วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

๔.๕๕ นอนเยอะแต่หลับไม่เต็มอิ่ม ขี้เซา


อยากทราบวิธีแก้ไขนิสัยที่ไม่ดี คือว่าเป็นคนง่วงง่าย ขี้เซา หลังตื่นนอนตอนเช้าจะมีอาการซึมๆมึนตึ๊บอยู่หลายนาที ทั้งๆที่นอนพักผ่อนไปร่วมแปดชั่วโมงแล้ว และถ้าหากนอนน้อยจะยิ่งมึนร่วมกับหงุดหงิดง่ายด้วย?

รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/-uvIRPlHYYM

ดังตฤณ :
ถ้าเอาตามที่เห็นจากประสบการณ์ตรงและก็ดูจากหลายๆท่านนะครับ อาการที่เราอยากจะนอนมากๆแล้วก็ขี้เซา หรือว่าตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการมึนร่วมกับอาการหงุดหงิดทั้งหลายทั้งแหล่นี่นะ ส่วนใหญ่จะมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตระหว่างวันด้วยนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราเป็นคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการบันเทิง มากกว่าที่จะทำงานนี่ ส่วนใหญ่จะเป็นอาการแบบนี้กัน อันนี้คือพูดจากที่เห็นล้วนๆเลยนะ คือไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และไม่ได้เอาผลงานวิจัยจากใครมาทั้งสิ้นนะ

ถ้าหากว่าระหว่างวันมีอาการเหม่อบ่อย มีอาการฟุ้งซ่านไปในเรื่องของการบันเทิง หรือว่ามีอาการหงุดหงิดง่ายไปในเรื่องของการกระทบกระทั่งอะไรต่อมิอะไรต่างๆ พูดง่ายๆว่าเป็นคนคิดไปเรื่อยเปื่อยนะครับ มีอะไรมากระทบนิดๆหน่อยๆก็สามารถจะเกิดปฏิกิริยาในทางที่ไม่ดี ในทางที่เป็นลบ หรือลุ่มหลงอยู่ในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียงต่างๆนะครับ ด้วยลักษณะของคนที่ปักใจอยู่กับการใช้ชีวิตในเมืองแบบที่มีสีสัน มีแสงเสียง ที่จะยั่วเย้าให้กิเลสมันกำเริบไปในทางเคลิ้มหลงนะครับ 


อันนี้มันจะเกี่ยวกับการที่เรานอนไปแล้วนี่ รู้สึกไม่เต็มอิ่ม เพราะอะไร? อยากให้สังเกตว่าถ้าหากเรานอนลงไป แล้วข้างในมันยังไม่ยอมพักผ่อนตาม มันมีอาการเหมือนกับฝันวกวนเหมือนกับเราต้องออกแรง หรือว่ามีความเลอะเทอะเลื่อนเปื้อนนะครับ ภาพโน้นกระโดดไปทางนั้นที แล้วภาพนี้เปลี่ยนไปเป็นฉากโน้นฉากนี้มั่วเลอะเทอะไปหมดนี่นะ พอตื่นขึ้นมาแล้วมันจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเลอะเลือนพร่ามัว เพราะว่าจิตใจระหว่างวันนี่มันพร่ามัวอยู่แล้ว มันเหม่อมันซึมมันมีอาการฟุ้งอยู่แล้ว พอไปนอนหลับพักผ่อน อาการฟุ้งอาการเหม่อซึมนั้นนะ มันก็ไม่ขาดสายหายหนไปไหน มันยังมีความต่อเนื่องไปพัฒนาในรูปความฝัน ที่สร้างมาจากพื้นฐานความเหม่อความฟุ้งซ่าน พอตื่นขึ้นมามันก็เลยมีความรู้สึกอย่างที่ว่านั้นแหละ 

อันนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะน้องที่ถามมานะ นี่พูดถึงในกรณีทั่วๆไปที่เห็นบ่อยที่สุดนะครับ พูดง่ายๆคือถ้าหากว่าจิตใจของเราไม่โฟกัส ไม่เป็นสมาธิอยู่กับสิ่งที่เป็นประโยชน์ในระหว่างวัน และก็เอาจิตไปใช้ในทางที่ออกแนวบันเทิงซะมาก หรือว่าเหม่อซะมาก หรือว่าฟุ้งซ่านไปในเรื่องของราคะ โทสะ โมหะซะมากนี่ มันก็จะไปต่อยอดเอาที่ความฝัน มันก็เลยไม่มีการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีการพักผ่อนที่มีคุณภาพมากพอนะครับ ตื่นขึ้นมาก็เลยซึมเซาได้ และก็จะมีอาการอยากนอนมากๆด้วย 

นอกจากนั้นยังมีเรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะในกรณีของจิตฟุ้งซ่าน จิตเหม่อลอยระหว่างวันอย่างเดียว บางทีมันขึ้นอยู่กับสถานที่ด้วยนะว่า เรานอนในที่ที่มีออกซิเจนพอไหม อย่างหลายคนเคยบอกว่าออกจากกรุงเทพไปแล้วเข้าไปที่เขาใหญ่ หรือไม่ก็แถวที่มีโอโซนมากอย่างวังน้ำเขียว โคราชอะไรแบบนั้น หรือจะเป็นบรรยากาศชายทะเลหัวหิน หรือว่าจันทบุรีอะไรต่างๆที่อากาศยังบริสุทธิ์อยู่นี่นะ มันเห็นผลชัดเจนเลย คืนแรกสองคืนแรกนี่ แตกต่างจากกรุงเทพอย่างชัดเจน รู้สึกเหมือนกับตื่นขึ้นมามีความสดชื่น อันนี้ก็เพราะว่าในทางกายภาพนี่นะ ถ้าหากว่าเราได้นอนในที่ๆมีความปลอดโปร่งมากพอ มีออกซิเจนมากพอนะ คุณภาพในการพักผ่อนมันต่างกันเป็นคนละเรื่องเลยนะครับ 

นอกจากนั้นถ้าหากว่าระหว่างวันก็ปฏิบัติตัวดีแล้ว หรือว่าออกซิเจนก็พอเพียงแล้ว แต่ตื่นมาทำไมมันยังมีอาการง่วงงุนเซื่องซึมอยู่ อันนี้จะทดลองอย่างนี้ก็ได้นะครับ ทำให้ทุกเช้ามีความเบิกบานในกุศล ทำให้ทุกเช้ามีความสว่าง มีความตื่นตัว ถ้าหากว่ายังนั่งสมาธิไม่เป็น ก็ขอแนะนำให้สวดมนต์ สวดมนต์ทุกเช้าที่ตื่นนอนขึ้นมานะครับ ถ้าหากว่ายังสวดมนต์ให้เกิดความชุ่มชื่นไม่ได้ ลองเปล่งเสียงเต็มปากเต็มคำ ‘อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ’ ถ้าคุณเปล่งเต็มปากเต็มคำนะครับ แก้วเสียงออกมาฟังแล้วมีความรู้สึกว่า เราสามารถที่จะตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับเสียงที่เป็นมงคล พร้อมกับการใช้แก้วเสียงไปในทางบูชาพุทธคุณแทนดอกบัว แทนดอกไม้ แทนมาลัยนะครับ คุณจะเกิดความรู้สึกว่า เสียงของคุณนั่นแหละปรุงแต่งจิตให้เกิดความสดใส ปรุงแต่งจิตให้เกิดความตื่นเต็มขึ้นมาได้อย่างง่ายดายนะครับ ก็ทดลองดูก็แล้วกัน พูดง่ายๆนะ ถ้าหากว่าปัจจัยทางกายมันไม่สามารถทำให้ตื่นขึ้นมาได้ ก็เอาปัจจัยทางจิต คือความเป็นกุศลจิตมาลองปรุงแต่งชีวิตในช่วงเช้าดู ทดลองดูนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น