วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ตั้งใจรักษาศีล 5 แต่พูดโกหกขาว (White Lie) เพื่อขายสินค้า

ดังตฤณ : อาการรักษาศีล 5 ของคุณเจือด้วยความกังวล คุณไม่สบายใจอยู่ทุกวัน ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่... ว่าสิ่งนี้เป็นไปเพื่อเกื้อกูลกับการเจริญก้าวหน้าในชีวิต ตามวิถีทางของพุทธหรือเปล่า


เรื่องแรก คือ การพูดที่ว่า บางทีต้องปรุงแต่ง

เรารู้กันอยู่ ว่าการโฆษณาเป็นเรื่องของการสร้างภาพ ต้องเอาแง่ดีมาพูดให้มากที่สุด เอาแง่เสียไปซ่อนให้มากที่สุด ทุกคนรู้ความจริงตรงนี้โลกปัจจุบันไม่มีใครโง่กว่าใครหรอก รู้หมดว่าสิ่งที่ต้องทำ ก็เป็นแบบนี้ตามวิถีทาง 

วิธีที่คุณจะสบายใจขึ้นได้ คือ ถามตัวเองว่า สิ่งที่คุณพูดออกไปนั้น เป็นโทษกับใครหรือเปล่า

 

ผมไม่ได้พูดในแง่ที่ว่า คุณจะต้องโกหกแค่ไหน คุณจะต้องสร้างภาพอย่างไร คุณจะบิดเบือนความจริง คุณจะเอาความจริงส่วนหนึ่งไปซ่อน หรือคุณจะเอาความจริงส่วนหนึ่งมาขยายแค่ไหน

แต่ผมพูดว่า ที่คุณคิด ที่คุณพูดไปในแต่ละวัน เป็นโทษแก่ใครขนาดไหน ถ้าคุณรู้สึกว่า ไม่ได้ทำให้ใครเขาเดือดร้อน ไม่ได้ทำให้ใครกินแล้วเจ็บป่วยไม่สบายชักน้ำลายฟูมปาก 

 

ตรงนั้น ก็สมควรแก่การสบายใจได้แล้ว ว่าเราไม่ได้ไปเบียดเบียนใครเขา ไม่ได้ไปเอายาผิดไปโปรยให้แก่คนหมู่มาก ไม่ได้ทำโฆษณา เพื่อหลอกให้คนไปกินยาพิษ 

แค่นี้ นับว่าเป็นความสบายใจในขั้นของศีลข้อปาณาติบาตได้แล้ว คุณไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่ได้ทำร้ายใครด้วยยาพิษ

 

ส่วนที่ว่า มีความหม่นมัว มีมลทินอยู่บ้างเกี่ยวกับเรื่องวจีสังขาร 

คือ เป็นวจีทุจริตอยู่บ้าง คุณก็ถามตัวเองว่า วจีทุจริตนั้น คุณมีเจตนาหนักแน่นแค่ไหนที่จะกุเรื่อง ขึ้นมาหลอกลวงชาวบ้านเขาหรือเปล่า

 

การโฆษณานั้น ไม่มีหรอกที่จะหลอกลวงร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีแค่ว่าปรุงแต่งมากหรือปรุงแต่งน้อย มีแค่ว่าขยายมากหรือว่าซุกไว้แค่ไหน

ส่วนนั้น เป็นส่วนที่เรียกว่า ฆราวาสจะต้องดำเนินไป

 

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ฆราวาสเป็นเส้นทางมาแห่งธุลี คือ หยากเยื่อ หยากใย่ ธุลีความมีมลทินทั้งหลาย

ไม่มีใครหรอกในเพศฆราวาสที่ไม่มีมลทิน แม้แต่ตัวผมเองก็ตาม 

คุณไปสำรวจดูได้ในทุกอาชีพ เป็นทางมาแห่งมลทินได้หมด จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง

 

ถ้าคุณสบายใจแค่ว่า คุณไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้เบียดเบียนใครด้วยยาพิษ ถ้าคุณสบายใจแค่ว่า คุณไม่ได้โกหก 100% คุณเอาบางส่วนมาพูด

นั่นก็เรียกว่า อย่างน้อยที่สุด ถึงคุณไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์เป็นพระ 

แต่คุณแน่นอนว่า คุณไม่ใช่โจร คุณไม่ใช่พวก 18 มงกุฎ คุณยังอยู่ในร่องในรอยของความอยากที่จะรักษาศีลอยู่ มีแก่ใจรักษาศีล 

 

แค่นั้น ก็น่าจะเป็นเหตุเพียงพอให้เกิดความสบายใจขึ้นได้แล้ว ว่าตรงนี้ ไม่ถึงกับยับยั้งเส้นทางมรรคผลหรอก ไม่ถึงกับยับยั้งเส้นทางไปสวรรค์หรอก

ทุกอย่างเป็นไปเพื่อการเลี้ยงชีพ และการเลี้ยงชีพของคุณก็ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมตามกติกาโลก 

พูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร เท่านั้นสมควรที่จะพอใจได้แล้ว

-------

ในส่วนของการทำไส้กรอก 

พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ในวณิชชสูตร (หมายเหตุ : อาชีพที่ไม่ควรประกอบ) ในมิจฉาวณิชชา มีเรื่องของการค้าเนื้อ

