วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

๑.๕ จิตร้องเพลงตลอดเวลา

คำถาม: อยากรู้ว่าเวลาทำสมาธิหรือจะนอน หรืออยู่เฉยๆ จะรู้สึกว่าจิตเราร้องเพลงหรือมีเพลงเป็น background ตลอดเวลามันซ้อนกันอยู่กับการกระทำทุกอย่างมันเป็นยังไงครับ? และทำยังไงดีครับ?


ดังตฤณ: 
นี่พอดีเลยนะ ผมกำลังจะมีซักวันนึง ไม่แน่ว่าจะเป็นอาทิตย์หน้าหรือเปล่าจะมีสาธิต เพราะคำถามทำนองนี้มีเกิดขึ้นบ่อยมากในหมู่คนที่อยากเจริญสติในเมือง ชอบมีเสียงในหัว ชอบมีเพลงนู้นเพลงนี้ บางทีมีเพลงที่ไม่ชอบด้วยนะ ถ้าเป็นเพลงที่ชอบก็ว่าไปอย่าง แต่บางเพลงนี่ไม่ชอบเลย แล้วก็ด่าเขาด้วยได้ยินจากรถไฟฟ้าบ้าง หรือได้ยินจากรถเมล์บ้าง หรือว่าใครเขาเปิดเสร็จแล้วก็ ไอ้ความไม่ชอบนั่นแหละมันฝังใจกลายเป็นว่ามีเสียงเพลงที่เราไม่ชอบ replay อยู่ในหัวตลอดเวลาจนกระทั่งเกิดความอึดอัด แม้กระทั่งคนที่ชอบฟังเพลงบางทีก็มีนะ ประมาณนี้แหละว่า เอ๊ะ ไอ้เพลงที่เราชอบก็ไม่ยักกับมาเปิดในหัว แต่ไปเปิดเพลงที่มันแย่ๆ เหมือนกับยังกับว่าเอาสังกะสีนี่มาเสียดกันอยู่ในหัวนะ มันรู้สึกทรมานใจ มันรู้สึกไม่ชอบใจเลยว่าเสียงนี้มันเข้ามาอยู่ในหัวแล้วแกะไม่ออก

วิธีง่ายๆ คำตอบนะ เราต้องทำความเข้าใจก่อน ทางธรรมชาติของจิตนี่ มีการอธิบายไว้ว่าก่อนที่เกิดความจำได้ มันมีความรู้สึกนำมาก่อน อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ บางทีเราไม่ได้ชอบ เราเกลียดด้วยซ้ำ บางเพลงนี่ แต่ไอ้ความเกลียดนั้นน่ะ ความรู้สึกแบบนั้นน่ะ มันเป็นทุกข์ มันเป็นทุกข์มาก มันเป็นทุกข์ที่ชัดเจนมาก ยิ่งความรู้สึกเป็นทุกข์หรือเป็นสุขชัดเจนเท่าไหร่ นั่นแหละเป็นหัวขบวนนำความทรงจำที่จะปักเข้ามาในจิตนะครับ อย่างบางเพลง บางทีเราไม่ได้ชอบมาก หรือรู้สึกว่าไม่ได้ชอบมาก หรือเกลียดชังอะไร เฉยๆ แต่ว่ามันมีความรู้สึกที่ชัดเจน มันมีความรู้สึกที่เด่นขึ้นมา บางเพลงอาจแหวกแนว บางเพลงอาจจะ เราไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่ามันไปเตือนให้เรานึกถึงเพลงที่เราเคยฟังตั้งแต่ครั้งเด็กๆ หรือว่า ครั้งที่แรกรัก หรือว่ากำลังตกหลุมรักใครอะไรต่างๆ นี่นะ จะเป็นความรู้สึกอะไรก็แล้วแต่ขอเพียงว่ามันมีความทุกข์ความสุขแจ่มชัดมากพอ มันจะเป็นหัวขบวนนำ ความทรงจำนั้นมาปักเข้าไปในใจเรา นี่เรียกว่าอธิบายตามหลักของขันธ์ห้า 

วิธีที่จะแก้นี่ ถ้าอยากจะถอนไอ้เสียงเหล่านั้นออกจากหัว ประการแรกเลยเราต้องเข้าใจว่า ถ้าเรายิ่งอยากจะถอนมากเท่าไหร่ มันยิ่งมีความรู้สึกทรมาน ไอ้ความรู้สึกทรมานนั่นแหละ จะไปตอกย้ำเอาความจำให้ปักลึกแน่นขึ้นไปอีก นี่ไม่ใช่กรณีเฉพาะของเสียงเพลงนะ ในทุกเรื่องทุกราวเลย จะเป็นความรัก จะเป็นความจำที่เศร้าโศกทั้งหลายแหล่ที่บรรดามีในโลกนี้ ถ้าเรายิ่งอยากจะให้มันถอนออกไปยิ่งไปสร้างความทรมานใจให้ตัวเอง ไอ้ความทรมานใจนั่นแหละ คือความทุกข์ที่ชัดเจนมากและมันก็จะยิ่งย้ำ ตอกย้ำเข้าไปใหญ่ว่า เออ ไอ้สิ่งที่เราจำนั่นน่ะ มันเหมือนกับยิ่งปรากฎชัดมากขึ้นๆๆ พูดง่ายๆ ว่าไปให้อาหารหล่อเลี้ยงมันนั่นแหละ 

