วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

ไม่อยากมีชีวิตต่อ ทำไมเลือกไม่ได้

ถาม : ไม่อยากอยู่แล้ว แต่เรายังต้องอยู่ในโลกนี้ ทำไมเราเลือกไม่ได้ครับ

รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/6phb6QjC3dc
(ดังตฤณวิสัชนา Live  #ทางเฟสบุ๊ก ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙)


ดังตฤณ: 

อากาศร้อนก็เลือกไม่ได้นะ หลายคนเค้าบอกว่าพอหน้าร้อนเนี่ย หลายคนอยากตายมากขึ้นเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องมีอยู่เยอะอยู่แล้ว แล้วเสร็จแล้วอากาศไม่เป็นใจ เดินๆไปเหงื่อตก โดยที่ไม่ต้องออกกำลังกาย คือตอนนี้ในประเทศไทยเหมือนกับเราได้เข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำฟรีนะครับ ทั่วประเทศ ก็อยู่ดีๆ เหงื่อก็ไหลโทรมกาย ไม่ต้องอาบน้ำก็มีน้ำเหงื่อให้อาบอยู่ตลอด อันนี้ถ้าหากว่าเราอยู่ในภาวะกดดัน ทั้งความรู้สึกจากข้างในนะครับ แล้วก็มีผสมลงมาจากข้างนอกด้วย สิ่งที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความรู้สึกเป็นทุกข์ ที่บอกว่าไม่อยากอยู่แล้วเนี่ย เชื่อเถอะว่ามันไม่ใช่เกิดจากความสุข มันเกิดจากความอึดอัดที่สั่งสมมา

เค้ามีวิจัยกันว่า ถ้าคนเรานะจิตตก หรือว่ามีอาการซึมเศร้า เกินสองอาทิตย์ขึ้นไปเนี่ยจะอยากฆ่าตัวตายกันทุกคน ทีนี้ถ้าเรารู้สึกว่าไม่อยากอยู่ แต่ยังต้องฝืนใจอยู่ ความรู้สึกแบบนี้เนี่ยนะ มันยิ่งกดดันตัวเอง ให้ซึมแล้วก็เศร้าลงไปมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน เพราะอะไร เพราะบอกตัวเองอยู่เรื่อยนะว่าที่ยังต้องอยู่นี้ เพราะจำเป็นต้องอยู่ ไม่ใช่เพราะเต็มใจอยู่

คนที่ไม่เต็มใจอยู่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่อยากจะใช้ชีวิต ไม่อยากจะหาอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิต ไม่มีกำลังใจ ไม่มีมุมมองอะไรดีๆ เหลืออยู่เนี่ยนะ ทางเดียวที่เป็นไปได้ ก็คือจิตเค้าจะเสื่อมลงเรื่อยๆ จิตเค้าจะตกต่ำลงเรื่อยๆ จิตเค้าจะถูกกดให้มีความรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของคุณเนี่ย
ไม่อยากอยู่แต่ยังต้องอยู่เนี่ย มันยิ่งไปเพิ่มความอึดอัดให้ตัวเองขึ้นทุกวัน

เอาอย่างนี้ คือแทนที่จะบอกว่าตัวเองไม่อยากอยู่แล้ว แล้วก็ทำไมเราเลือกไม่ได้ ถามตัวเองง่ายๆ ว่า ตอนตื่นขึ้นมาเนี่ยเราเลือกที่จะคิดแตกต่างไปได้ไหม?
ยกตัวอย่างนะ ตอนตื่นขึ้นมาทุกเช้า ถ้าหากว่าเริ่มต้นวินาทีแรกเลย จิตมันคิดขึ้นมาว่า ไม่อยากตื่น ไม่อยากลุก เราถามตัวเองซิว่า เราเปลี่ยนความคิดเป็น เอ่อ ขึ้นมาลองออกกำลังกายดูได้ไหม

