ถาม
: บางคนชอบเข้าวัดทำบุญ
แต่กลับไม่เคยให้เงินพ่อแม่ พ่อแม่เคยขอแต่ทำเฉย
หรือบางคนชอบออกไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไปกินอาหารนอกบ้าน
แต่กลับทิ้งพ่อแม่ไว้ที่บ้านอยู่บ่อยๆ พ่อแม่เองก็คอยทำงานบ้านให้สารพัด
จะมีวิธีเตือนอย่างไร? รบกวนแนะนำด้วย หรือจะแสดงว่า
พ่อแม่ช่วยทำงานให้ทุกอย่าง โดยที่คนๆนั้นไม่ต้องเหนื่อย
มันแปลว่าคนๆนั้นเป็นเทวดานางฟ้ามาเกิดหรือเปล่า?
ดังตฤณ
: เอาตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน
อาจจะเป็นเทวดานางฟ้ามาเกิดก็ได้ แต่ใช้ให้พ่อแม่ทำงานแล้วไม่เลี้ยงดูตอบแทนเนี่ย
เป็นต้นเหตุที่ไม่ดีนัก ไม่ใช่ต้นเหตุของเทวดา ไม่ใช่ต้นเหตุของนางฟ้าแน่นอน
คือจะเคยเป็นอะไรมาก่อนเนี่ย มันพูดกันไม่รู้จบนะ เพราะว่ามองไม่เห็น มันระลึกไม่ได้
จำไม่ได้ ลืมกันไปหมดแล้วว่าเคยเป็นอะไรกันมา
แต่ที่แน่ๆตอนนี้เห็นว่ากำลังทำเหตุอะไรอยู่
ศาสนาพุทธบอกอยู่เสมอนะ
ถ้าหากว่าเป็นผู้ไม่มีความกตัญญู เป็นผู้ไม่ทำให้พ่อแม่มีความสุขตามอัตภาพ
เป็นผู้ที่พ่อแม่ขอแล้วไม่ให้ ทั้งๆที่ให้ได้เนี่ย มันเป็นหนทางที่ไม่ใช่ขึ้นสูง
จะบอกเขายังไง? ถ้าหากว่าเขาไม่เชื่อเรื่องภพชาติ
เชื่อเรื่องการทำบุญแต่ไม่เชื่อเรื่องภพชาติ มันก็ขัดกันอยู่แหละ
ก็อาจจะเปรยๆให้เขาฟัง หรือว่าถ้าหากว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน
เป็นญาติกันแล้วเตือนกันไม่ค่อยจะได้ มันค่อนข้างจะยากเนี่ยนะ
เราก็อาจจะหาพระที่น่านับถือ
แล้วท่านเทศน์เกี่ยวกับเรื่องความกตัญญูกับบุพการีมาเปิดให้ฟังบ่อยๆ
แกล้งเปิดแบบลอยลมนะ อย่าจงใจ อย่าทำให้เขารู้สึกว่า เราจงใจมากเกินไป
เหมือนกับเราตั้งใจฟังอยู่ แต่ว่ามันลอยลมไปเอง
โดยเฉพาะท่อนที่ครูบาอาจารย์ท่านเทศน์ว่า ถ้าหากอกตัญญูกับพ่อแม่ ไม่รู้คุณพ่อแม่
อย่างหลวงพ่อพุธเนี่ย ท่านจะมีกัณฑ์เทศน์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ค่อนข้างบ่อย
อย่างเช่นที่ว่า ท่านเคยยกตัวอย่างไว้ อย่างถ้าจะใส่บาตรพระแล้วพ่อแม่มาขอกินก่อน
ถ้าลูกไม่ให้กลัวพ่อแม่จะบาป ลูกเองนั่นแหละบาป เพราะว่าของจะถวายพระเนี่ย
ซื้อให้เมื่อไรก็ได้ แต่ว่าของที่พ่อแม่อยากกินเนี่ย
ไม่รู้ว่าเราจะมีจังหวะประจวบเหมาะแบบนั้นอีกเมื่อไร
หลวงพ่อพุธท่านบอกอย่างนี้เลยนะ บอกว่าให้คิดว่าใส่บาตรพระเหมือนกัน
พระอรหันต์ในบ้าน
จริงๆแล้วคำว่าพระอรหันต์ในบ้าน ไม่ใช่คำของพระพุทธเจ้านะ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า พ่อแม่ที่ดีเป็นเหมือนพรหมของบุตร
คือหมายความว่าเมตตาไม่มีประมาณ เมตตาโดยไม่มีข้อจำกัด กรุณาโดยไม่มีข้อจำกัด
และลูกได้ดีเนี่ยมีแต่ความยินดีปลาบปลื้ม ถ้าหากว่าลูกจะไม่ตอบแทนเลย
พ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไร ถ้าเป็นพ่อแม่ที่ดีนะ
ตรงนั้นนะมันไม่มีใครมาทำให้เราเท่ากับพ่อแม่แบบนั้นแหละ อดตาหลับขับตานอนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก
ยากลำบากมากกว่าจะโตขึ้นมาเนี่ย แต่ละวันๆเนี่ย มันเหนื่อยแสนสาหัส
ถ้าเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมานะ แต่ธรรมชาติเขาปกปิดไว้ไม่ให้เห็น
แล้วก็ไม่ทำให้คิดว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตอบแทน มันบีบให้เรานึกว่า
พ่อแม่มีหน้าที่ต้องเลี้ยงเราอย่างเดียว ต้องให้เราอย่างเดียว
แล้วก็ไม่เกิดความรู้สึกว่า ตัวเองจะต้องทำอะไรให้พ่อแม่ เนี่ยตรงนี้กลายไปเป็นว่า
ถ้าเพื่อนให้เงินเนี่ย สำนึกบุญคุณของเพื่อนเหลือเกิน
หรือว่าครูสอนอะไรดีๆมาบูชาท่านมาก
หรือแม้กระทั่งเห็นพระเห็นเจ้าไปได้ความสุขมาจากท่าน มีความรู้สึก
มันเป็นบุญล้นพ้นเหลือเกิน
จริงๆแล้วเนี่ยนะ เคยมีคนพูดไว้บอกว่า
ต่อให้ใครเอาเงินมาฟาดหัวเราสักพันล้าน มันก็ไม่มีประโยชน์
เท่ากับที่พ่อแม่ให้เลือดเนื้อเรา มารับเงินพันล้านนั้น ตัวเราเนี่ย
เลือดเนื้อของเราที่ใช้นั่งฟังวิทยุอยู่ตอนนี้ ได้มาจากไหน ถ้าหากว่าไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่
จิตวิญญาณของเรา จะได้พบแสงสว่างของพุทธศาสนา ได้มีโอกาสพัฒนาจิตวิญญาณ
ให้มีความสูงส่งต่อๆไปได้อย่างไร
ถ้าหากว่าพ่อแม่ไม่ได้ให้มาเกิดในโลกที่มีพุทธศาสนาอุบัติแบบนี้ ตรงนี้แหละ
ถ้าเราลองเอากัณฑ์เทศน์ของหลวงพ่อพุธที่เกี่ยวกับพ่อแม่ การทำบุญกับพ่อแม่ก่อนทำบุญกับพระ
ไปให้เขาฟังก็แล้วกัน มันก็น่าจะได้ผลบ้างนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น