วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

มีกรรมทำให้เป็นหนี้เยอะ ทำใจอย่างไร

ดังตฤณ : เรื่องหนี้สินนี่ คนที่อาจไม่เข้าใจ อย่าเพิ่งมองว่าเขาคงใช้ชีวิตไม่ดี หรือว่ามีความประมาทในการใช้เงินอะไรแบบนี้

 

ผมเคยเจอมาจริงๆนะ ต่อให้พยายามดีแสนดีแค่ไหน หรือว่าใช้ประหยัดอย่างไร ตัวเองนี่ดี ตัวเองประหยัด แต่ญาติๆ ที่อยู่รอบตัว หรือว่า คนที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ดีไปกับเรา เอาภาระมายัดเยียดให้เรา และบางคนปฏิเสธไม่ได้ เพราะเป็นพ่อเป็นแม่ของตัวเอง ไปก่อหนี้ก่อสินไว้บางทีเป็นสิบล้าน ทั้งๆ ที่ลูกเงินเดือนไม่กี่หมื่น ลูกนี่พอรู้เข้า รู้ความจริงเข้าแทบล้มทั้งยืน ไม่รู้จะเอาปัญญาที่ไหนมาชดใช้แทนพ่อแม่ นี่เคยเห็นมาหลายคน

 

ฉะนั้น ด้วยความเห็นใจนะ จะตอบเป็นกลางๆ ว่า หนี้สิน ถ้าหากว่าเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ หรือว่าสุดวิสัยจริงๆ ไม่ใช่เกิดจากการที่เราฟุ้งเฟ้อ หรือพยายามใช้เงินเกินตัว บางทีเป็นเรื่องของกรรมจริงๆ บางทีเป็นเรื่องของเก่า ที่เราเคยไปยัดเยียดภาระให้คนอื่นเขาไว้ แล้วถึงตาเราต้องโดนบ้าง ก็จะมีบุคคลซึ่งเราหลบเลี่ยงไม่ได้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ มาก่อภาระให้กับเรา โดยที่ถ้าเราคิดจะวิ่งหนี จะเจอกับด่าน เจอด่านความรู้สึกผิด ทำไม่ได้ ทำไม่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นพ่อแม่ตัวเอง

 

พอเรามีความเข้าใจว่า เรื่องบางเรื่องมาจากของเดิมจริงๆ แล้วเราทำใจแล้วว่า พยายามที่จะชดใช้ของเก่า แล้วก็ใช้หนี้ใหม่ แต่ก็ไปไม่ถึงไหนเสียที รู้สึกท้อ รู้สึกอยากตายๆ ไป ... คนนี่รู้สึกอย่างนี้จริงๆ นะ ถ้าใช้หนี้ไม่หมดเสียที สิบปีก็แล้ว สิบห้าปีผ่านไป ยี่สิบปีก็แล้ว ทบต้นทบดอก โอ้โห ดอกเบี้ยก็บานขึ้นไป บางช่วงก็มีแค่กำลังจะใช้แค่ดอกเบี้ย ตัวต้นไม่รู้จะเอาที่ไหนมา อะไรแบบนี้

 

ขอให้มองอย่างนี้นะครับว่า หนี้สิน ถ้าหากว่าเป็นหนี้สินอันเกิดจากการถูกกรรมเก่ายัดเยียดมานี่นะ เราอาศัยกรรมใหม่ ไปลบล้างแบบทันทีไม่ได้นะ เนื่องจากว่าบางทีเราไม่รู้ ว่าของเดิมทำมาหนักขนาดไหน

 

แต่ขอให้ตั้งไว้ในใจว่า ที่เราชดใช้อยู่นี่ ไม่ได้ต้องฝืนให้เป็นทุกข์อย่างเดียว เราใช้กรรมแบบชิลๆ ก็ได้ อันนี้ถ้าเจอกับตัว บางคนคิดได้เอง แต่บางคน บางทีต้องมาคุยกันแบบนี้แหละ ต้องมามีใครสักคนบอกว่า เราใช้กรรมแบบชิลๆ ได้ ไม่ต้องเป็นทุกข์มากก็ได้ เพราะว่าชีวิตหนึ่ง ไม่ได้มีให้จริงจังเกินร้อยปีหรอก ไม่ได้มีให้ซีเรียสสักกี่สิบปี เดี๋ยวก็ต้องตาย

 