ออกกำลังกายเนี่ยพอพูดไปปุ๊ปนะ เกือบร้อยทั้งร้อยเบือนหน้าหนี แล้วก็บอกว่าการออกกำลังกายคือการทรมานตัวเอง การฝืนใจ การที่เราจะต้องทำอะไรที่มันต่อสู้กับตัวเองเนี่ย เกือบทุกคนอยากเบือนหน้าหนี แต่ถ้าหากว่าคุณเคยออกกำลังกายมาบ้าง แล้วรู้ผลของการออกกำลังกายนะ ว่าร่างกายมันกะปรี้กะเปร่า มันเกิดความรู้สึกสดชื่น ลองจำลองทบทวนความรู้สึกตรงนั้นดูได้ไหมในขณะที่ตื่นมา คืออย่าไปนึกถึงตอนที่ฝืนไปออกกำลัง แต่ให้นึกถึงชีวิตที่แตกต่างไปหลังจากออกกำลังกายแล้ว มันเกิดความสดชื่นยังไง มันเกิดลมหายใจที่ยาวขึ้นยังไง มันเกิดความรู้สึกที่ดีขึ้นกับชีวิตยังไง นึกให้ออก

แค่นึกให้ออกตอนที่ตื่นขึ้นมา คุณจะพบว่าคุณมีทางเลือกในการคิด มีทางเลือกที่จะเห็นภาพอะไรในหัว มีทางเลือกที่จะรู้สึกอะไรขึ้นมา จากใจกลางชีวิตเลย
จากความรู้สึกที่มันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตวันใหม่ คือ ตื่นขึ้นมาอย่านึกถึงการฝืนไปออกกำลังกาย ให้นึกถึงภาวะหลังออกกำลังกายเสร็จ พอมีทางเลือกใหม่ขึ้นมานะลองดูเถอะว่าชีวิตมันต่างไปไหม ถ้าพยายามแค่วันเดียวอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แต่ถ้าพยายามหลายๆ วัน ลองดูความแตกต่างที่เกิดขึ้น เราจะมีกำลังใจไปออกกำลังกายทุกวัน

แล้วพอออกกำลังกายได้ทุกวันนะ ผมรับประกันได้อย่าง อันนี้จากประสบการณ์ตรงของผมเอง คือผมออกกำลังตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวันมานานแล้วไม่รู้นานแค่ไหน กลัวบอกไปเดี๋ยวผิด กลัวบอกไปเหมือนการคุยโม้โอ้อวด แต่ผมบอกได้อย่างนึงคือว่า มันจะมีธรรมชาติชนิดหนึ่งเกิดขึ้น ธรรมชาติอันเกิดจากความเคยชินในการตื่นมาแล้วคิดที่จะลุกขึ้นมาออกกำลังกายทันที สำหรับผมนี่คือไปว่ายน้ำ ไปว่ายน้ำทุกเช้าตอนหกโมง มันมีความสดชื่นขึ้นมาทันทีที่เราตื่น เพราะว่าร่างกายถูกเทรนให้จำความสดชื่น ไม่ใช่ถูกเทรนให้ฝืนใจที่จะลุกจากที่นอนไปว่ายน้ำ เข้าใจความแตกต่างไหม

คือไม่ใช่ว่าคนเราเนี่ยเริ่มต้นขึ้นมา พอตกลงใจว่าจะไปว่ายน้ำทุกเช้าปุ๊บ แล้วมันจะเกิดความสดชื่นเลย มันต้องผ่านช่วงของความฝืนใจ ทรมาน หรือว่าต่อสู้กับตัวเองก่อน แต่พอผ่านช่วงนั้นไป ช่วงที่ว่า จำว่าเราต้องต่อสู้กับตัวเองเพื่อที่จะไปว่ายน้ำนะ มันกลายเป็นความจำใหม่
มันกลายเป็นความเคยชินว่าหลังจากว่ายน้ำเสร็จมันสดชื่น มันรู้สึกว่าร่างกายกะปรี้กะเปร่า รู้สึกว่าร่ายกายมันได้ยืดเส้นยืดสายแล้วพอข้างในมันโล่งนะ ชีวิตมันโล่งทั้งชีวิตแหละ พอจำความสดชื่นหลังว่ายน้ำได้ผมไม่นึกถึงความฝืนใจ หรือว่าจะต้องเดินทางไปว่ายน้ำอีกเลย มันนึกอยู่อย่างเดียวว่าหลังจากว่ายน้ำเสร็จแล้วเรารู้สึกอย่างไร

มันจำได้ชัดเจนนะครับ มันจะทำให้คุณรู้สึกอยากมีชีวิตต่อได้ด้วยนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น