ดังตฤณ :
ง่ายๆเลยนะ
อย่างถ้าใครที่ขี้เกียจไม่สามารถที่จะเอาชนะกิเลส
ไม่สามารถจะต่อสู้กับแรงดึงดูดของที่นอนได้ อยากตื่นมาตีห้ามาสวดมนต์
หรือว่ามาทำสมาธิ หรืออยากจะมาใส่บาตร หรืออยากจะมาทำอะไร พูดง่ายๆว่าขอให้ตัวเองเนี่ยตื่นตีห้า
หรือว่าตีสี่
อย่างบางคนต้องตื่นตีห้าอยู่แล้ว
เพราะว่าสภาพการจราจรในปัจจุบันมันบังคับ
แต่บางคนเนี่ยคืออยากจะได้เวลาในชีวิตของตัวเองเพิ่มขึ้นนิดนึง ๑๕ นาทีก็ยังดี
หรือครึ่งชั่วโมงก็วิเศษเลย ซึ่งไปหาจากช่วงอื่นของวันไม่ได้
ต้องอาศัยช่วงเช้านั่นแหละ ก่อนจะออกจากบ้านไปทำงาน
ก็อาศัยช่วงตื่นนอนนั่นแหละเป็นตัวเพิ่มเวลา
ซึ่งถ้าหากว่าลุกได้ก่อนหน้าที่เราจะถึงเวลาตื่นจริงๆเพื่อไปทำงาน สักชั่วโมงนึง สักครึ่งชั่วโมงเนี่ยนั่นแปลว่า
ชีวิตของคุณมีเวลาเพิ่มขึ้นวันละ ๑ ชั่วโมง วันละครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ
แต่พอแพ้
มันมีความรู้สึกว่าเวลาช่วงนี้มันไม่จำเป็นต้องตื่น ที่มีความปราถนาพิเศษอยากจะได้เวลาในชีวิตเพิ่มมาซักครึ่งชั่วโมงเนี่ย
มันไม่ใช่ไฟล์ทบังคับ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องทำ คือไม่ทำก็ไม่อดตาย
ไม่ทำก็ไม่มีใครเดือนร้อน มันก็เลยมีข้ออ้างว่า เออขอนอนต่อหน่อย อย่าทำตามความตั้งใจเลย
อันนี้เรียกว่า เป็นผู้ไม่มีอธิษฐานบารมี
อธิษฐาน
แปลว่า ตั้งใจมั่นที่จะทำอะไรให้สำเร็จ
ถ้าตั้งใจทำอะไรดีๆแล้วทำไม่สำเร็จบ่อยๆเข้ามันกลายเป็นความอ่อนแอทางใจ
จิตใจของคนอ่อนแอเนี่ยเหมือนกับพอคิดอยากจะทำอะไรมันคิดแบบลมๆแล้งๆ
คิดแบบไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย นี่คือความเหลาะแหละโลเล
แล้วก็กลายเป็นความรู้สึกว่า เราไม่สามารถเชื่อใจตัวเองได้
เราไม่สามารถที่จะไปบอกใครได้ว่า เราเนี่ยมีความมั่นใจอะไรในตัวเองอยู่บ้าง
ทีนี้ถ้าเราจะสร้างอธิษฐานบารมีก็คือ
ตั้งใจมั่นว่า เนี่ยถ้ามันเป็นเรื่องดีนะ เราจะต้องทำให้ได้ ไม่มีการมาแบบว่าแพ้แรงดึงดูดโลก
หรือว่าแพ้อ้อมกอดของที่นอน หรือว่าแพ้กลิ่นหมอน กลิ่นอะไรที่มันยังน่าติดใจ
อยากจะซุกหน้าเข้าไปดมดอมหอมมันไม่เลิกอะไรแบบนี้เนี่ยนะครับ
เอาความสามารถที่จะเชื่อใจตัวเองได้ นี่ตัวนี้เรียกว่ามีบารมีแล้ว
คือถ้าตั้งใจทำอะไรดีๆแล้วเชื่อใจตัวเลยนะว่าเราต้องทำได้แน่ๆชัวร์ ๑๐๐
เปอร์เซ็นต์ หรือถ้ามันจะได้แค่ ๙๘ เปอร์เซ็นต์ อีก ๒ เปอร์เซ็นต์ที่แหว่งไปเนี่ย
มันเพราะเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ใจของเรายอมแพ้ต่อกิเลส นี่แหละเรียกว่ามีบารมีนะครับ
คนที่มีอธิษฐานบารมีมากๆ
