EP133 | จันทร์ 9 พฤษภาคม 2565
เกริ่นนำ -
เจริญสติเอาชนะอารมณ์ลบ
พี่ตุลย์ : ถึงแม้ว่าจะยังเทียบธาตุเทียบขันธ์ไม่ได้
ถึงแม้ว่า จะยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองก้าวหน้าไปถึงไหน
แต่ขอแค่หลับตาเดินจงกรมได้
คือเดินได้ ด้วยความรู้สึกว่า
เท้ากระทบอยู่ในใจของเรา
แล้วก็กลับตัวได้ แบบไม่ต้องชนโน่นชนนี่
(หรือ) เดินบนเสื่อโยคะสั้น ๆ
แค่นี้
ก็จะรู้สึกเข้ามาในกายได้ชัดกว่าเดิมมากขึ้น
แล้วส่งผลพลอยได้ไปอยู่ระหว่างวัน
ให้รู้สึกถึงกายได้มากขึ้นด้วย
เพียงเท่านั้น ก็สามารถจะเอาชนะอารมณ์ลบได้หลายหลากครับ
เช่น อารมณ์คิดมาก
อารมณ์เคร่งเครียดที่สูญเปล่า
หรือว่าอารมณ์น้อยใจ
สงสารตัวเองอะไรจําพวกนี้
ดูง่ายๆ
ถ้ารู้สึกเข้ามาที่กาย แบบเป็นอัตโนมัติ
ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องพยายามฝืน
ไม่ต้องพยายามที่จะระลึกนึกถึงมากนี่ +อยู่ๆ ปรากฏขึ้นมาเอง ระหว่างวัน
อารมณ์ลบต่างๆ
จะปรากฏชัด
เริ่มต้นเค้าราง ตั้งแต่จุดต่างๆ
ของร่างกายนั่นแหละ
ยกตัวอย่าง ถ้าหากว่ามีอารมณ์สงสารตัวเอง
ซึ่งคนนี่เป็นกันเยอะ
ไม่จํากัดว่าจะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น
แม้แต่ผู้ชายตัวโตๆ
ก็สงสารตัวเองเป็น
แล้วเดี๋ยวนี้ ก็สงสารตัวเองเก่งกันถ้วนหน้าด้วย
พอทุกข์นิด ทุกข์หน่อย
หรือว่าต้องลําบากกว่าคนอื่น
ที่ตัวเองมองเห็นด้วยตาเปล่า
ก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับ
เออ.. ทําไมเราต้องมาเป็นแบบนี้
แล้วจิตก็จะแคบเข้ามา
แต่เริ่มต้น คนจะมองจิตตัวเองกันไม่ออกหรอก
แต่ว่าจะสามารถรู้สึกได้ว่า
เกิดอาการจุก เกิดอาการแน่น ตัวงอ
ลักษณะของกาย ที่กําลังปรากฏอยู่
ณ ขณะที่เกิดอารมณ์น้อยใจ
เกิดอารมณ์สงสารตัวเองนี่ สังเกตได้ง่าย
จะมากับลมหายใจที่ห้วนสั้น
มากับอาการที่หงอย ๆ
ร่างกาย อยากจะถูกกดลงต่ำ
ไม่ใช่เหมือนกับพร้อมจะเงยหน้าขึ้นสูง อะไรแบบนี้
ถ้าแค่เห็นอาการทางกาย
แล้วระลึกได้ว่า
จิตแบบนี้เป็นจิตที่คับแคบ
ไม่เหมือนตอนที่แผ่กว้าง ๆ ในขณะเดินจงกรม
แบบนี้ ก็เกิดสติ แบบที่จะช่วยให้เรา
พ้นจากอารมณ์จมน้ำ
อารมณ์สงสารตัวเอง
อารมณ์คิดมาก อารมณ์ฟุ้งซ่าน
อารมณ์อะไรก็แล้วแต่
ที่เป็นอารมณ์ลบ
สามารถสังเกตได้ จากจุดใดจุดหนึ่งของร่างกายเป็นตัวตั้ง
แล้วก็มาถึงการปรุงแต่งจิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ถ้าใครเดินจงกรมหลับตา
แล้วมีความรู้สึกถึงเท้ากระทบได้ต่อเนื่อง
จิตเปิดแผ่ออกมาได้บ้าง
แล้วทําทุกวัน ก็เหมือนกับมีทุน
มีตัวตั้งอยู่ในเรา
ให้เปรียบเทียบได้ว่า
อารมณ์ที่ผิดปกติไปกว่านั้น
