วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๑.๑๐๓ ทำบ้านให้มีกระแสใกล้เคียงสถานปฏิบัติธรรม

ถาม :  เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์จะเกร็งและระวังสติมาก หรือเวลาอยู่สถานที่สัปปายะก็เช่นกัน คำถามคือไม่มีอุบายเทคนิคใดที่จะเพิ่มกำลังสติในขณะอยู่บ้านหรือที่คุ้นชิน นอกเสียจากการทำใช่มั้ย?

รับฟังทางยูทูป : http://youtu.be/nrraupXNino


ดังตฤณ: 

จัดบ้านให้มีความใกล้เคียงกับ เรือนว่าง


การที่จะอยู่บ้านแล้วให้มีความสังวรระวัง
ได้เท่ากับแหล่งปฏิบัติที่เอาไว้ให้ประพฤติพรหมจรรย์
ยังไงก็ไม่เหมือนกัน
เพราะว่าอยู่บ้าน 
เดี๋ยวก็ได้ยินเสียงข้างบ้านแล้ 
เดี๋ยวก็ได้ยินเสียงทีวีแล้ว 
เดี๋ยวก็ได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย 

ที่จะทำให้ สถานที่ของเราให้เป็นสถานที่ที่
:  มี ความวิเวกพอสมควร 
:  มี ความสัปปายะพอสมควรเท่าที่จะเป็นไปได้
ก็คือจัดสถานที่ให้มันมีความใกล้เคียงกับ เรือนว่าง

พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสนะ
ว่าเพื่อที่จะให้เกิดการเริ่มต้นได้อย่างมีความวิเวก
ท่านแนะนำให้เข้าไปสู่โคนไม้ เข้าไปสู่เรือนว่าง
เข้าไปสู่ช่องเขาที่ไม่มีผู้คน
ก็จะได้เป็นที่สำราญแก่การนั่งสมาธิ
การเจริญอานาปานสติอะไรแบบนี้ 

ถ้าเราจะเลียนแบบก็คือ
:  ทำให้ห้องของเรามันไม่มีอะไร 
:  ห้องของเรามันไม่มีเครื่องเตือน 
:  ไม่มีสัญลักษณ์ของสิ่งที่จะล่อใจ
ให้เข้าไปติดกับกับความบันเทิง
หรือว่าความหมกหมุ่นแบบโลกๆมาก

นี่เป็นอุบายที่ง่ายที่สุด !
แล้วก็ชัดเจนที่สุด !

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

มีวินัยภาวนาต่อเนื่องให้ได้สักประมาณ ๒ เดือน

จากนั้นก็คือ ..สำคัญนะ
เราจัดการภายนอกแล้วต้องจัดการกับภายใน
คือต้องมี วินัยที่ชัดเจน ว่าเวลาช่วงนั้นช่วงนี้
เราจะดิ่งตรงมาปฏิบัติภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิทันที 

อันนี้ร่างกายกับจิตใจของเรานะมันคล้ายๆกับหุ่นยนต์ 
คือถ้าหากว่ามีโปรแกรมป้อนการทำงานที่สม่ำเสมอให้มันแล้
มันจะเกิดการเรียนรู้นะครับ 
คือเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถจัดโปรแกรมได้
ว่าเวลาเท่านั้นเท่านี้ 
ปฏิกิริยาทางกายมันจะพร้อมที่จะทำงาน
พร้อมที่จะเข้าสู่โหมดของการภาวนา โหมดของการเจริญสตินะ
มันจะรู้สึกขึ้นมาเลยว่าเวลาช่วงนี้เนี่ยต้องมาแล้ว
ไม่สามารถที่จะไปทำอย่างอื่นได้ !