มันมีพลังมหัศจรรย์อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตให้เห็นเลยนะ คนอื่นเนี่ยมองมาแล้ว
โอ้โหนี่ทำได้ยังไง บางคนเนี่ยแค่ตั้งใจว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จ
คนอื่นทำไม่สำเร็จเลย แต่งานนี้คนนี้ทำได้ เพราะอะไร เพราะว่ามันสะสมมา ไม่ใช่อยู่ๆวันแรกแล้วสามารถที่จะทำปาฏิหาร์อะไรชนิดที่คนอื่นต้องลืมตาค้างเนี่ย
มันไม่ได้นะครับ มันต้องอาศัยการสะสมมา
คนที่มีอธิษฐานบารมีมากๆ
บางทีงานยากที่ดูเหมือนกับไม่น่าจะทำไหว แต่พอตั้งใจมันก็ทำได้ขึ้นมา
นี่เพราะว่าทำสำเร็จมาก่อนมันเลยเชื่อใจตัวเอง
มันเลยเกิดความมั่นใจมีพลังพิเศษอะไรบางอย่างที่บอกตัวเองว่า เนี่ยฉันทำได้
ยกตัวอย่างเช่น
พระพุทธเจ้าท่านมีอธิษฐานบารมาเต็มเปี่ยม
คืนวันที่พระองค์จะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์องค์แรกของโลก
ท่านก็อธิษฐานว่า
ถ้านั่งสมาธิคราวนี้แล้วไม่สำเร็จพระโพธิญาณไม่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
ท่านจะยอมตาย ยอมให้เลือดเนื้อเหือดแห้งไปเลย
เพราะว่า
๖ พรรษา ๖ ปี ที่พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญทุกรกิริยามาเนี่ย
นานพอที่พระองค์จะรู้ใจตัวเองนะครับว่า ทำได้แน่ๆนะครับ คือยอมตาย ไม่ลุกจากที่นั่งจนกว่าจะได้สำเร็จ
เพราะตอนนั้นบวกกับที่พระองค์เชื่อมั่นจากสัญชาตญาณของคนเป็นพระพุทธเจ้าจะรู้ว่าตัวเองเริ่มมาถูกทางแล้ว
๖ ปีที่ผ่านมาๆผิดเลยไม่ได้ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าเค้าแล้วว่า ต้องใช้ทางสายกลาง
ไม่ทุกข์ขนาดที่ว่าจะทำร้ายร่างกายตัวเอง แล้วก็ไม่สุขขนาดที่จะมาเสพกามแบบชาวโลก
แต่ต้องเป็นกลางๆ โดยอาศัยสมาธิที่มีความเบา ที่มีความปลอดโปร่ง
ที่มีความสบายทั้งกายแล้วก็ใจนะครับ
พอมันห่างจากกิเลสมาก็สามารถที่จะเห็นแจ้งแทงสัจธรรมได้
แล้วก็สามารถที่จะเห็นประตูที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้
อันนี้เป็นความมั่นใจของพระพุทธองค์ ซึ่งท่านสั่งสมบารมีมา ๔๐๐,๐๐๐ อสงไขยมหากัป
เพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ คือเป็นผู้อาศัยปัญญาในการแทงทะลุหนทางที่จะเข้าสู่พระนิพพาน
-----------------------------------------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๒๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม อธิษฐานอย่างไรถึงจะเป็นอธิษฐานบารมีคะ?
ระยะเวลาคลิป ๗.๒๘ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=XxLZ2CDhwb0&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=25** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น