ดังตฤณ : ไม่จำเป็นนะครับ เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึงความเป็นโสดา
โดยความเป็นผู้รู้เข้ามาว่ากายใจนี้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
อย่างนางวิสาขาตอน
๗ ขวบได้พบพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมแล้วก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน ต่อมาเธอก็มีครอบครัวมีลูก
มีลูกเยอะด้วย ก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องของการบรรลุธรรมเป็นเรื่องของมุมมองทางจิต
ไม่ใช่การปฏิบัติทางกาย
การปฏิบัติทางกาย
คือเอาแค่ว่า ณ ช่วงที่จะได้โสดาปัตติผล ต้องมีสัมมาทิฏฐิ ตั้งความเห็นไว้ถูก
ไม่มีดำริในกาม คือหมายความว่า ไม่คิดไปในเรื่องกามคุณในช่วงนั้น
ไม่เอากายเข้าไปแตะต้อง ไม่เอาจิตเข้าไปตรึกนึกอะไรแบบนั้น แล้วก็มีความเพียร
มีอะไรต่างๆขึ้นมา พูดง่ายๆว่าตั้งต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ ลงท้ายด้วยสัมมาสติ
สัมมาสมาธิ
คือถ้ามีจิตที่ทรงพลังมาพอที่จะเห็นว่า
กายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนจริงๆ แม้ในวินาทีนี้ที่เรานึกว่ามีความคิดของเรา
มีคำพูดของเราอยู่ จริงๆแล้วมันเป็นแค่สภาวะผ่านมาผ่านไป ปรุงแต่งขึ้นมาชั่วขณะ ไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่ที่เรานึกขึ้นมาว่าเป็นตัวเดิม ก็เพราะว่ามีการสืบสันตติ
หรือว่ามีการสืบเนื่องกันไหลเป็นสายน้ำ
ทีนี้ถ้าหากว่า
สติของเรามันมีความคมมากพอที่จะตัดภาพการเห็นว่ามันต่อเนื่องเป็นตัวเดียวกัน
เห็นเป็นขณะๆ เห็นขณะดับ แล้วไม่เกิดความรู้สึกว่า สิ่งใดที่มันดับล่วงไปแล้วเป็นตัวเรา
อันนั้นแหละมันก็จะมีสิทธิ์รวมลงถึงฌาน แล้วก็บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขึ้นมา
ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเรื่องเนสัชชิกนะครับ
------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๑๘
เมษายน ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม จะเป็นพระโสดาบันได้ต้องมีประสบการณ์เนสัชชิกไหมคะ?
ระยะเวลาคลิป ๒.๔๗ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=GLyjD9vNZVc&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=18
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น