วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

วิตกกังวลเมื่อต้องวางแผนอนาคต

ถาม : มักวิตกกังวลเมื่อต้องวางแผนงานในอนาคต ฝึกเจริญสติอย่างไรจึงจะทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดีขึ้น?

รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/nqhXhuFAznI
ดังตฤณวิสัชนา ๒๕๕๖ การเจริญสติในชีวิตประจำวัน
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่ณัฐชญาคลินิก 


ผู้ถาม : สวัสดีครับ ไม่ได้มีคำถามอะไรเป็นพิเศษครับ ไม่ได้เจออาจารย์ ไม่ได้ถามนาน แต่ก็ยังทำเรื่อยๆ มา จะขอคำแนะนำว่า ผมทำมาถูกทางแล้วหรือยัง แล้วก็จะทำยังไงต่อครับ

ดังตฤณ:
จิตของเราดีขึ้นนะ สังเกตอย่างนึงไหม คือ พอเราปลดเปลื้องภาระให้คนอื่นได้ หรือช่วยคนอื่นได้เนี่ย เราจะรู้สึกเหมือนโล่ง เหมือนกับ ภาระหรืออะไรบางอย่างที่เราแบกไว้เนี่ยมันพลอยหายไปด้วย ทีละน้อยนะ ทีละครั้งทีละหน แล้วก็ดูอารมณ์แบบนั้นไปว่า บางครั้งเนี่ยความเปลี่ยนแปลงทางจิตมันเกิดขึ้นจากกรรม

เราช่วยคนอื่น มันก็เหมือนกับช่วยตัวเองน่ะแหละ เราปลดเปลื้องภาระให้คนอื่น มันก็เหมือนปลดเปลื้องภาระให้ตัวเองนะ

เราก็ดูไปว่า เวลาที่ใจเรา คือใจข้างในเนี่ย มันเหมือนโปรงโล่งพอสมควรนะ แต่ว่ายังมีอะไรครอบอยู่ ครอบอยู่บางๆ แต่ก่อนเนี่ย ความรู้สึกของเรามันจะเหมือนกับติดอยู่ในกรงขัง แน่นหนา แต่ตอนนี้ คล้ายๆ จะเป็นอิสระแล้ว เกือบแล้ว แต่มันยังติดอะไรอยู่บางๆ พอจะเข้าใจความรู้สึกนี้ไหม

ผู้ถาม : เข้าใจครับ

ดังตฤณ: 
ที่มันยังติดอยู่บางๆ เรา เราสังเกตไป มันเป็นอารมณ์ที่มาพร้อมกับความคิด ว่าจะต้องทำอะไรต่อ คือมันมองไปข้างหน้า ไม่ได้มองที่ปัจจุบัน เข้าใจคำพูดพี่หรือเปล่า อย่างเวลาเราวางแผน ว่าจะทำอะไรข้างหน้าเนี่ย มันจะมีความรู้สึกขาดๆ อยู่นิดนึง ถ้าอย่างนี้เข้าใจใช่ไหม

ผู้ถาม : ครับ

ดังตฤณ: 
แต่ถ้าเรากำลังจะเคลียร์งาน หรือว่าอะไรที่มันอยู่ตรงหน้า เราจะรู้สึกว่าชัดเจน ปลอดโปร่ง อย่างนี้เก็ท(get) ไหม

ผู้ถาม : เก็ท(get) ครับ

ดังตฤณ: 
โอเค ของเราพูดง่ายๆ ว่า เดิมมันสั่งสมนิสัย มองไม่เห็นอนาคตมา พอคิดถึงอนาคตแล้วกังวล แล้วแบบ มันมืดๆน่ะ มันเหมือนกับติดๆขัดๆ อยู่ตลอด แต่ตอนเนี้ย คือคล้ายๆว่า เราคิดถึงอนาคตน้อยลงแล้ว แต่นิสัยทางความคิด มันยังติดอยู่กับไอ้ตัวเดิม ที่ว่าคิดไปข้างหน้าแบบลอยๆ ไม่ได้วางแผนชัดเจน แต่ถ้าอย่างจะเคลียร์งานตรงหน้ามันมีอะไรข้อมูลอยู่ชัดเจนแล้ว แล้วคิดจะทำอะไรแบบง่ายๆ สเต็ปบายสเต็ป (step by step) มันจะรู้สึกว่าโอเคไม่มีปัญหา ไม่ได้ติดอะไร