ถ้าหากว่าเรามีวินัยต่อเนื่องไปสักประมาณ ๒ เดือน
ที่บ้านมันจะมีความใกล้เคียงกันกับที่สถานที่ภาวนา
ไม่ใช่เหมือนนะ แต่ใกล้เคียง 
คือเราจะรู้สึกเหมือนกับว่า จิตของเราเลิกคิดเรื่องอื่น
แล้วก็มีความรู้สึกถึงความสุขแบบวิเวก ความสุขแบบเย็น
ความสุขแบบที่จะมีความสว่างรู้เข้ามาในกายในใจ 

แล้วก็ถ้าหากว่า เราสามารถเจริญสติได้อย่างถูกทาง
บางทีนะมันจะเตือนเลย เหมือนกับยืนๆอยู่เฉยๆ
หรือว่ากำลังเดินอยู่ในที่อื่นนอกห้อง
มันจะไปนึกถึงสภาวะอะไรบางอย่าง
ที่กำลังปรากฏเด่นอยู่ในขณะนั้ 
:  ไม่ว่าจะเป็น  ลมหายใจ
:  ไม่ว่าจะเป็น  เท้ากระทบ
:  ไม่ว่าจะเป็น  ความรู้สึกภายใน
อึดอัดอยู่ หรือ สบายอยู่ หรือ มีความคิดฟุ้งซ่านอยู่
มันจะมองเหมือนกับเห็นตัวเองออกมาจากสายตาของคนอื่น
แล้วก็เกิดความรู้สึกว่า 
นี่ถึงเวลาที่เราน่าจะเอาเวลาช่วงนี้
:  มาเจริญสติให้เข้มข้น
:  มาทำสมาธิให้จริงจัง 
:  มาเดินจงกรมให้นานๆ อะไรแบบนี้ 

ถ้าเรามีวินัยจริงต่อเนื่องกันสัก ๒ เดือน
มันจะเกิดภาวะแบบนี้ เกิดอาการแบบนี้ 
นี่แหละ แล้วคุณจะเกิดความรู้สึกเป็นผลตามมาว่า
บ้านมีกระแส 
มีบรรยากาศคล้ายกับสถานที่ปฏิบัติเข้าไปทุกที !

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

กระแสของผู้ปฏิบัติ

จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของ กระแสด้วยนะ 
เวลาที่เราเข้ากุฏิครูบาอาจารย์
ที่ท่านปฏิบัติมานานหลาย ๑๐ ปี แล้วก็ท่านทรงฌานมากๆ
บางทีแค่เข้ากุฏิเท่านั้น 
มีความรู้สึกราวกับว่าเข้าไปในวิมานใหญ่ของพระพรหมนะ 
หรือว่าอย่างน้อยที่สุดก็สวรรค์ชั้นฟ้าอะไรแบบนั้น 
มีความเหมือนกับข้างในมันปลอดโปร่ง 
แล้วก็มีความกว้างใหญ่เกินจริง รู้สึกได้เลย

:  อันนั้นก็เป็น กระแสของผู้ปฏิบัตินั่นเอง
ไม่ใช่ว่าอิฐปูนมันสามารถขยายตัวเองออกไปได้
หรือว่าก่อกระแสหลอกความรู้สึกของเราขึ้นมาได้เอง
แต่ว่าต้องมีกระแสอันเป็นของจริงของนักปฏิบัติหรือผู้ทรงฌาน
ทำให้เกิดความรู้สึกไปอย่างนั้ 

ถ้าเราเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้มา
เราก็จะค่อยๆมองออก
เออ ถ้าเป็นสถานที่ปฏิบัติภาวนาที่มีคนมาขยันกันมากๆ 
มาพยายามเอาดีทางการเจริญสติ ทางการทำสมาธิมากๆ
ก็มีกระแสคล้ายๆแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่จะเบาบางกว่า

