วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อยากมีสมาธิจดจ่อกับงานแบบที่เคยทำได้

ถาม : ปกติไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไหร่ สมาธิจะเกิดขึ้นเวลาทำงานมากกว่า ช่วงที่มีสมาธิทำงาน หัวสมองมันโปร่ง ทำงานได้เร็ว มีประสิทธิภาพ รู้สึกเบา สบาย แล้วก็สามารถทำงานได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย แต่บางทีมันก็ไม่มีครับ  อยากทราบว่ามีวิธีที่จะฝึกให้เกิดสภาวะนั้นบ่อยๆไหม เพราะรู้สึกว่ามันมีประสิทธิภาพมาก

รับฟังทางยูทูบ:  https://youtu.be/VzujgXbr3e0 
ดังตฤณวิสัชนา๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ 
๙ กันยายน๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก 
 
ดังตฤณ:  
เอาที่เห็นนะ คือตอนที่เราทำได้เนี่ยเรารู้สึกมันสว่าง มันเหมือนกับฉลาด มันเหมือนกับไหลลื่น ความคิดมันไม่ติดขัดอะไรอย่างนี้ เพราะว่าขึ้นต้นมาก่อนทำงานเนี่ยมันมีความพร้อม มันเหมือนกับไม่มีเรื่องขัดแย้งในใจอยู่ 

อย่างเช่นนะครับว่า ไม่ได้ไปออกความเห็นถกเถียงกับใครมา ไม่ได้ เออ...มีความคิดว่า เฮ้ย..เออ...มีอะไรติดตามอยู่ในเฟlไหมอยู่ในเน็ตไหมอะไรต่างๆ นะครับ  มันมีแต่ใจที่พร้อมโฟกัส 

แล้วก็เรื่องร่างกายนะครับ มันรู้สึกตอนนั้นแข็งแรง   แต่พอรู้สึกเหมือนกับอะไรๆตีบตันไปหมดเนี่ย เริ่มขึ้นมาจากอารมณ์โทสะในทางใดทางหนึ่ง อย่างเช่นเพิ่งไปออกความเห็นขัดแย้งกับเขาไปมา หรือว่ามีความคิดติดวนอยู่ในหัวว่า  เอ๊ะ...ว่าเราถูกหรือเราผิด เคยรู้สึกไหมเวลาที่ตรงมานั่งสำรวจว่า เฮ้อ....ความคิดเราถูกหรือมันผิดเนี่ยมันจะติดไปหมดเลย   

ผู้ถาม :มีครับ บางทีมันคิดทั้งวันเลย 

ดังตฤณ:  
เออ...ตัวเนี่ยแหละนะครับ แล้วก็อีกอันหนึ่ง คือ อย่างกำลังคาใจอยู่กับ คือกำลังขัดแย้งอยู่ระหว่างอยากสนุกกับอยากทำงาน  บางทีมันมาด้วยกัน อยากบันเทิงด้วยนะครับ อยากจะกระจุ๋มกระจิ๋ม แต่ในขณะเดียวกันอยากจะซีเรียสกับงาน

บางทีความขัดแย้งที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่เหมือนติดขัดอยู่ข้างในที่เป็นจุดเริ่มต้นนั่นแหละ มันเป็นทั้งหมดที่ทำให้เราติดขัด  คือพอเริ่มต้นนั่งทำงานด้วยอาการที่ไม่รู้ตัวว่ามีอะไรขัดแย้งสะสมอยู่บ้างเนี่ย มันยิ่งคิดมันยิ่งจะรู้สึกเหมือนกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี้ถ้าก่อนทำงานเราสำรวจ แล้วก็เออ...เห็นเสียได้ว่า ตอนนี้ ด้วยภาวะอารมณ์แบบนี้ ถ้าไม่ด้วยติดใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่าติดใจนะครับ  ในเชิงแบบที่มันเป็นความยั่วยวนนะครับ  แล้วก็ไม่ก็เป็นเรื่องติดค้างอยู่กับข้อถกเถียงหรือว่าเอาถูกเอาผิด เราจะรู้สึกถึงภาวะทางใจที่มันป่วนๆ อยู่ ที่มันอึดอัดอยู่ หรือว่ามันมีความไม่ลงตัว มันมีความรู้สึกไม่ชอบเป็นตัวตั้งต้น เนี่ยตัวนี้เราก็สังเกตว่าพอทำงานเนี่ยตัวนี้มันจะเป็นเหมือนกำแพง หรือเหมือนเครื่องกีดขวางไม่ให้หัวแล่นไม่ให้ใจเราเปิดนะครับ 

สังเกตเป็นอาการทางใจไป อย่าไปอยากให้มันหายไป หรือว่าอยากจะให้หัวโล่งแล้วก็ฉลาดอย่างเดียว  เพราะอาการอยากนั่นเองบางทีมันเป็นตัวตั้งที่ทำให้ไม่เป็นอย่างนั้น มันกลายเป็นตัวตั้งที่ทำให้เราติดอยู่กับอาการวกไปวนมา 

เราจะเป็นคนที่รู้สึกดีถ้าไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอฟุ้งซ่านขึ้นมาปุ๊ป มันจะรู้สึกแย่ทันที  เหมือนกับข้างในจะหาทางแก้อยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไงให้หายฟุ้งซ่าน  เพียงแต่ว่ามันไม่มีความตอบที่เป็น ๑ ๒ ๓ นะครับ เราได้แต่แก้ความฟุ้งซ่านด้วยอาการตั้งอกตั้งใจทำงาน ซึ่งมันยิ่งฝืดขึ้นใหญ่  ตอนแรกมันฝีดอยู่แล้ว แล้วพอยิ่งฝืนทำงานมันก็ยิ่งฟุ้งซ่านหนักเข้าไป 

พอเข้าใจกลไกการทำงานของจิตอย่างนี้ มันก็จะได้รู้จักยอมรับบ้าง ถึงแม้จะฟุ้งซ่าน ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดติดขัดยังไงก็แล้วแต่ ในอกมันจะตีกันอีรุงตุงนัง หรือว่าในหัวมันจะเอาถูกเอาผิดอะไรก็แล้วแต่  เรายอมรับสภาพว่านี้ มันกำลังปรากฎสภาวะอย่างนี้ แล้วเนี่ย..มันจะโล่ง คือเห็นไหมมันไม่ได้โล่งทั้งหมดทีเดียวนะ มันยังมีอะไรติดค้างอยู่นะ  แต่อย่างน้อยใจมันเริ่มเปิด ด้วยอาการที่ใจมันเริ่มเปิดแล้ว ก็ไม่เค้น ไม่คาดคั้นกับตัวเองมากจนกระทั่งมันเป็นคลื่นรบกวนซะเองนะครับ มันจะเริ่มงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คือไม่ได้เริ่มทำงานด้วยโทสะ แต่เริ่มทำงานด้วยความรู้สึกที่ เออ...พร้อมจะยอมรับ   

สรุปง่ายๆ เป็นคำสั้นๆ ก็คือ ถ้าเริ่มต้นทำงานด้วยโทสะ มันก็จะไปตามเส้นทางของความตีบตัน แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการทำงานแบบยอมรับสภาพนะครับ มันจะค่อยๆ โล่ง  มันอาจจะไม่โล่งทีเดียวตั้งแต่ต้น แต่มันจะค่อยๆโล่งขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาตามนาทีที่ผ่านไปนะครับ 

ผู้ถาม :ขอบคุณครับ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น