แต่ของคุณนั้นอยู่ปลายทาง คือ ถ้าฆ่าสัตว์ ..โรงฆ่าสัตว์ คือ มิจฉาวณิชชา แน่นอน ส่วนการขายอยู่ปลายทาง

 

คุณรับมาขาย ถ้าคุณไม่ได้มีใจยินดี ก็ไม่ได้รับเต็ม ๆ ในวงจรนั้น คุณอยู่ที่ปลายทาง คุณมิได้อยู่ที่ต้นทาง 

เอาเป็นว่า คุณไม่ได้ฆ่าใคร คุณรับศพมาปรุงแต่ง จัดการให้เป็นไปตามวิถีโลก

เอาเป็นว่า สำหรับคุณให้สบายใจเถอะ ว่าคุณอยู่บนเส้นทางความสว่างได้ อยู่บนเส้นทางนิพพานได้ โดยไม่มีอะไรมาขัดขวางซะทีเดียว

-----------

อยากบอกเผื่อทุกคนด้วย ยุคนี้ คนชอบแช่งดารา ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ว่าอาชีพนี้ไปนรกแน่นอน พระพุทธเจ้ายืนยันไว้

 

แต่ที่จริงแล้วในสมัยพุทธกาล ผู้ที่ทูลถามคำถามนี้กับพระพุทธเจ้า คือ คนที่ประกอบอาชีพดารา ที่ปัจจุบันเปรียบเทียบได้กับตลกคาเฟ่ เป็นการแสดงลิเกตลก ละครตลกให้คนหัวเราะ

ซึ่งเขาเชื่อว่า การทำให้คนหัวเราะ เป็นอาชีพที่เป็นบุญ เพราะทำให้คนมีความสุขกัน เขาเชื่อว่า ตัวเองจะได้ไปเป็นสหายแห่งเทวดาแน่นอนหลังตาย

 

เมื่อไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า เมื่อตายไป จะไปอยู่ในสวรรค์ชั้นไหน 

พระพุทธเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าถามเรื่องนี้เลย

แต่เขาก็ถามซ้ำอีก ว่าเขาจะได้ไปสวรรค์ชั้นไหน

พระพุทธเจ้าตรัสห้ามเป็นครั้งที่ 2 

แต่เขาก็ยังติดใจถามอีกครั้งด้วยความกระวนกระวาย เป็นครั้งที่ 3 และบอกว่าที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ เขาเชื่อว่า เขาทำอาชีพนี้ ทำให้คนมีความสุข หัวเราะ เขาอยากรู้ว่าผลหลังจากที่ได้ทำอย่างนี้แล้วเขาจะได้ไปเกิดเป็นอะไร

 

พระพุทธเจ้าก็จำพระทัย (จำใจ) ตอบ

ไม่ใช่การแช่ง หรือ ตั้งกระทู้ ว่าดารานักร้องไปนรกแน่นอน

 

พระพุทธเจ้าตรัสอย่างมีเงื่อนไข ว่าหากคนเขามีราคะอยู่แล้ว แล้วเราไปทำอาชีพที่กระตุ้นให้เกิดราคะ โทสะ โมหะหนักขึ้น จะไปในทางดีได้อย่างไร อาชีพของคุณจะมีความสว่าง จะเป็นไปเพื่อความสุขความเจริญได้อย่างไร .. พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้

 

ดาราบางคน พูดหยาบคายหยาบโลนตลอดเวลา 

บางคนพูดยุให้คนทำผิด แล้วเห็นเป็นเรื่องตลกอยู่ตลอดเวลา

แต่ดาราบางคนก็แสดงเป็นพระอยู่บทบาทเดียวทั้งชีวิต

แม้นักร้องก็ยังต่างกัน..

เป็นนักร้อง Heavy Metal นักร้องร็อก หรือนักร้องไทยเดิม 

คนเล่นดนตรีไทยเดิม ไปสวรรค์กันเยอะแยะ เพราะดนตรีไทยเป็นดนตรีที่กล่อมใจให้เป็นกุศล ฟังแล้วสว่าง ฟังแล้วหยาดเยิ้มก็จริง แต่มีความสว่าง

ต่างจากดนตรีร็อก ซึ่งรากของมันมาจากซาตาน .. ร็อกกับซาตานมาคู่กัน!

__________

คำถามเต็ม : ตั้งใจรักษาศีล 5 หลังจากได้อ่านหนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว แต่เราก็ขายสินค้าเกี่ยวกับอุตสาหกรรม มีการพูดโกหกขาว White Lie บ้าง ทำให้กังวลว่าจะปรับอย่างไร และปัจจุบันเริ่มขายไส้กรอกด้วย ก็มีความฟุ้งซ่านและกังวลว่าเราเบียดเบียนสัตว์หรือเปล่า


ดังตฤณวิสัชชนา ๑ โรงแรมเซ็นจูรี่

โดยสมาคมศิษย์เก่า คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

วันที่ 2 ตุลาคม 2553


ถอดคำ : นกไดโนสคูล

ตรวจทาน : เอ้

ชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=PGvyUhl-P0s

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น