ถาม : ผมเป็นคนที่มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น
ถ้าอยากจะแก้ไข ควรทำอย่างไรทั้งในแง่สมถะและวิปัสสนาครับ
ในแง่ของวิปัสสนา คือ เห็นความไม่เที่ยงของความเจ้าคิดเจ้าแค้น
การแผ่เมตตา คือ การที่เราฝึกที่จะให้ทาน
เริ่มต้นขึ้นมาเลย ฝึกที่จะให้ทาน
สวดมนต์แล้วมีความสุข
อยากให้ความสุขนี้เป็นทานแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง
และพิสูจน์ใจด้วยการที่เราสามารถจะให้ส่วนเกิน
จะเป็นทรัพย์ส่วนเกิน เงินส่วนเกิน
แก่ผู้มาขอหรือว่าผู้ต้องการ หรือว่าผู้ที่สมควรได้รับ
ลักษณะของทาน
ลักษณะของการให้ของส่วนเกินนั่นแหละ
เป็นการแผ่เมตตาขั้นต้น
การแผ่เมตตาที่ยากขึ้นกว่านั้นอีกนิดหนึ่ง คือ
เวลาเราโกรธใคร
เวลามีคนมาทำให้เราโกรธ
ด้วยเรื่องที่มันไม่ยุติธรรมกับเรานะ
ไม่ใช่เราโกรธเขาเพราะเขาไม่ได้อย่างใจเรานะ
มีคนมาทำให้เราขัดเคือง
มีคนมาคดโกง มีคนมายั่วแหย่ กระเซ้า
หรือว่ามาด่าว่าด้วยคำหยาบคาย
ด้วยคำนินทาอันเผ็ดร้อน
แล้วเราคิดว่านั่นเป็นบาปของเขา
เราไม่อยากจะไปเพิ่มบาปให้เขาแล้วก็ตัวเราเอง
ก็ให้คืนบาปนั้นสู่ความว่างเปล่าไป
ไม่ไปเอาเรื่องเอาราวเขา
นั่นแหละเรียกว่าให้อภัยเป็นทาน
นี่ก็เป็นการแผ่เมตตา
นี่ก็เป็นการอยากให้ความสุขของเรา
ไปเป็นความสุขของเขาด้วยนะ
ไม่ไปมัวคิดถึงเรื่องความยุติธรรมไม่ยุติธรรม
คิดแค่ว่าเราไม่เบียดเบียนเขา
แค่นี้ก็คือทำให้เขามีความสุขได้พอสมควรแล้ว
ไม่เบียดเบียนเขาคืนนะ
แล้วก็ไม่เบียดเบียนตนเอง
ให้ต้องมีจิตใจคับแคบกระสับกระส่าย
แค่นี้เรียกว่าเป็นสมถะ
ส่วนในแง่ของวิปัสสนา
คือเรารู้อยู่เห็นอยู่ว่าเกิดความรุ่มร้อนอย่างไร
ยอมรับตามจริง
ไม่ใช่ไปพยายามที่จะสาดน้ำเย็นโครม
ให้ดับไฟร้อนให้มันมอดไปทันที
ไม่ใช่พยายามแบบนั้น
แต่ยอมรับตามจริงว่าขณะนั้น
ไฟโกรธมันลุกโพลงมันลุกฮืออยู่ขนาดไหน
มันรู้สึกเหมือนกับ อู้หู เร่าร้อน
เหมือนกับจะมีใครมาเผาเราออกมาจากข้างใน
มีความรู้สึกเหมือนกับกล้ามเนื้อทุกมัด
มันพร้อมที่จะทำงานประสานกัน
เป็นอาการชกต่อยเตะตี
เพื่อให้คนที่มาทำให้เราไม่พอใจ
มันได้รับความเจ็บปวดมากที่สุด
รู้ไปว่าอาการทางกายเกิดขึ้นอย่างไร
อาการทางใจเกิดขึ้นอย่างไร
ยอมรับไปตามนั้นเพื่อให้เห็นว่า
ลักษณะ ณ ขณะนั้น
ทางกายทางใจมันกำลังปรากฏอยู่อย่างไร
พอยอมรับได้
พอเห็นได้ว่าลักษณะทางกายทางใจปรากฏอยู่อย่างไร
ในอึดใจต่อมาก็จะสามารถเห็นได้ว่า
ลักษณะแบบนั้นๆ
มันเปลี่ยนแปลง มันไม่สามารถคงที่อยู่ได้
ต่อให้เรารู้สึกเหมือนกับจุกแน่น ไม่สามารถทนได้
ถ้าหากว่าไม่ไปทำร้ายกลับ ไม่ทำร้ายคืน
ภาวะมันจะสุดขีดที่จะกลั้นแค่ไหนก็ตามนะ
ขอแค่เราสามารถที่จะยอมรับได้ตามจริงว่า
มันกำลังมีความเป็นอย่างไรอยู่
ความเป็นอย่างนั้น
มันจะแสดงความไม่เที่ยงให้เห็นในเวลาไม่นาน
นี่เรียกว่าวิปัสสนา
แต่คนที่จะทำแบบนั้นได้
คนจะมีความสามารถเห็นอย่างนั้นได้
ต้องมีอภัยเป็นทานมาก่อน ต้องมีทุนมาก่อน
ต้องมีความสุขพอสมควร
ต้องมีจิตเป็นกุศลพอสมควร
ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้
ถ้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากๆ
แล้วไม่เคยฝึกอะไรมาเลย
ไปทำแบบนั้นมันรู้สึกเหมือนกับจะจุกอกตาย
มันเป็นไปไม่ได้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น