริ่มเปิดแล้ว ก็ไม่เค้น ไม่คาดคั้นกับตัวเองมากจนกระทั่งมันเป็นคลื่นรบกวนซะเองนะครับ มันจะเริ่มงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คือไม่ได้เริ่มทำงานด้วยโทสะ แต่เริ่มทำงานด้วยความรู้สึกที่ เออ...พร้อมจะยอมรับ
สรุปง่ายๆ เป็นคำสั้นๆ ก็คือ
ถ้าเริ่มต้นทำงานด้วยโทสะ มันก็จะไปตามเส้นทางของความตีบตัน
แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการทำงานแบบยอมรับสภาพนะครับ มันจะค่อยๆ โล่ง มันอาจจะไม่โล่งทีเดียวตั้งแต่ต้น
แต่มันจะค่อยๆโล่งขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาตามนาทีที่ผ่านไปนะครับ
ผู้ถาม : ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น