ดังตฤณ : ขึ้นต้นมาก็หงายนอนอย่างนี้นะครับ (แสดงแอนนิเมชั่นท่านอนราบ) เพื่อที่จะให้ลมหายใจมันสะดวก โฟลเข้าโฟลออกนะครับ
ถ้าคุณยังบอกว่าดิฉันไม่สามารถที่จะดูลมหายใจได้
พอดูแล้วมันเกร็งมันเครียดหรือว่าไม่ถูกจริต ก็ลองพิจารณาดูข้อมือก่อนก็ได้ ดูข้อมือว่ามันวางทอดอยู่
ถ้าคุณทำความรู้สึกไปที่ข้อมือที่มันวางอยู่บนเตียงนอนไปสักพักนึงเนี่ย
มันจะรู้สึกขึ้นมารำไรเหมือนกับมีโครงกระดูกโผล่ขึ้นมาให้ดู
คือเป็นโครงกระดูกข้อมือนั่นแหละ
เพราะความจริงก็คือว่าเราอ่ะนะ ตัวเรายกตั้งขึ้นมาด้วยโครงกระดูก
ทั้งตัวมันเป็นกระดูกอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเรารับรู้ตามจริงถึงท่านอน มันก็จะเห็นว่าท่านอนเนี่ยนะครับ
จับจุดโฟกัสก่อนก็ได้ เนี่ยข้อมือมันวางอยู่
พอเห็นว่าตรงข้อมือที่แท้มันเป็นกระดูก มันรู้สึกขึ้นมารำไรรำไรเนี่ย
เหมือนกับมีกระดูกสองซีกอยู่อย่างนี้นะครับ
มันจะเห็นทั้งตัวขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องฝืนไม่ต้องบังคับ
คือมันจะรู้ขึ้นมาว่า
ไอ้ที่นอนอยู่ทั้งตัวเลยเนี่ย มันคือโครงกระดูกนอน ไม่ใช่ตัวเรานอน ไม่ใช่ใครนอน
ไม่ใช่อะไรนอนทั้งนั้น มีแต่โครงกระดูก
แล้วคุณไม่ต้องกลัวนะว่าจะกลัวผีหรือกลัวอะไร
เพราะว่าตัวทั้งตัวของคุณนั่นแหละมันเป็นอย่างนี้อยู่
ไอ้ที่ไม่เห็นมาซะตั้งนานเพราะว่าไม่ได้พิจารณา
ทีนี้สรุปง่ายๆ เจริญสติในอิริยาบถนอนเนี่ย คือดูขัอมือก่อนว่ามันวางอยู่เฉยๆ แล้วหายใจเข้าหายใจออกธรรมดาเป็นปกติ ห้สำรวจเท้านะว่าเท้ามันเกร็งอยู่รึเปล่า สำรวจมือ มือเกร็งอยู่มั้ย ถ้าไม่เกร็งทั้งมือทั้งเท้า ในที่สุดคุณแค่ทำความรู้สึกมาสบายๆว่า ที่ข้อมือของคุณเนี่ย มันปรากฏเป็นยังไงในความรู้สึก มันจะเห็นเป็นกระดูกข้อมือขึ้นมาเอง
แล้วพอเห็นเป็นกระดูกข้อมือได้
อันนี้เรียกว่าเริ่มมีสติเห็นกายตามจริง ตามที่มันวางทอดนอนอยู่แล้วก็ประกาศตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตัวมันเนี่ย
มันเป็นโครงกระดูกอยู่ แต่คุณนึกว่ามันเป็นเนื้อหนังเป็นหน้าตา
เพราะว่ามองดูในกระจกเงา หรือไม่ก็มองดูคนอื่นแล้วห็นแต่เนื้อหนัง
เห็นแต่ภายนอกที่มันห่อหุ้มอยู่ พอจิตของคุณเริ่มไปรู้เห็นว่ากายนี้เป็นกระดูก
คุณไม่ต้องกลัวนะว่าคุณจะเกิดความตื่นเต้นตกใจอะไร มันจะค่อยเป็นค่อยไป เห็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