ทางที่ถูกต้องนะครับ ต้องยอมรับความจริงในแต่ละขณะว่ามันเกิดขึ้นอีกแล้วในหัวเรา อย่าไปพยายามที่จะผลักไส หรือว่าอยากจะให้มันหายไปชั่วนิจนิรันดร์ เพราะไอ้ความอยากแบบนั้นมันจะยิ่งย้ำเข้า ถ้าหากว่าแต่ละครั้งที่เสียงในหัว เสียงเพลงในหัวเกิดขึ้น แล้วคุณยอมรับตามความจริงว่า เอาอีกแล้ว มันเกิดขึ้นอีกแล้ว แล้วคุณก็ไม่พยายามผลักไสมันด้วย สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อมาก็คือความสามารถรับรู้ตามจริงว่าเสียงเพลงมันอยู่ได้เดี๋ยวเดียว แป๊บนึงเดี๋ยวมันก็หายไป 

ครั้งแรกที่คุณทำได้ คุณจะมีความรู้สึกว่า เออ ดีแฮะ ไม่ต้องพยายามอะไรนี่ ไม่เห็นต้องทรมานอะไรมากเหมือนกับตอนที่เราพยายามอยากให้มันหายไปเลย แต่ถ้าหากว่าคุณสามารถจดจำวิธีการตรงนี้ จำลักษณะจิตใจที่รู้เฉยๆๆ ได้ไม่ไปพยายามยุ่งเกี่ยว ไม่พยายามไปผลักไส ไม่ไปพยายามหล่อเลี้ยง ไม่ไปพยายามด่ามันหรือว่าอะไร ก็แล้วแต่ที่จะทำให้มันเกิดอาการตอกย้ำนั้น ในที่สุดแล้วนี่ พอทำบ่อยๆ เข้าครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 คุณจะมีความรู้สึกว่าจิตนี่มันมีแต่อาการรับรู้ มันไม่มีอาการที่จะอยากให้มันหายไปหรือว่ามีความรู้สึกแย่ๆ ใดๆ ขึ้นมาเลยมันมีแต่ความรู้สึกว่างเปล่า ว่างเปล่ากับไอ้สิ่งที่เราไม่ชอบนั่นแหล่ะเมื่อว่างเปล่ากับสิ่งที่เราไม่ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ความว่างนั้นจะมาแทนสียงเพลงไปเองเพราะว่าทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น มันจะนำความว่าง ความรู้สึกว่าว่าง มาสู่ใจเรา ไม่ใช่นำความรู้สึกแย่ๆ มาสู่ใจเรานะครับ

หรือถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่คุณรู้สึกเฉยๆ ตั้งแต่แรกก็ตามแต่ติดรำคาญหน่อยๆ คุณก็จะรู้สึกว่าความรำคาญนั้นมันพลอยถูกรู้ไปด้วยนะ ถูกรู้ว่า เออ ถ้ามีความรำคาญแล้วเรายอมรับตามจริงว่ามันเกิดความรำคาญขึ้นมา ไม่เห็นต้องทำอะไรไปมากกว่ายอมรับตามจริง อาการยอมรับตามจริงนั้นจะเป็นความสามารถที่จะเห็นว่าความรำคาญมันอยู่ได้ไม่นานเดี๋ยวมันก็หายไปนะครับ ไม่แตกต่างอะไรจากลมหายใจที่เดี๋ยวต้องเข้ามาเดี๋ยวต้องออกไป นี่แหละ แล้วคุณก็สามารถที่จะไปสังเกตต่อได้ด้วยว่า หลังจากที่อารมณ์แย่ๆ อารมณ์มันเป็นลบ อารมณ์ที่เป็นลบ หรือเสียงเพลงที่คุณไม่ชอบมันหายไปจากหัว มันมีแต่ความรู้ มันมีแต่ความว่าง มันมีแต่สติปรากฎอยู่นะครับ แล้วสตินั้นน่ะ ลองเอาไปใช้รู้ลมหายใจดูนะครับว่าไม่แตกต่างจากเสียงเพลงนะครับที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แล้วก็ไม่แตกต่างจากสรรพสิ่งทั้งหลายภายนอกที่เกิดขึ้น แล้วก็ต้องดับลงเป็นธรรมดา เอาละครับคืนนี้คงต้องร่ำลากันเท่านี้ครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ



รับฟังไฟล์เสียงที่: http://youtu.be/UCU8ntlm-8c

❋────────────────────❋



กลับไปหน้าคำถามวันที่ออกอากาศ http://bit.ly/19AOFeF
สารบัญเรียงตามครั้งที่ออกอากาศ  http://bit.ly/15FWLjj
สารบัญหมวด                          http://bit.ly/14wgP50

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น