ให้สังเกตเปรียบเทียบอย่างนี้ก็แล้วกัน เมื่อไหร่เรารู้สึกมีอะไรครอบอยู่บางๆ นั่นแสดงว่าเรากำลังคิดถึงอะไรบางอย่างข้างหน้าแล้ว คิดอะไรแบบลอยๆ เข้าใจพอยท์
นะ แต่ถ้าเรารู้สึกปลอดโปร่ง แสดงว่าตรงนั้นน่ะ มันรู้อยู่กับปัจจุบัน หรือกำลังมีโฟกัสอยู่กับงานในปัจจุบัน

ผู้ถาม : งานของผมตอนนี้ก็คือ กำลังฝึกสอนอยู่ครับ เวลาที่ทำแผนการสอนอะไรพวกเนี้ยครับ ก็คืองานตรงหน้าผมจะทำได้คิดว่าเร็ว เพราะว่าแบบมีเป้าหมายก็ทำไปตามนั้นครับ ในการงานผมครับ จะทำยังไงให้สอนได้ดี?

ดังตฤณ: 
เอาจิตที่สว่างเป็นที่ตั้ง จิตที่สว่างแล้ว แล้วก็มีความรู้สึกว่า เนี่ยเรามีความตั้งใจอย่างนี้นะ แล้วก็เรามีความรู้อย่างนี้นะ พอมาบวกกันเนี่ย มันจะกลายเป็นความไหลลื่น แต่ถ้าเรายังรู้สึกว่าเรายังสอนดีไม่พอหรือว่าตรงนี้ยังไม่ชัดเจนพออะไรอย่างเนี้ย มันจะมีห่วง มีกังวลไปข้างหน้า หรือไม่ก็ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน
สังเกตที่อาการของจิต อย่างที่พี่ว่าเนี่ย ถ้าเรามีข้อสังเกต มีจุดสังเกตว่าคิดไปข้างหน้า เนี่ยมันจะมีกรอบ มันจะมีกังวล มันจะมีห่วง แต่ถ้าเมื่อไหร่เราอยู่กับโฟกัสกับงานตรงหน้าจริงๆ แล้วรู้สึกปลอดโปร่ง นั่นแสดงว่า อยู่กับจุดที่ถูก อยู่ถูกจุด อยู่ถูกทางนะ แล้วก็สังเกตอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันรู้สึกว่าเป็นอิสระ ไม่ต้องคาดหวัง มันก็จะมาเองอยู่แล้ว ความสามารถที่จะถ่ายทอด ที่จะทำอะไรดีๆ ได้เนี่ย

เพราะว่า จำไว้นะ จิตที่สว่างเป็นอิสระเบิกบาน มีความรู้สึกว่าเคลียร์คัท
ชัดเจนอยู่กับอะไรตรงหน้า มันจะมีความพร้อมที่จะเป็นระเบียบ มีขั้นมีตอน และมีเหตุมีผล แล้วมันจะสั่งสมทักษะความสามารถ ที่จะถ่ายทอดได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้ายังมีห่วงมีกังวล แล้วก็มัวแต่คิดว่าทำยังไงถึงจะก้าวหน้า มันจะไปคิดถึงอุบายวิธี หรือว่าไปนึกถึงจุดที่ไม่ควรจะนึกถึง


ผู้ถาม : ขอบคุณครับ

ดังตฤณ: 
ง่ายๆ แค่นั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น