แล้วถ้ามีความรู้สึกว่า ตัวเราเนี่ยที่มันวางอยู่ มันเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่ง ที่วางอยู่เฉยๆไม่มีใครอยากหยิบขึ้นมาทำอะไร เห็นเป็นโครงกระดูกเฉยๆ ใจมันจะสบาย มันผ่อนคลาย แล้วจะหลับแบบที่มีสติจริงๆ มีสติแบบพุทธ หลับอย่างจิตที่ไม่รู้สึกยึดมั่นถือมั่นในกายนี้ใจนี้ว่าเป็นตัวเป็นตนนะครับ จิตมันจะเบา แล้วก็ไม่เอาสภาพร่างกายจะน่าเกลียด หรือว่าจะน่าชมแค่ไหนก็ตามเนี่ย ใจมันจะหลับในแบบที่ .. คือตอนที่เคลิ้มหลับมันจะเปลี่ยนจากสติที่รู้กายไม่ใช่ตัวตน เป็นสติแบบลงหลับแบบเป็นสมาธินะครับ คือไม่ใช่ตั้งใจที่จะเพ่งให้เกิดสมาธิ อันนี้สำคัญมากนะ ถ้าตั้งใจเพ่งให้เกิดสมาธิตาจะแข็ง แล้วก็จะเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่านอนไม่หลับ
แต่ถ้าหากว่าเราอยู่กับท่านอนด้วยสติแบบสบายๆ รู้สึกว่าที่มันวางอยู่เนี่ยไม่เห็นเป็นกายของใครเลย มีแต่โครงกระดูก แล้วยิ่งจิตของคุณมันยิ่งใสขึ้นเท่าไหร่ มันยิ่งเห็นเหมือนกับกระดูกขาวๆ บางทีอาจจะเห็นเหมือนกับกายเนี่ยเป็นแก้วเลย ใสเหมือนแก้วเลย ใสตามจิตนั่นแหละ จิตใสมันก็เห็นกายใส
พอรู้สึกได้ว่าทั้งกายทั้งใจไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนอะไรที่มันน่ายึดมั่นถือมั่น จิตก็หลับอย่างเป็นอิสระ ถ้าฝันอย่างน้อยมันจะฝันเป็นธรรมะ หรือโน้มเอียงจะเป็นธรรมะ คือถึงแม้จะมีเรื่องราวอะไรที่ยุ่งเหยิงอยู่ตามประสาจิตของคนที่ยังวางไม่ลงจริง มันก็จะได้ข้อสรุปเป็นธรรมะ หรือเกิดสติขึ้นมาในความฝัน เวลาทำท่าจะฝันร้ายขึ้นมาเนี่ย มันก็จะรู้ตัวนะครับ
แล้วถ้าใครได้ตัวโครงกระดูกนี้เป็นนิมิตติดใจก่อนที่จะย่างเข้าสู่ภาวะหลับ
มันก็อาจจะไปเห็นต่ออีกนะครับ เห็นเป็นกายเน่าเปื่อยผุพังเหมือนอย่างที่หลวงพ่อพุธท่านมาเล่าเป็นประจำเลยนะว่า
ท่านได้ดีทางธรรมก็เพราะว่า
ท่านเห็นกายที่นอนอยู่เนี่ยเป็นโครงกระดูกเน่าเปื่อยผุพัง
แล้วจิตท่านลอยเด่นขึ้นเหนือกายนะครับ
แล้วก็เสร็จแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นเนี่ย มารู้เองเห็นเองจากการลองทำตามท่านก็แล้วกันนะครับ
--------------------------------------------
๖
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน ชาตินี้ไม่มีบุญ หรือชาตินี้ไม่มีใจ?
คำถาม : อยากให้แนะนำการทำสมาธิในอิริยาบถนอนค่ะ
ระยะเวลาคลิป ๕.๓๘
นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=wRCHVulfUH0&list=PLmDLNhxScsWO7ZAuqr-FC25dor6ETZhM-&index=9
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น