ที่เรานึกว่ากรรมไม่มีวันหมด ไม่มีวันสิ้น บางทีก็สิ้นไปพร้อมชีวิตดีๆ นี้แหละ ชีวิตที่เราตั้งหน้าตั้งตาจะชดใช้ ชีวิตที่เราตั้งหน้าตั้งตาจะทำให้ดีที่สุดกับบุพการี พ่อแม่ หรือว่าคนที่มีบุญคุณกับเรา เราปฏิเสธไม่ได้ ต้องช่วย ต้องแบกภาระอะไรต่างๆ

 

ถ้าหากว่าชีวิตดีๆ นี้ ยึดอยู่อย่างเดียวเลย บอกว่า เราจะกตัญญู เราจะรู้คุณ เราจะไม่ปัดภาระ ไม่หนี ด้วยการหายไป ปลอมชื่ออะไรต่างๆ แต่ยังก้มหน้าก้มตา ทำสิ่งที่ควรจะทำ ชดใช้สิ่งที่ควรจะชดใช้ ที่เห็นเป็นสิ่งจับต้องได้คือตัวเงินนี่

 

ระหว่างแห่งการชดใช้ เราอาจมีความรู้สึกค่อยๆ ปรับตัวได้กับมัน คือไม่ได้คิดถึงจุดจบว่าเมื่อไหร่จะจบเสียที แต่คิดใหม่ว่า เรากำลังทำวันนี้ ให้เป็นไปในทิศทางจะปลดหนี้ ทั้งที่เห็นจับต้องได้ในปัจจุบัน และทั้งที่มองไม่เห็น เป็นของเดิม เป็นของเก่า ที่เราเคยทำมา ในตัวตนที่ลืมไปแล้ว

 

พอคิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง จะรู้สึกสบายๆ เออ ก็ยังทำงานเท่าเดิม หนี้ไม่หมดไม่เป็นไร แต่เราใช้ไปเรื่อยๆ ตามกติกา ตามข้อสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้

 

ตัวเจ้าหนี้จริงๆ แล้วถ้าเขาไม่ได้เป็นทุกข์เท่ากับเรานี่นะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาตินะ จริงๆ เจ้าหนี้ควรจะทุกข์มากกว่าเรา แต่ถ้าดูหน้าดูตาเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้เห็นเป็นทุกข์อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคาร เหมือนหุ่นยนต์เลย ไม่มีใครมาจ้องเป็นทุกข์กับหนี้ของเราคนเดียว

 

ถ้าเรามองเห็นว่า เจ้าหนี้เขาก็ไม่ได้เป็นทุกข์มากเท่าเรา ทำไมเราต้องไปเป็นทุกข์มากกว่าเขาด้วย ก็จะเกิดไอเดียขึ้นมาว่าจริงๆ แล้วการเป็นหนี้ ถ้าเรายังใช้ แล้วเจ้าหนี้ยังทำสีหน้าพอใจอยู่ เราควรจะมีความสุขนะ เราควรจะมีความพอใจว่า เรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรากำลังชดใช้หนี้ที่เห็นด้วยตาเปล่า ที่ก่อขึ้นมาใหม่ อาจรวมทั้งหนี้เดิมๆ ที่เคยไปทำใครเขาไว้มา

 

ตรงนี้พอคิดได้ จะเริ่มมองชีวิตไปอีกแบบหนึ่ง ว่าที่บอกหนี้ไม่มีวันหมดไม่มีวันสิ้นนี่ จะหมดในวันที่ชีวิตสิ้นสุดนั่นแหละ ต่อให้เราใช้หนี้ไม่ทันในชาตินี้นะ คือหนี้ที่จับต้องได้ ที่เป็นตัวเงิน ก็ถือว่าเราไม่เป็นหนี้ทางใจ หนี้ทางบาปทางกรรม กับใครเขาแล้ว เพราะพยายามเต็มที่แล้ว ถึงที่สุดแล้ว แล้วก็มีใจที่เป็นนักสู้ที่สุดแล้ว

 

มองอย่างนี้ จะรู้สึกสบายใจขึ้นมา คือจะไม่มองไปถึงเส้นชัยที่วันสุดท้าย แต่มองก้าวปัจจุบัน เป็นลู่วิ่งที่เรากำลังวิ่งอยู่ วิ่งอย่างคนที่ไม่ยอมแพ้ แล้วก็คนที่ไม่ยอมจะเป็นทุกข์ หรือมีความโศกเศร้าจนเกินไป

 