จิตที่คับแคบไปกว่านั้น
แตกต่างไปอย่างไร
แต่ถ้าหากว่าไม่มีตัวจิตเปิด
เป็นตัวเปรียบเทียบ
เป็นเครื่องชี้ว่า
อันนี้แตกต่างไปแล้ว
อย่างนั้นก็อาจจะดูยากหน่อย
ซึ่งอันนั้นแหละ คือวิสัยของคนธรรมดาทั่วไป
ถ้าหากว่าเกิดอารมณ์ลบ
ก็มักจะติดอยู่ในอารมณ์ลบ
แล้วก็ทางออกได้ยาก
อันนี้ คือข้อได้เปรียบแล้วนะ
สําหรับคนที่เดินจงกรมหลับตาเป็น
เพราะฉะนั้น ถ้าแค่รู้เท้ากระทบ
ใจเปิดแผ่ มีความสว่าง
มีความสบายได้นี่ ขอให้ถือว่ามีทุนแล้ว
ยังไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนที่ก้าวหน้า
แล้วเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า
เทียบเขาเทียบเรา
แล้วเรายังต่ำชั้นกว่า
เรายังสู้ไม่ได้
หรือว่าเรายังไปไม่ถึง
ต้องก้าวอีกไกล อะไรแบบนั้น
มองข้อดี
อย่าไปมองที่เรารู้สึกว่า ยังต้องดีกว่านี้อีกแค่ไหน
----------------------
ปิดท้าย
พี่ตุลย์ : สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเราบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
จะเริ่มไม่อยู่ในความจดจํา
หรือว่าการรับรู้มากขึ้น
คนที่อยู่ในห้องนี้
วิถีชีวิตไม่ใช่เป็นแบบคนทั่วไป
ที่บอกว่า เออ รอนะ
เมื่อไหร่ดวงชะตาจะดีขึ้น
รอนะ เมื่อไหร่ราชรถจะมาเกย
รอนะ เมื่อไหร่ส้มจะหล่นลงมาจากฟ้าตูม
กลายเป็นระเบิดลงมา
กลายเป็นเงินสิบล้านร้อยล้าน
รอแบบนั้น เป็นการรอที่สูญเปล่าไปชาติหนึ่ง
บางคน อาจได้ แต่ว่าเป็นหนึ่งในล้าน
หรือว่าหนึ่งในหมื่น หนึ่งในแสน
แล้วจะมีประโยชน์อะไร
ถ้าเราจะต้องเอาตัวไปเสี่ยง
เป็นหนึ่งในหมื่น หนึ่งในแสน
หนึ่งในล้านที่จะได้ส้มหล่น
แต่ว่าการที่พวกเราอยู่ด้วยกันทุกวัน
แล้วก็ทําอะไรดีๆ ให้คืบหน้าไปด้วยกันทุกวัน
อันนี้แหละ
ที่ไม่ใช่การรอคอย
แต่เป็นการสร้างเอากับมือ
สร้างเอาจากน้ำพักน้ำแรงจาก
ลําแข้งของตัวเองที่เคลื่อนหน้าไป
เป็น ลําแข้งทางจิต
แล้วก็ ลําแข้งทางกาย ที่เดินจงกรมของจริงด้วย
ถ้าหากว่าเราบอกตัวเองว่า
แต่ละวันเราไม่ได้รอคอย
แต่เราสร้างเองมากขึ้นๆ
ไปเรื่อยๆ
อย่างที่เห็นอยู่ในห้องนี้
หลายคนจากเดิมที่เหมือนกับง่อยเปลี้ย
กลายเป็นคนที่เข้มแข็ง
ราวกับจะแบกอุ้มคนได้เป็นสิบขึ้นมาพร้อมกัน
อันนี้แหละครับ เรียกว่าความก้าวหน้า
ที่ไม่ได้มาลอยมาจากฟ้า
.. เราเดินไปหาเอง
ก็อนุโมทนากับทุกท่านสวัสดีครับ
_______________
วิปัสสนานุบาล EP133 | จันทร์ 9 พฤษภาคม 2565
เกริ่นนำ -
เจริญสติเอาชนะอารมณ์ลบ
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิปเต็ม : https://www.youtube.com/watch?v=y9pHAljvQv8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น