ดังตฤณ : เรื่องนี้จะคล้ายกับ ‘ความเชื่อ’ เข้าใจคำว่าความเชื่อไหม คือคิดขึ้นมาแล้วก็เชื่อไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบริจาคดวงตา เกิดใหม่ชาติหน้าตาจะบอด แล้วก็บอกว่าอย่าบริจาคดวงตา ถ้าไปประยุกต์กับการบริจาคเลือดก็คงเป็นว่า เกิดใหม่แล้วตัวซีดอะไรแบบนี้
เรื่องของความเชื่อ
เป็นเรื่องที่เราไปห้ามความคิดคนไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถไปบอกว่า ถ้าคิดแบบนี้เชื่อแบบนี้
จะเป็นบาปเป็นกรรม แล้วก็ไม่สามารถบอกคนทั้งโลกว่า คิดอะไรเชื่ออะไร
ถ้าเก็บไว้คนเดียวบาปน้อย แต่ถ้าหากว่าคิดผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ แล้วเอาความคิดผิดๆ
นี้ไปเผยแพร่ให้กับคนจำนวนมากๆ ให้เชื่อตาม จะอันตรายขนาดไหน
อันตรายในขนาดที่ว่า
เราในชาติปัจจุบันเห็นๆ เลยว่า เราแนะนำให้คนเกิดความคิดผิดๆ
ความคิดที่ผิดจากหัวหนึ่ง แพร่เข้าไปสู่หัวของคนอีกคนหนึ่ง แล้วต่อไปเป็นสอง
เป็นสี่ เป็นแปด ทวีคูณขึ้นเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน หากความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
เกิดขึ้นในปัจจุบันเลย เป็นหมื่นเป็นแสน เอาหน่วยหนึ่ง
แล้วแพร่ได้เป็นหมื่นเป็นแสน
ทีนี้
ถ้าพูดถึงผลของกรรม จะไม่ใช่แค่คูณหมื่น หรือคูณแสน การที่เราเผยแพร่ความคิด
หรือความเชื่อผิดๆ ไปสู่คนจำนวนมากได้ จะทำให้เราต้องไปรับผลแบบไม่จำกัด
ไม่มีประมาณเช่นกัน
พูดง่ายๆ
ยิ่งมีความสามารถที่จะเผยแพร่ความคิดผิดๆ ได้มากขึ้นเท่าไหร่
ยิ่งต้องไปใช้กรรมมากขึ้นเท่านั้น
อย่างเช่นในกรณีของผู้ถาม
ประเภทที่มาบอกว่า เราไปยุ่งกับคนอื่น ไปช่วยคนอื่น แล้วเราจะติดกรรมของเขามา
หรือว่าจะพลอยร่างพลอยแห ไปเสวยวิบากอะไรกับเขาด้วย เป็นความคิด ไม่ใช่ญาณหยั่งรู้
ญาณหยั่งรู้
แบบผู้มีตาทิพย์ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างเช่น พวกที่มี จุตูปปาตญาณ จะเห็นว่า
สัตว์นี่เกิดตายตามกรรม ถ้าหากว่าทำอะไรดีๆ ช่วยคนอื่นไว้เยอะ ให้ทานไว้มาก
ผลก็คือว่าเราจะเป็นผู้ได้รับความช่วยเหลือ
หรือถ้าเราช่วยให้เขาเห็นผิดเป็นชอบ
ในที่สุดก่อนอื่นเลย เห็นกันในปัจจุบัน จิตของเราจะมีความตื่นตัว
มีสติดีกว่าชาวบ้านชาวเมืองเขา เวลาที่เกิดปัญหา
เวลาเจอกับอะไรที่ยากลำบากในชีวิตนี้ เราจะได้คิดก่อนคนอื่น
เราจะได้มีความสามารถในการที่จะทนทาน หรือว่าผ่านด่านอุปสรรคไปได้แบบไม่ยาก
แต่ในชาติหน้านี่
ผลจะต่างไปอย่างไร ก็ตามไปในลักษณะของการเป็นผู้มีปัญญา
การเป็นผู้ให้ความคิดกับคนอื่น การเป็นผู้ช่วยเอาซุงขวางทางของชาวบ้าน
ให้เขาออกจากทางไปได้ พูดง่ายๆ เคยทำไว้อย่างไร กรรมก็จะพยายามรักษาเส้นทางไว้เช่นนั้น
นะครับ
ถ้าเราอยู่อย่างครูในชาตินี้
เกิดใหม่เราก็จะไปเป็นครูเช่นกัน เกิดชาติปัจจุบันเป็นผู้ช่วย(เหลือ)
เกิดใหม่ก็ได้เป็นผู้ช่วยอีก
ไม่มีหรอก
ประเภทที่ไปช่วยเขาแล้ว เสร็จแล้วตัวเองก็ต้องไปรับผลแบบเขาอะไรแบบนี้ อย่างนี้
หมอก็ตายกันหมด ไปรักษาคนเป็นมะเร็ง แล้วเอาโรคมะเร็งของเขามาใส่ตัว
หรือว่าอย่างสมมติว่า เอาง่ายๆ เป็นคนกวาดถนนอย่างนี้ ไปกวาดถนนให้ถนนที่รกรุงรัง
คนที่ผ่านไปผ่านมา สมควรจะได้เห็นถนนรกๆ แล้วไปกวาดให้เขาสะอาด
บ้านของตัวเองก็ต้องมารก มาสกปรกตามสิ
นี่
เป็นสิ่งที่เราสามารถคิดกันได้ด้วย common sense แต่ด้วยความเชื่อแบบมนุษย์ ที่ไม่จำกัดว่าจะเชื่ออะไรได้บ้าง ก็พาเราเข้าพกเข้าพง
โดยที่ไม่สามารถที่จะไปห้ามได้
____________________
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
: ถ่ายทอดจากคลับเฮาส์ ครั้งที่ 1
วันที่
20 กุมภาพันธ์ 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=0rA2jOx4lPs&t=1s
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น