นี่เป็นคำพูดของนักปราชญ์ในอดีต บอกว่า ... อย่าไปจริงจังกับชีวิตมาก ถึงอย่างไรคุณก็เอาชีวิตไม่รอดอยู่ดี ... ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าคุณจะไปซีเรียสกับมันขนาดไหน ไปเป็นทุกข์กับมันขนาดไหน จะคาดหวังอะไรกับมันเท่าไหร่ก็ตาม ต่อให้ได้อย่างหวัง ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มา ได้ตามคาดหวังนี่ ก็ต้องหายไปอยู่ดี

 

ถึงแม้คุณจะมีความทุกข์สาหัสขนาดไหน วันหนึ่ง ความทุกข์นั้นก็ต้องจบลงพร้อมกับชีวิตของเรา แต่อย่าไปด่วนฆ่าตัวตาย เพราะชีวิตที่จบลงด้วยการฆ่าตัวตาย คือชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่แบบที่แย่ลง

 

แล้วก็การที่เรารู้สึกว่าทนไม่ไหว ทนไม่ได้ จะต้องตายสถานเดียวนี่ จริงๆ แล้วเราจะพบว่า ถ้าค้นพบธรรมะที่จะทำให้รู้สึกว่าตัวตนเราเบาบางลง ตรงนี้ต่างหาก ที่จะเป็นการจบสิ้นทุกข์ของจริง แล้วสามารถมั่นใจได้ ว่าก่อนตายเราสามารถพิสูจน์ว่า ความทุกข์ สามารถหายไปจากใจ

 

แต่ถ้าฆ่าตัวตายไป บางทีนี่นะ ไม่มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ก่อนที่เราจะตาย ไม่มีอะไรเป็นข้อยืนยัน ไม่ได้มีญาณหยั่งรู้ว่า สิ้นชีวิตไปแล้วนี่ ความทุกข์จะหายไปจริงๆ ถ้าความคิดจะยังอยู่ต่อ อาจหนักกว่าเดิม อาจหนักกว่าหนี้สิน ทุกวันนี้

 

ขออนุญาตพูด ไม่ได้หมายถึงกรณีนี้นะ หลายคน ที่จบชีวิตตัวเองเพราะว่าหนี้สินรุงรัง แล้วบางทีถูกแกล้ง ถูกยัดเยียดข้อหา หรือว่าถูกทำให้จากเดิม เป็นคนไม่มีหนี้อยู่ดีๆ กลายเป็นคนมีหนี้อะไรแบบนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกทำนองนี้ แล้วก็รู้ แล้วก็เห็นใจว่าทำไมถึงไม่อยากมีชีวิตต่อนะ

 

แต่จริงๆ แล้วการมีชีวิตต่อไม่ได้หมายถึงการใช้หนี้อย่างเดียว อาจหมายถึงการเรียนรู้ถึงจุดที่ เรารู้สึกเกี่ยวกับชีวิตขึ้นมาจริงๆ ว่า ชีวิตน่าเรียนรู้ว่า ทำอย่างไรถึงจะแน่ใจได้ ว่าความทุกข์จะหายออกไปจากจิต  แทนที่จะต้องไปหวังน้ำบ่อหน้า ด้วยการฆ่าตัวตาย แล้วไปรอดูเอา ไปพิสูจน์เอาว่าจะมีหรือไม่มี จะใจไม่ดี หรือกำลังจะเห็นอะไรขึ้นมารำไรตอนใกล้ตาย แบบนั้นบางทีก็สายเกินไป กลับมาไม่ได้นะ ถ้าไปรู้เอาตอนนั้น

 

ฉะนั้น คือใช้หนี้ไปด้วย แล้วก็เรียนรู้ว่าจะทำอย่างไร ให้ตัวตนหายไป ให้ความทุกข์น้อยลงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ 


ราเป็นหนี้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์ นะ เหมือนกับหัวข้อของวันนี้แหละ เราใช้หนี้ เรารับกรรมได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์ครับ!

_________

 

คำถามเต็ม : เรื่องกรรมเกี่ยวกับหนี้สิน เราทำดีที่สุด แต่ก็เจอเหตุทำให้ต้องมีหนี้สินเพิ่มพูน พยายามปรับใจขออโหสิจากเจ้ากรรมนายเวร ขอแนวทางด้วยค่ะ?

ปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน ใช้กรรมแบบไม่เป็นทุกข์ได้ไหม?

▶▶ คำถามช่วง ถามตอบ ◀◀

22 กันยายน 2561

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=sWZ7LGC6O5k

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น