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

บ้านแสนสุขแบบโลกๆ VS กระแสความรู้สึกวิเวก

เปรียบเทียบกับกระแสในห้องนอนของเรา หรือว่าที่บ้าน
ที่เต็มไปด้วยการบันเทิงนะ
จะรู้สึกเหมือนกับมีกระแสปั่นป่วน
มีความรู้สึกเหมือนกับไม่วิเวกเท่าไหร่
อาจจะมีความสุข อาจจะมีความเบาในแบบโลกๆ 
คือมีความสุขในแบบที่ว่าบ้านแสนสุข
แต่ไม่ใช่ในแบบที่ในสถานที่ปฏิบัติธรรม

:  พอเดินเข้ามาแล้วแทนที่จะเกิด ความรู้สึกวิเวก
มันกลายเป็น ความรู้สึกอยากเสพความบันเทิง
นี่ก็เป็น กระแสที่สร้างเอาไว้ 

ถ้าหากเรามีวินัยมากพอ
ที่จะทำให้ในห้องนอน หรือว่ารอบๆบ้าน
อาจจะเป็นสนามหญ้าหรือว่าชิงช้า
ติดกระแสวิเวกของผู้ที่เจริญสติ ผู้ที่เจริญสมาธิ 
ในที่สุดแล้ว ก็จะเข้มข้นพอ 
กลับจากที่ทำงานเนี่ยเดินมาใกล้ๆกับที่ที่ปฏิบัติบ่อยๆ
มันเกิดความรู้สึกสงบวูบลงไป
หรือว่าเกิดความเยือกเย็น นึกอยากปฏิบัติขึ้นมา

อันนี้ก็เป็นกระแสนะ
เป็นเรื่องของคลื่นที่จะจูนจิตของเราให้เข้าสู่ภาวะใดๆ
อันนี้เป็นอิทธิพลของสถานที่
ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากผู้อยู่ผู้อาศัยนั่นแหละ
ว่าจะสร้างกระแสแบบไหนเอาไว้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

 กระแสทะเลาะเบาะแว้ง

อย่างอันนี้พูดนอกประเด็นไปนิดนึง
อย่างบ้านที่มีการทะเลาะกันบ่อยๆ
นะ
สังเกตเดินเข้าไปนี่ยังไม่ทันไรเลยนะจะเกิดความรู้สึกวุ่นวายใจ
จะเกิดความรู้สึกเหมือนร้อนๆขึ้นมา
จะเกิดความรู้สึกว่าไม่สบาย
ไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว ครั่นเนื้อครั่นตัว

ผมเจอบ่อยเลยนะ
ประเภทถ้าเข้าไปในสถานที่แปลกๆ
หรือว่าเข้าไปในบ้านของคนที่ทะเลาะกันบ่อยๆ
มันจะรู้สึกตะครั่นตะครอขึ้นมา
เหมือนกับไม่ค่อยจะสบายเนื้อสบายตัว
สืบไปแล้วก็จริงๆ
มีคนมันก็บ๊งเบ๊งกันทุกวัน สาปแช่งกันทุกวัน 

กระแสการสาปแช่งอย่านึกว่ามันไปไหนนะ
มันลอยอยู่แถวๆนั้น เกาะติดอยู่แถวๆนั้นนั่นแหละ
คนที่อยู่คนที่อาศัยเป็นประจำแล้วด่าทอกันทุกวัน
ก็เหมือนกับพอกลับเข้าบ้านมีกระแสกระตุ้นให้ยิงกันทุกวันนะ
ยิงกันด้วยคำพูด จามกันด้วยขวานด้วยปากทุกวัน

ตรงข้าม บ้านไหนที่มีความสงบสุข
มีแต่การพูดจ๊ะจ๋า มีแต่พูดดีต่อกันเนี่ย
เข้าบ้านปุ๊บ มันมีความรู้สึกอยากพูดดีขึ้นมา
เข้าบ้านปุ๊บ มันมีความรู้สึกว่า เออ มองโลกในแง่ดีขึ้นมา

นี่มันเป็นเรื่องกระแสที่อยากฝากไว้ด้วย !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น